บทที่ 56
บทที่ 56
เมืองโร่วรี่อยู่ไม่ไกลจากนิกายเซียวเหยา ฉินห่าวบินไปกับเหล่าศิษย์น้องประมาณครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มองเห็นเมืองใหญ่จากระยะไกล
ผู้คนที่นี่พลุกพล่าน เสียงเร่ขายของดังไม่ขาดสาย เรียกได้ว่าการจราจรหนาแน่น
“ยินดีต้อนรับท่านเซียน”
บนกำแพงเมือง เจ้าเมืองประสานมือโค้งคำนับ เขาได้รับข่าวว่าจะมีคนมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นจึงนำผู้คนรอต้อนรับ
“อืม สถานการณ์ผิดปกติในเมืองโร่วรี่เมื่อเร็วๆนี้มีเรื่องอะไรบ้าง? ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เจ้าสามารถพูดออกมาได้ทั้งหมด เดี๋ยวข้าจะพิจารณาเอง”
ฉินห่าวนำกลุ่มเขาลงมา และเอ่ยเข้าประเด็นหลักทันที
“นี่ ...”
เจ้าเมืองตกตะลึง เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตรงไปตรงมาขนาดนี้ แต่ก็ยังรีบตอบว่า “เรียนท่านเซียน ข้าพบว่าเมืองโร่วรี่ช่วงนี้มีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมสองถึงสามเท่าของในอดีต และแม้กระทั่งยามดึกที่มีการกักบริเวณ พวกหน่วยลาดตระเวนก็ยังพบเห็นผู้คนมากมาย”
การกักบริเวณยามดึก นั่นหมายถึงไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกมาเดินนอกเมืองตอนกลางคืน
“อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว”
ฉินห่าวพยักหน้าเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าที่นีมีพวกเซี่ยถูเข้ามาแทรกซึมอยู่ ซึ่งทำให้เขากังวลนิดหน่อย เพราะมันอยู่ใกล้นิกายเซียวเหยามาก คาดไม่ถึงว่ากระทั่งที่นี่ยังมี
ในตอนนั้นเอง ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของฝูงชน ฉินห่าวนั่งขัดสมาธิ หลับตาลง กระตุ้นพลังปราณ แผ่ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นกระจายออกไป
เขาเคยเจอพวกเซี่ยถูมาแล้วหลายคน ดังนั้นคุ้นเคยกับพวกมันเป็นอย่างดี เจ้าพวกนี้จะแผ่ความรู้สึกมืดมนและชวนให้ใจสั่นออกมา
“นั่นเขาทำอะไร?”
เจ้าเมืองมองสาวกคนอื่นๆด้วยความสับสน เอ่ยถามอย่างสงสัย
“ห้ามส่งเสียง!”
สาวกคนหนึ่งกระซิบ “นี่คือผู้นำของยอดเขาเซียวเหยา ฉินห่าว!”
เจ้าเมืองสะดุ้งโหยง เขาย่อมเคยได้ยินชื่อเสียงใหญ่โตของคนผู้นี้ และเงียบลงในทันที
“ค่ายกลกระบี่เทพเต๋า!”
หลังจากนั้นไม่นาน ฉินห่าวก็ลืมตาขึ้น กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขา และพวกมันก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว บินกระจายไปทั่วเมือง
“ศิษย์พี่ ได้ผลหรือไม่?”
“อืม เรียบร้อยแล้ว”
....
ในสลัม สามีภรรยาคู่หนึ่งใช้ชีวิตในแต่ละวันไม่แตกต่างจากคนทั่วไป บ้านใกล้เรือนเคียงรู้แค่ว่าพวกเขาเพิ่งย้ายเข้ามาได้ไม่นาน ไม่ผิดสังเกตใดๆ
แต่ในตอนนั้นเอง กระบี่สองเล่มพุ่งลงมาหาพวกเขาจากท้องฟ้า
“ไม่ได้การ! พวกเราถูกจับได้ ....”
ชายคนนั้นสัมผัสได้ถึงพลังของกระบี่บินในอากาศ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่ง และต้องการที่จะหลบหนี
ฟัฟฟฟฟ!
หนึ่งกระบี่แทงทะลุผ่านหัวใจ
“เจ้า!”
ฝ่ายหญิงหน้าซีดด้วยความกลัว
ฟัฟฟฟฟ!
เลือดค่อยๆไหลออกจากมุมปากเธอ แสงในดวงตาริบหรี่
....
ภายในร้านค้าแห่งหนึ่ง
“ข้าได้ยินมาว่าคราวนี้ผู้พิทักษ์ธรรมของพวกเราต้องการจะสู้ เจ้ารู้ไหมว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ชายคนหนึ่งเอ่ยถามเสียงต่ำ
“ข้าได้ยินคนอื่นเล่าต่อกันมาว่าโลงศพของท่านศาสดาถูกคนของนิกายเซียวเหยาขโมยไป ที่พวกเรากำลังสะสมกำลังตอนนี้ ก็เพื่อบุกโจมตีนิกายเซียวเหยา”
“อะไรนะ!? โลงศพท่านศาสดาถูกขโมย!?”
คนอื่นๆตกใจมาก
บรึ้ม!
แต่ทันใดนั้นเอง ร่างของชายคนแรกที่เอ่ยถามถูกผ่าเป็นสองซีก จากนั้น กระบี่แยกออกไปโจมตีคนอื่นๆ เปลี่ยนพวกเขาเป็นหมอกเลือดโดยตรง
“อ๊าาา!”
“มีคนตาย! มีคนถูกฆ่าตายที่นี่!”
ผู้คนบนท้องถนนสังเกตเห็นในแวบแรก ใบหน้าของพวกเขาซีดเซียว กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
ชั่วขณะหนึ่ง แสงกระบี่วูบวาบทั่วทั้งเมือง มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนับไม่ถ้วน ชาวเมืองต่างตื่นตระหนกเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาต่างก้มหัวด้วยความหวาดกลัวว่าวินาทีต่อมากระบี่ศักดิ์สิทธิ์จะตกใส่หัวตน
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ เจ้าเมือง ข้าฝากท่านช่วยปลอบประโลมผู้คนด้วย พวกเรายังมีงานอื่นต้องทำ” ฉินห่าวยืนขึ้นอย่างอหังการ เอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ขอ ... รับ ...”
เจ้าเมืองเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา พรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ของเขาไม่ได้ดีเด่อะไรแต่ก็พอเรียนวิชายุทธมาบ้าง กระนั้น เขาไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่กันเกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตาม สาวกที่มาพร้อมฉินห่าวต่างรู้สึกได้ ว่าตอนนี้ทั้งเมืองกำลังวุ่นวาย และหากเอ่ยว่าเลือดเจิ่งนองเป็นธารน้ำ มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย
ทันทีที่ฉินห่าวและคนอื่นๆจากไป เจ้าเมืองก็รีบเอ่ยถามผู้ใต้บังคับบัญชา และไม่คาดฝันเลยว่าคำตอบที่ได้รับกลับมามันเกือบทำให้เขาหัวใจวายตาย!