ตอนที่แล้วบทที่ 50
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 52

บทที่ 51


บทที่ 51

ฉินห่าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และได้ข้อสรุปว่า หากเขาสู้ไม่ได้ก็ต้องยินยอมไปกับผู้อื่นแต่โดยดี

ละประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ เขาอดได้เมีย!

แล้วแบบนี้จะให้ยอมแพ้ได้ยังไง!!!

“เก้ามังกรทะยาน ขั้นที่เก้า!”

ร่างของฉินห่าวระเบิดกลิ่นอายอันน่าสะพรึง เขาค่อยๆลอยขึ้นบนท้องฟ้า หัวเราะเฮะๆ “ข้าจะทุ่มสุดกำลังแล้วนะ เจ้าเตรียมตัวรับมือให้ดี!”

ผู้อาวุโสหลิวเลิกคิ้ว แต่ก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

“ผลาญศักยภาพชั่วแล่น!”

บรึ้ม!

แรงกดดันมหาศาลระเบิดออกจากร่างกายฉินห่าว มันทะลุผืนฟ้า แผ่ขยายครอบค​ลุมทั้งผืนดิน

ทุกสิ่งรอบตัวถูกบดขยี้เป็นผงด้วยแรงกดดันนี้ในพริบตา

“สาวกที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตรู้แจ้งทั้งหมดจงรีบถอนตัวออกจากนิกายเฉินเมิ่ง!” สีหน้าของผู้อาวุโสหลิวและเถียนเฉิงหยุนแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง พวกเขาตะโกนเสียงดัง

ทั้งคู่ไม่เคยคาดคิดเลยว่าด้วยพลังรบของขอบเขตแก่นทองคำคนเดียว จะสร้างแรงกดดันที่น่าสะพรึงเช่นนี้ได้ อานุภาพของมันตอนนี้ อาจแกร่งกว่าขอบเขตรู้แจ้งด้วยซ้ำ!

เขาก้าวข้ามสองขอบเขตใหญ่ได้อย่างไรกัน!!

อันที่จริง เหล่าสาวกไม่ต้องถูกบอกพวกเขาก็รู้ตัว ทั้งหมดถูกสั่นคลอนด้วยแรงกดดันอันน่าสยดสยอง สำหรับสาวกที่มีฐานบำเพ็ญเพียรสูงยังดีหน่อย แต่สาวกที่ฐานบำเพ็ญเพียรต่ำ พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยตรง!

“เอานี่ไปชิม!”

“ค่ายกลกระบี่เทพเต๋า! จงปรากฏแก่ข้า!”

ฉินห่าวแค่นเสียงดัง กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขา เจ้าตัวยื่นมือและชี้ออกไปข้างหน้า

“ฆ่า!”

วู้มมมมมม

กระบี่ส่งเสียงดั่งมังกรคำราม ทุกพื้นที่ที่มันผ่าน สร้างระลอกคลื่นเล็กน้อย ราวกับว่ามิติในอากาศบริเวณนั้นถูกรบกวน

สีหน้าของผู้อาวุโสหลิวเคร่งขรึม เธอโบกมือเรียว ทันใดนั้นม่านแสงสีทองปรากฏขึ้น ขณะเดียวกันหยิบกระบี่ยาวออกมาร่ายรำ ทิ่มแทงขึ้นเบื้องบน

บรึ้ม!

แสงพร่างพรายสว่างไสวไปทั่วนภา

บรรดาสาวกจากในที่ห่างไกลต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คาดฝันเลยว่าสาวกคนหนึ่งจากนิกายชั้นสามจะแก่กล้าเช่นนี้ นี่สมควรเรียกว่าอยู่ในขอบเขตแก่นทองคำอีกหรือ?

เถียนเฉิงหยุนและผู้อาวุโสหยินแหงนมองฟ้า ผุดเม็ดเหงื่อเย็นตามขมับและหน้าผาก รู้สึกโชคดีมากที่ตนยังมีชีวิตอยู่

“ยอดเยี่ยมนัก สามารถปลดปล่อยพลังระดับนี้ได้ทั้งๆที่อยู่ในขอบเขตแก่นทองคำ ไม่สู้เจ้าเข้าร่วมนิกายเฉินเมิ่งของเรา?”

แสงสว่างหายไป ผู้อาวุโสหลิวไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เพียงเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “นิกายข้ายินดีมอบทรัพยากรที่ดีที่สุดแก่เจ้า แม้กระทั่งยินยอมให้เจ้าเป็นศิษย์สายใน”

“พี่สาว นั่นคือคำตอบตกลงแต่งงานรึเปล่า?”

ฉินห่าวพยายามสงบเลือดที่เดือดพล่านในกาย ทุกคำเอ่ยอย่างยากลำบาก สภาวะผลาญศักยภาพของเขาคลายลงแล้ว ตอนนี้อยู่ในสภาพไม่มั่นคง

“ถึงจะไม่ใช่ แต่เจ้าจะคิดเองเออเองแบบนั้นก็ได้” ผู้อาวุโสหิวหัวเราะเบาๆ คล้ายมีแผนในใจ

“งั้นก็น่าเสียดาย ข้าฉินห่าวแม้ให้ความสำคัญกับความรัก ต่ยึดถือความกตัญญูมากกว่า ข้าจะไม่ยอมทิ้งท่านอาจารย์ไป” ฉินห่าวส่ายหัว “แต่แน่นอน หากเจ้ายอมแต่งงานกับข้า ข้าก็จะถือว่าครึ่งหนึ่งของนิกายเฉินเมิ่งอยู่ในความรับผิดชอบดูแลของข้าเช่นกัน”

“นี่เจ้ายังไม่หยุดอีก? อยากตายจริงๆรึไง?”

ผู้อาวุโสหลิวใบหน้าบูดบึ้ง แม้ปากฉินห่าวจะหยิบยื่นดอกไม้แก่เธอมาโดยตลอด แต่เขากลับไม่หยุดพูดมันซักที เขารู้ไหมว่าเธอเป็นใคร? ตำแหน่งสูงส่งเพียงใด? ถูกนำมาล้อเล่นเช่นนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

“เฮ้อ งั้นก็ช่างเถอะ เช่นนั้นการเดิมพันครั้งนี้ของเราเป็นอันยกเลิก เพราะยังไงข้าก็เอาชนะเจ้าไม่ได ส่วนเจ้าก็ชนะข้าไม่ได้เช่นกัน”

ฉินห่าวส่ายหัวอย่างเศร้าๆ หันหลังแล้วก็เตรียมจากไป

“อยากไปตอนนี้ เจ้าว่ามันไม่สายเกินไปหรือ?” ผู้อาวุโสินยื่นมือแล้วชี้ออกไป “หนึ่งนิ้วผนึกโลกา!”

พริบตานั้นท้องฟ้าพลันมืดลง ประหนึ่งมีโซ่ตรวนปรากฏขึ้นอย่างคลุมเครือ มันค้างอยู่บนท้องฟ้าและหายไปทันใด

เหล่าสาวกจากที่ห่างไกลเกิดอาการตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“นี่มันหนึ่งนิ้วผนึกโลกา?”

“ว่ากันว่านี่คือกระบวนท่าที่มีชื่อเสียงที่สุดของผู้อาวุโสหลิว ตลอดมาข้านึกเสียดายที่ไม่เคยได้เห็นมัน ครั้งนี้นับว่าเปิดหูเปิดตาแล้ว”

ฉินห่าวเหลียวหลัง แต่ก็ยังส่ายหัว และเดินต่อโดยไม่พูดอะไรซักคำ

“เด็กน้อย ตอนนี้ทั่วทั้งนิกายเฉินเมิ่งคือกรงขังของเจ้า สิ่งนี้คือผนึก เจ้าไม่มีวันได้ก้าวออกไป”

ผู้อาวุโสหลิวพูดด้วยรอยยิ้ม แต่แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าเธอก็ค่อยๆหายไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด