เล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 1 บทที่ 33: พุ่งทะยานไปในป่าใหญ่
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
เล่มที่ 1 บทที่ 33: พุ่งทะยานไปในป่าใหญ่
.
การเอนชานท์เกล็ดเมล่อนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
ถ้าเมล่อนต่อสู้ด้วยหมัดเปล่าๆ ของนาง นางจะสามารถจุดไฟเผาศัตรูได้เลย
ส่วนการเปิดใช้งานการเอนชานท์คือต้องเปิดใช้งานการ "โจมตี" ซึ่งหมายความว่านางยังสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนทั่วไป ไม่ต้องกังวลว่าจะเผลอจุดไฟโดยบังเอิญ
นอกจากนี้นางยังสวมถุงมือที่เกรซมอบให้ในวันเกิดของนางด้วย เผื่อป้องกันไม่ให้เวทมนตร์เปิดใช้งาน มันทำหน้าที่เหมือนกับเป็นตัวจำกัดพลังงาน
ข้าคิดว่าน่าจะเอนชานท์ถุงมือสักสองสามอย่างคงจะดี มาเพิ่ม [ป้องกัน] และ [ป้องกันการโจมตีระยะไกล] ลงไปดีกว่า
ถุงมือซ้ายเป็น [ป้องกัน] ในขณะที่ถุงมือขวาเป็น [ป้องกันการโจมตีระยะไกล]
[ป้องกันการโจมตีระยะไกล] เป็นเอนชานท์ที่ทรงพลังมากในตอนนี้ เพราะมันสามารถป้องกันธนู กระสุนเวทมนตร์ ลูกไฟและการโจมตีระยะไกลได้ทุกอย่าง
เราทำการทดสอบมากมาย โดยมีเกรซเป็นอาสาสมัครให้ เราเริ่มด้วย [ใบมีดวายุ] แต่ในขณะที่เราทำการทดสอบต่อไป เราก็ได้ข้อสรุปว่าเกือบทุกอย่างที่นับเป็นการโจมตีระยะไกลล้วนถูกป้องกัน
ลูกธนูจะสูญเสีย 'พลัง' และหล่นลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
อย่างไรก็ตาม เราพบว่าสิ่งต่างๆ เช่นลูกไฟขนาดยักษ์สามารถป้องกันได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากเมลอนยังคงถูกแผดเผาด้วยไอร้อนที่ตามมาอีก
ซึ่งมีอีกปัญหาคือถุงมือจำเป็นต้องสัมผัสกับการโจมตีจึงจะทำงานได้ การโจมตีแบบพื้นที่กว้างคงไม่สามารถป้องกันได้
ทว่ามันก็ยังคงเป็นเอนชานท์ที่ดี มันจะมีประโยชน์มากเมื่อไปต่อสู้กับนักธนูและนักเวทย์ที่ใช้การโจมตีขนาดเล็ก
ข้าสงสัยว่าใบหน้าของศัตรูของเมล่อนจะเป็นเช่นไรเลยเมื่อพวกเขารู้ว่านางสามารถป้องกันการโจมตีระยะไกลด้วยมือเปล่าได้? คงจะตกใจสุดขีดเลยกระมัง? ทำเอาข้านึกถึงตัวการ์ตูนเรื่องหนึ่งเลย ถ้าโลกนี้มีกล้อง ข้าจะเตรียมาถ่ายฉากนั้นเป็นแน่
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องการทดลองเอนชานท์กับเมล่อน
ณ ตอนนี้ข้ากำลังเร่งความเร็วผ่านป่า - โอ้ ขอแก้ไขเสียหน่อย - ข้ากำลังเร่งความเร็วผ่านป่าในขณะที่ขี่หมาป่าไปด้วย
ไรเฟิลเร็วมาก ราวกับว่า... โอ้ ข้าคือเดอะแฟลช! ไปเร็ว!
โดยปกติแล้ว มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพุ่งผ่านป่าด้วยความเร็วระดับนี้ เจ้าลองจินตนาการสภาพที่ต้องขี่รถผ่านต้นไม้ดูสิ มันมีอุปสรรคทางธรรมชาติอยู่มากมาย
แต่นั่นไม่ใช่กับไรเฟิล มันเหมือนกับการขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองอย่างชาญฉลาด
ข้าสามารถบอกจุดหมายปลายทางให้เขาได้ และเขาก็จะใช้เส้นทางที่ข้าคุ้นเคยมากที่สุดโดยอัตโนมัติ ไม่ใช่เส้นทางที่ไรเฟิลคุ้นเคยนะ
สุดยอดมากเลยใช่ไหมล่ะ! สะดวกสบายสุดๆ ข้ารู้สึกว่าผู้คนบนโลกใบเก่าควรทิ้งรถและมาควบหมาป่ากันดีกว่า เย็นสบาย ไม่เสียพลังงานทำร้ายโลกและลดมลพิษไปอีกต่างหาก
ไม่เพียงแค่นั้น มันยังเร็วพอที่จะแข่งกับมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งเลยด้วยนะ
อย่างกับมอเตอร์ไซค์ต่างโลก อืม เข้าท่าดีแฮะ
"เฮ้..." ข้าดึงคันธนูขึ้นมาโดยเล็งไปที่ [วัวมิลโทว์] ในระยะไกล
ไรเฟิลให้ความร่วมมือโดยอัตโนมัติด้วยการชะลอตัวลงอย่างกะทันหัน ซึ่งเป็นกับช่วงเวลาที่ข้าปล่อยลูกศรออกไปทันที
*ปึก !* เป็นเสียงไม้ที่ทะลุเข้าศีรษะ [วัวมิลโทว์] และระเบิดรูบนต้นไม้ด้านหลัง
ว้าว ทรงพลังเกินไปแล้ว
คันธนูนี้สร้างขึ้นโดยใช้วัตถุดิบที่ดีๆ มากมาย
อย่างแรกคือไม้ที่มาจาก [ไม้นางฟ้าพันปี] และสายธนูถูกสร้างขึ้นโดยการรวมเส้นใยแมงมุมสีทองที่ทนทานมากที่เก็บมาจากฝูงแมงมุมหายาก
แน่นอนว่ามีการเอนชานท์ [พลัง IV], [ไฟ I], [กระเด็น I] และ [ไร้ที่สิ้นสุด] ด้วย
[พลัง] คือการเพิ่มความแรง... [ไฟ] ทำให้ลูกศรปกติกลายเป็นลูกศรเพลิง [กระเด็น] เพิ่มคลื่นกระแทกให้กับลูกศร
ในที่สุดก็มาถึง [ไร้ที่สิ้นสุด]
ในความเห็นส่วนตัวของข้า สิ่งนี้เป็นหนึ่งในเอนชานท์ที่มีพลังมากที่สุดในมายคราฟ
แม้ว่าพอเกมผสานเข้ากับชีวิตจริง หลักฟิสิกส์ต่างๆ จะอิงชีวิตจริงเป็นหลัก แต่ด้วยเอนชานท์นี้ ตราบใดที่มีลูกธนูเหลืออยู่หนึ่งลูก ข้าก็จะไม่มีวันที่ลูกศรหมดลง
ด้วยเสริมแกร่งทั้งหมดนี้รวมกัน มันทำให้คันธนูอันนี้เหมือนกับปืนใหญ่...
รูปลักษณ์ของคันธนูนี้หลอกตามาก สีเป็นเฉดสีเทาที่เรียบง่าย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ [ไม้นางฟ้าพันปี] และมีเส้นดึงสีทอง ข้าไม่ได้ประดับอะไรที่มันดูหรูหรา
ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะตั้งชื่อคันธนูยาวนี้ว่า [อพอลโล]
คันธนูนี้เป็นสมบัติของข้าและจะไม่มีธนูอันไหนเหมือน ยกเว้นว่าข้าจะสร้างมันขึ้นมาอีกอะนะ
อ้อ มีอีกเรื่อง การใช้ [ไม้นางฟ้าพันปี] ให้ค่าสถานะดีๆ มาด้วย มันจะค่อยๆ ฟื้นฟูชีวิตของผู้ใช้ตราบใดที่ถือมันอยู่ แม้ว่าข้าเดาว่ามันอาจจะไม่สามารถฟื้นฟูแขนขาที่ถูกตัดออกได้ แต่มันก็ยังคงทรงพลังมากอยู่ดี
บางทีข้าควรทำเครื่องประดับให้กับเมล่อนและเกรซด้วย [ไม้นางฟ้าพันปี] ยังมีเจ้าไม้พวกนี้อยู่ในคลังเยอะแยะมากมายเลย
สำหรับธนู ข้าใช้มันไปแค่ 10% เท่านั้นเอง
ไรเฟิลพุ่งไปที่ [วัวมิลโทว์] ที่ตกลงมาอย่างรวดเร็วและข้าก็เริ่มชำแหละร่างกายของมัน โดยเก็บวัสดุที่จะเป็นประโยชน์ของข้ามา
สิ่งที่เหลืออยู่คือเครื่องในและอวัยวะของวัว ซึ่งข้ากำจัดโดยการเรียกเถาวัลย์ขึ้นมาจากพื้นดินดึงมันลงไปในดินและคลุมมันไว้
เดิมทีข้าต้องการปล่อยให้ไรเฟิลกินอวัยวะของมัน แต่หลังจากที่ไรเฟิลเริ่มกินอาหารของข้า เขาก็กลายเป็นคนจู้จี้จุกจิกมาก...
ส่วนเถาวัลย์ที่โผล่มาจากพื้นดินมันเป็นความสามารถพิเศษใหม่ของข้า
สถานะ: [ต้นไม้โบราณ - มนุษย์] ทำให้ข้าคล้ายกับนางไม้ป่าใหญ่แห่งนาคูลา ตอนนี้ใน 'ทางเทคนิค' เราเป็นเสมือนครอบครัวเดียวกัน แต่ข้าเป็นเหมือนผู้ติดตามมากกว่าจะเป็นเผ่าเดียวกัน ทำให้ข้าสามารถใช้ทักษะพิเศษบางอย่างได้แล้ว
มีตั้งแต่ [สิ่งกีดขวางลวงตา] และคาถาธาตุไม้/ธรรมชาติ
ตามชื่อของมันเลย [สิ่งกีดขวางลวงตา] เป็นการสร้างสิ่งกีดขวางขึ้น มันเป็นสิ่งที่นางไม้ใช้เพื่อปกป้องและแยกตัวเองออกจากโลก ลักษณะของมันเป็นสิ่งกีดขวางที่สามารถเปลี่ยนแปลงและปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้ได้
วิธีเดียวที่จะทะลุมันไปตอนนี้คือการใช้เคลื่อนย้าย ซึ่งหมายความว่ามันเป็นแนวป้องกันที่ปลอดภัยมาก เนื่องจากเวทมนตร์เคลื่อนย้ายเป็นสิ่งที่ยากต่อการเรียนรู้
ทว่าข้าไม่สามารถสร้างสิ่งกีดขวางขนาดยักษ์เช่นนางไม้ได้ แต่สามารถสร้างสิ่งกีดขวางที่มีขนาดเท่าบ้านหลังเล็กๆได้อย่างปลอดภัย
ส่วนเวทมนตร์ไม้/ธรรมชาติ ก็คือความสามารถในการจัดการการเจริญเติบโตของพืชผ่านการใช้มานา
ตามปกติ เวทมนตร์เช่นนี้ไม่มีอะไรน่าประทับใจ แต่ที่จริงแล้ว เวทมนตร์ไม้เป็นสิ่งที่หายากและไม่ค่อยมีคนรู้จักกันนัก
มันคือการให้พืชดูดซับมานาจากโลก โดยที่เราจะเราสามารถเร่งการเติบโตของพวกมันได้ นอกจากการเติบโตแล้ว 'การเร่งความเร็ว' ยังนับเป็นเวทมนตร์กาลเวลาอีกด้วย สรุปก็คือ มันเป็นแขนงหนึ่งของเวทมนตร์แห่งกาลเวลาที่มุ่งเป้าไปที่พืชโดยเฉพาะ
สิ่งนี้ทำให้เวทมนตร์ไม้/ธรรมชาติมีความซับซ้อนมากขึ้น อย่าคิดว่ามันเป็นเพียงการทำให้วัชพืชเติบโตเร็วขึ้น พวกเจ้าประเมินพลังของมันต่ำเกินไปแล้ว!
...อืม แต่มันสามารถเร่งกระบวนการเติบโตเท่านั้น ไม่ใช่สร้างพืชจากอากาศบางๆ ขึ้นมา ข้าสามารถจัดการกับสิ่งที่มีอยู่แล้วเท่านั้นหรือไม่ก็ข้าต้องมีเมล็ดพันธุ์ของพวกมันอยู่
ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีแต่ต้องใช้ [ผงกระดูก] ต่อไป อีกอย่างคือข้าคุ้นเคยกับการใช้ผงกระดูกไปเสียแล้ว
แถมการดูดซับมานาจากโลกเป็นสิ่งที่อันตรายมาก จำได้ไหมว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น? มันเป็นเพราะการขาดมานาที่สร้างความไม่สมดุลจึงทำให้เกิดความแห้งแล้งขึ้น นางไม้ดูดซับมานามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อต่อสู้กับผลกระทบ [คำสาปเหี่ยวเฉา] และทำให้ดินแดนของทั้งภูมิภาคแห้งแล้งไป
ความสามารถเพิ่มเติมที่ข้าได้รับหลังจากกลายเป็น [ต้นไม้โบราณ - มนุษย์] คือตอนนี้ข้าสามารถสื่อสารกับพืชได้แล้ว
ใช่ พวกเจ้าฟังถูกต้อง ข้าสามารถพูดคุยกับพืชได้
แต่ด้วยความสัตย์จริง มีพืชเพียงจำนวนน้อยนิดที่สามารถพูดคุยได้ เฉพาะต้นไม้ที่มีอายุมากกว่าวัชพืชและหญ้าตามธรรมชาติเท่านั้นที่จะพูดคุยได้ ส่วนพวกพืชอื่นๆ ใช่ว่าจะพูดไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่มันจะร้องออกมาเป็นเสียงเด็กว่า "หยี" "ยาห์" - ที่ข้าไม่สามารถเข้าใจได้เลย
และ พวกมัน โคตรจะ น่ารำคาญ มาก
การถูกล้อมรอบด้วยหญ้าและวัชพืชก็เหมือนกับการเดินเข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของเหล่าเด็กทารก
นางไม้ที่ช่างจ้อเทียบกับต้นไม้พวกนี้ไม่ติดเลย
"กรร..." ไรเฟิลหยุดและส่งเสียงคำรามออกมาอย่างหนักหน่วง
เมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่สบายใจของไรเฟิล ข้าก็มองไปที่ [แผนที่ขนาดเล็ก]
...ที่สิบสองนาฬิกา [อาร์คอน] อยู่ห่างจากเราหนึ่งร้อยไมล์
เขาไม่ขยับ แต่เขาก็คงสัมผัสเราได้เหมือนกัน
"บรู๊วววว..."
"ไม่ไปรบกวนเขาดีกว่า" ข้าลูบคอของไรเฟิล
ไรเฟิลมีความไวต่อกลิ่นของ [อาร์คอน] มาก เขามักจะทำตัวแบบนี้อยู่ตลอด บางทีเขาคงอยากจะท้าทาย [ราชันแห่งขุนเขา] กระมัง
อืม ไรเฟิลตอนนี้แข็งแกร่งมากแล้ว...แต่ว่า...
หลังจากผูกพันกับข้าด้วยสัญญา สถานะของเขาก็กลายเป็น [ผู้ติดตามต้นไม้โบราณ - หมาป่า] เป็นผลให้อัตราการเติบโตของเขาสูงมากกว่าหมาป่าทั่วไป นอกจากนี้เขายังสามารถเข้าถึงเวทมนตร์ไม้/ธรรมชาติและ [สิ่งกีดขวางลวงตา] แต่ทั้งสองความสามารถก็ไม่ค่อยน่าประทับใจมากนัก
สิ่งกีดขวางที่ไรเฟิลสร้างเล็กกว่าของข้ามาก มันมีขนาดเพียงหนึ่งตารางเมตรเท่านั้น ส่วนเวทมนตร์ไม้ของเขาทำให้หญ้าและวัชพืชเติบโตเร็วขึ้น ทว่าไม่สามารถส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของต้นไม้ได้
เขาสามารถช่วยในการปลูกพืช เร่งการเติบโตของพวกมันและกลายเป็นยอดเกษตรกรหมาป่าได้เลย
โดยปกติแล้ว หมาป่าไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ ดังนั้นการที่เขาทำได้ถึงเพียงนี้ ก็ถือว่าน่าประทับใจไม่น้อยเลย แต่ข้ายังคงคิดว่าไรเฟิลไม่สามารถสู้กับ [อาร์คอน] ได้อยู่ดี บ่อยครั้งที่ข้ารู้สึกว่าถ้าข้าไม่หยุดเขาไว้ เขาคงจะเข้าไปสู้กับ [ราชันแห่งขุนเขา] แน่
ไรเฟิล ได้โปรดอย่าทำเช่นนั้นเลย
ขณะที่ข้าคิด ข้าก็ได้กลับมายังฐานลับพร้อมกับไรเฟิล
มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคนรอข้าอยู่ด้วย ช่างน่าประหลาดใจอะไรเช่นนี้