สุดยอดอัศวิน บทที่ 11 : คำท้าจากเบนสัน
สุดยอดอัศวิน บทที่ 11 : คำท้าจากเบนสัน
“เบนสัน นายต้องการอะไรอีก?”
มัวร์ที่เดินไปกับฌอนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองไปที่เด็กชายที่มาขวางทาง
โดยไม่สนใจคำพูดของมัวร์ เบนสันมองไปที่ฌอนที่อยู่ข้าง ๆ เขาอย่างเย็นชา
“ทำไมเอาแต่หลบหลังเพื่อนล่ะ?”
“ต้องการอะไรกันแน่?”
เมื่อมองหน้ากัน ฌอนพูดด้วยสีหน้าเย็นชาเล็กน้อย
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ เหตุผลที่นายผ่านการทดสอบก็เพราะกินยาเสริมยังไงล่ะ”
เบนสันแสดงสีหน้าเยาะเย้ย
“ยานั้นคงต้องแพงมากเลยใช่ไหม? ฉันไม่เชื่อว่าครอบครัวอย่างแคมป์เบลจะจ่ายให้นายได้ตลอดหรอก นายจะต้องถูกสั่งสอนให้กลับมาเป็นคนเดิมก่อนการประเมินครั้งหน้า!”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย”
ฌอนตอบอย่างปัด ๆ ในขณะที่มัวร์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็มีสีหน้าแปลก ๆ
คนอื่นไม่รู้ แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าฌอนมีพละกำลังในปัจจุบันเพิ่มขึ้นได้ยังไงโดยไม่ต้องกินยาปรับปรุงพลังทางกายภาพของตัวเอง เพราะเลือดกวางสีเงินที่เขาให้ฌอนนั้นได้รับคืนมาในสภาพเดิม
“นายกล้าขึ้นสนามประลองกับฉันไหมเล่า?”
เมื่อเห็นว่าฌอนยังคงสงบนิ่งแม้ว่าเขาจะชี้ให้เห็นความจริง แต่รู้สึกว่าเขาถูกเมินเฉยโดยสิ้นเชิง เบนสันจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ฌอน อย่ารับคำท้านะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มัวร์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตกใจ และห้ามปรามเขาอย่างรวดเร็ว
เขาเห็นผลการประเมินของเบนสันแล้ว ความเร็วคือ 36 วินาทีและพละกำลังคือ 54 เรตัน แม้ว่าผลลัพธ์นี้จะไม่ดีที่สุด แต่ก็ยังดีกว่าฌอนในปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนฌอน
“ถ้าฉันขึ้นสนามประลองงั้นเหรอ?”
สีหน้าของฌอนเย็นชาเล็กน้อย
เมื่อเกิดเหตุ นักเรียนของโรงเรียนอัศวินยุคใหม่มีวิธีแก้ไขความขัดแย้งอย่างเปิดเผย ซึ่งก็คือ “การต่อสู้ระหว่างความเป็นและความตาย” ในหมู่อัศวิน แม้ว่าจะมีกฎว่าพวกเขาไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายหรือทำให้พิการได้ แต่ก็สามารถพบเห็นอุบัติเหตุได้ทุกครั้งที่มีการดวล ฌอนคนเก่าที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะในการต่อสู้ครั้งล่าสุดกับเบนสันก็เป็นแบบนั้น
เขาสงสัยว่าการตายของฌอนคนเก่าไม่ใช่แค่อุบัติเหตุ แต่อาจเป็นเพราะน้ำมืออันเหี้ยมโหดของเบนสัน
เบนสันพูดอย่างยั่วยุเสียดสี
“ทำไม ไม่กล้าเหรอ? หรือนาย…”
เบนสันยังพูดไม่ทันจบ แต่ถูกขัดจังหวะด้วยประโยคหนึ่ง
“เอาสิ งั้นไปสนามประลองกันเลย”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เบนสันรู้สึกผงะอย่างเห็นได้ชัด เขาคิดว่าคงต้องใช้ความพยายามยั่วยุอย่างมาก แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมง่าย ๆ
“ฌอน นาย…”
เมื่อเขาได้ยินว่าฌอนตกลงรับคำท้าของเบนสันให้ “ไปสนามประลอง” สีหน้าของมัวร์ก็แสดงความกังวลทันที และเขาอยากจะพูดเพื่อเกลี้ยกล่อมเพื่อน
“เยี่ยมเลย ตกลงตามนี้ ฉันจะไปเตรียมสนามประลองให้เดี๋ยวนี้แหละ”
เบนสันซึ่งมีปฏิกิริยาในตอนแรกว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธเขา แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมฌอนถึงตกลงอย่างง่ายดาย แต่เขามั่นใจว่ามันไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาเลยที่จะเอาชนะฌอนด้วยกำลังของตัวเอง ดังนั้นแล้วเขาจะไม่ให้โอกาสฌอนเปลี่ยนใจเด็ดขาด
“เฮ้ ฌอน นายใจร้อนเกินไปแล้ว!”
เมื่อเห็นเบนสันรีบวิ่งไปเตรียมสนามประลอง มัวร์ก็พูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ฉันเห็นคะแนนของเขาระหว่างการประเมิน ความเร็วของหมอนั่นคือ 36 วินาทีและพละกำลัง 54 เรตันเลยนะ คะแนนทั้งสองอย่างของเขามากกว่านายซะอีก”
“ไม่ต้องกังวล ความเร็วและพละกำลังของเขาไม่ได้ดีกว่าไปกว่าฉันหรอก การดวลไม่ได้วัดแค่พละกำลังและความเร็ว อย่าลืมทักษะดาบของฉันในตอนนี้สิ”
ฌอนส่ายหน้าและอธิบาย
“นั่นสิ ทักษะดาบของนาย”
เมื่อนึกถึงทักษะการใช้ดาบของฌอน ความกังวลของมัวร์ก็คลายลงเล็กน้อย
ไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาถามฌอนเกี่ยวกับวิชาดาบ ซึ่งเขาได้เห็นฝีมือดาบปัจจุบันของฌอน ซึ่งแข็งแกร่งขึ้นมากจริง ๆ ดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
ในแง่ของฝีมือดาบเพียงอย่างเดียว เขารู้สึกว่าแม้แต่ไททัส เคิร์กก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฌอนในตอนนี้
แม้ว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเบนสันจะแข็งแกร่งกว่าฌอน แต่ถ้ารวมวิชาดาบของฌอนเข้าไปด้วย ก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะชนะเบนสัน
“อย่าแพ้นะ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่แพ้หรอก”
มีความเย้ยหยันบนใบหน้าของฌอน
เบนสันต้องการทำอะไรกับเขา ทำไมเขาถึงจะดูไม่ออก? ตั้งแต่เขาครอบครองร่างกายนี้ เบนสันคนนี้ก็มา “เสนอหน้า” ทุก ๆ สองสามวันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
แม้ว่าที่ผ่านมาผู้ชายคนนี้ไม่ได้ยั่วยุเขา แต่เขาก็ต้องหาทางสั่งสอนบทเรียนอีกฝ่ายให้ได้ ตอนนี้อีกฝ่ายเสนอตัวและคำท้ามาเองแล้ว และนี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการ
“ไปที่สนามประลองเร็ว จะมีการดวลที่นั่น”
“สนามประลองเหรอ? น่าสนใจแฮะ แล้วใครสู้กับใครล่ะ?”
“ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายที่ชื่อว่าฌอนกับเบนสันน่ะ”
ในเวลานี้ ชั้นเรียนได้จบลงแล้วและนักเรียนหลายคนยังไม่ได้ออกจากสนามฝึก เมื่อพวกเขาได้ยินว่าจะมีการดวลที่สนามประลอง พวกเขาจึงรีบไปที่สนามประลองอย่างตื่นเต้น
“สนามประลอง? มีฌอนด้วยเหรอ?!”
ไททัส เคิร์กซึ่งกำลังจะออกจากสนามฝึกก็หยุดทันที เขาลังเลเล็กน้อยและเดินไปที่สนามประลอง
ถ้าเป็นคนอื่นเขาจะไม่ไปร่วมดูการดวลเลย แต่ชื่อของฌอนมันกระตุ้นความสนใจของเขา ผู้ชายที่แม้แต่เลดี้สการ์เล็ต เซร่ายังยอมรับในวิชาดาบ เขาต้องการดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
พื้นที่ยกสูงประมาณหนึ่งเมตร และปูด้วยแผ่นหินซึ่งมีพื้นที่มากกว่าหนึ่งพันตารางเมตรเป็นหนึ่งในสนามประลองของโรงเรียนอัศวินยุคใหม่ ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนมากรายล้อมรอบเวที พวกเขาทั้งหมดมีสีหน้าอยากรู้อยากเห็น เมื่อมองไปบนสนามประลองด้วยความเหลือเชื่อ บางคนถึงกับตะโกน
“เริ่มเลย!”
“เร็ว ๆ พวกนายยังอยากสู้อยู่ไหมเนี่ย?”
ชีวิตในโรงเรียนนั้นซ้ำซากจำเจและน่าเบื่อ ตอนนี้พอมีใครบางคนต้องการดวลแบบตัวต่อตัว เพื่อเพิ่มความสนุกสนานในชีวิต แล้วพวกเขาจะพลาดได้ยังไง
“นั่นคือคนที่เธอท้าสินะ”
“ใช่ครับ ท่านวอลเลซ”
ในขณะนี้เบนสันซึ่งอยู่ด้านข้างของสนามประลองกำลังติดตามชายหนุ่มที่มีใบหน้าเข้มขรึม
เด็กหนุ่มสวมชุดอัศวินสีดำขาว แตกต่างจากชุดอัศวินของนักเรียนทั่วไป หนังมีความเงางาม เรียบเนียน และละเอียดมาก
อันที่จริง นี่คือชุดอัศวินที่ทำขึ้นเอง มีข้อได้เปรียบในแง่การป้องกันและความสะดวกสบาย ซึ่งเหนือกว่าชุดมาตรฐานที่ออกแบบโดยโรงเรียนอย่างมาก แต่ราคาก็แพงมากเช่นกัน มีเพียงไม่กี่คนในโรงเรียนทั้งหมดเท่านั้นที่เป็นเจ้าของชุดอัศวินที่ทำขึ้นเองแบบนี้ คนเหล่านี้ล้วนเกิดในตระกูลเอิร์ล
เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาก็เช่นกัน เขามาจากตระกูลลุนด์ที่มีตำแหน่งเป็น ‘มิลลิเนียม เอิร์ล’ ตระกูลนี้อยู่มานานนับพันปี และมีรากฐานที่ลึกซึ้งกว่าตระกูลเอิร์ลทั่วไป
“นายจะทำอะไรก็ทำ เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้ในภายหลัง”
วอลเลซชำเลืองมองฌอนอย่างเหยียดหยาม และพูดอย่างสบาย ๆ เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เบนสันก็แสดงความปีติยินดีอย่างมาก
“ขอบคุณครับท่านวอลเลซ”
เมื่อเบนสันเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฌอน เขาก็เต็มไปด้วยความกระหายเลือด
แม้ว่าการต่อสู้ในสนามประลองของโรงเรียนอัศวินยุคใหม่จะมีกฎที่ไม่สามารถทำให้ตายหรือพิการได้ แต่ก็มีนโยบายและมาตรการตอบโต้ เนื่องจากเป็นการดวลกัน ย่อมมีอุบัติเหตุเป็นธรรมดา การตัดสินอุบัติเหตุจึงมีความยืดหยุ่นมาก
“ฌอน ทำไมไม่รีบปฏิเสธไปล่ะ?”
เมื่อมองไปที่วอลเลซที่อยู่กับเบนสัน มัวร์ก็แสดงสีหน้าเป็นกังวล
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเบนสันและวอลเลซกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่สัญชาตญาณของเขาบอกว่ามันไม่มีทางเป็นเรื่องดี
“ไม่ ไม่ว่าพวกเขาจะมีแผนสมรู้ร่วมคิดอะไร ถ้าฉันชนะ ไม่ว่าจะมีแผนอะไรก็ตาม มันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก”
ฌอนยืนดูเบนสันกำลังคุยกับเด็กหนุ่มผู้สูงศักดิ์ที่ชื่อวอลเลซ
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้กังวล ในระหว่างการดวลที่มีนักเรียนจำนวนมากเฝ้าดู ก็ไม่น่ามีปัญหาเกี่ยวกับ “ความยุติธรรม” อย่างน้อยก็บนพื้นผิว ต้องเป็นเขาแน่ๆ
“ท่านไททัส ผมไม่คิดเลยว่าท่านจะมาที่นี่ด้วย”
เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณสนามประลอง นักเรียนบางคนจำเขาได้ทันที และนักเรียนบางคนยังเดินเข้ามาหาอย่างประจบประแจงและกล่าวทักทาย
“ฉันแค่สงสัยนิดหน่อยเกี่ยวกับนักเรียนที่ชื่อฌอน”
น้ำเสียงของไททัสเย็นชา แต่คนที่ประจบเขากลับไม่สนใจเลย ยิ่งเข้ามาประจบเขาด้วยใบหน้าทะเล้น
“ท่านไททัสมาดูคนที่ชื่อฌอนเพราะเรื่องเลดี้สการ์เล็ตใช่ไหมครับ? ถึงฌอนจะได้รับคำชี้นำจากเลดี้เซร่า แต่ผมคิดว่าวันนี้เขาคงแพ้อีกตามเคย จบไม่สวยแน่ ๆ”
“หมายความว่ายังไง?”
ไททัสรู้สึกงงงวย
“ท่านไททัส คนที่อยู่กับวอลเลซคือคู่ต่อสู้ของฌอนครับ ท่านไม่ต้องคิดมากหรอก ท่านรู้แค่ว่าพวกเขาชอบใช้กลอุบายก็พอ”
“กลอุบาย?”
ไททัสเลิกคิ้วขึ้น แต่เขาไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเคยได้ยินกลอุบายในการดวลมาก่อน แต่ยังไม่เคยเห็นกับตาตัวเอง