บทที่ 50
บทที่ 50
ทันทีที่คำนี้เปล่งออกมา เหล่าสาวกนิกายเฉินเมิ่งที่ไม่รู้ความจริงก็เริ่มตกใจ การที่คนๆหนึ่งกล้ายืนยันถึงขนาดนี้ บ่งบอกชัดว่าเขาไม่ใช่คนผิดจริงๆ
“เจ้า … อย่ามากลับผิดเป็นถูกนะ” เถียนเฉิงหยุนสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“ข้าน่ะหรือกลับ--” ฉินห่าวเยาะเย้ย แต่เขายังไม่ทันเอ่ยจบ
“คิก คิก ช่างเป็นสหายน้อยผู้มาเยือนที่น่าสนใจจริงๆ”
เสียงผู้หญิงที่มีเสน่ห์ดังขึ้น
ทุกคนเงยหน้ามอง และทันใดนั้นก็มีแสงจางๆส่องเข้ามาในดวงตาของพวกเขา
“เป็นผู้อาวุโสหลิว!”
“แต่จะว่าก็ว่าเถอะ รูปร่างของผู้อาวุโสหลิวนับวันก็ยิ่งดงาม!”
“ถูกของเจ้า คำหุ่นดินระเบิด ไม่เพียงพอที่จะใช้อธิบายอีกต่อไป!”
ฉินห่าวแหงนหน้ามอง ทันใดนั้นดวงตาเขาพลันเบิกกว้าง จุ๊ๆ~ รูปร่างนี้ ไม่ใช่สิ่งที่สามารถพรรณนาได้ด้วยคำพูดจริงๆ
“นี่ นี่ พี่สาว ท่านเคยเห็นนางฟ้าไหม?”
ผู้อาวุโสหิวผงะเล็กน้อย แม้ผู้บำเพ็ญเพียรจะถูกมนุษย์ธรรมดาเรียกว่าเป็นเซียน เป็นนางฟ้า นางสวรรค์ อย่างไรก็ตาม ในสายตาของผู้บำเพ็ญเพียร มีแค่การบรรลุแจ้งและก้าวสู่ดินแดนเซียนเท่านั้นจจึงจะสามารถเรียกว่าเซียนได้เต็มปาก
“ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
ผู้อาวุโสหลิวแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดก็ส่ายหัว ใบหน้าอันมีเสน่ห์ยิ้มแย้ม เปล่งเสียงอันไพเราะ
ฉินห่าวยิ้มเล็กน้อย ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหลงรัก “ข้าเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่พอได้พบเจ้า ข้าก็รู้ทันทีว่านี่แหละนางฟ้า!”
ได้ยินคำนี้ ผู้อาวุโสหลิวตกใจ เธอย่อมตระหนักได้ทันทีว่าชายผู้นี้กำลังจีบเธอ กระนั้น เธอมิใช่เด็กสาวตัวน้อยไร้ประสบการณ์ที่ไม่คุ้นเคยกับโลก จึงไม่รู้สึกเก้อเขินใดๆ อย่างมากสุด แค่อึดอัดเล็กน้อย
ทันใดนั้นดวงตาที่งดงามจ้องเขม็งและพูดอย่างขุ่นเคืองว่า “ปากลื่นเป็นปลาไหล”
แม้คำพูดนี้อาจฟังเหมือนเป็นการกล่าวหา แต่ก็ไม่ได้แสดงถึงเจตนาที่จะตำหนิเลย กลับกัน มันเหมือนเป็นการชมเชยแบบหนึ่ง
สาวกด้านล่างและเถียนเฉิงหยุนเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
เอ่ยเพียงสองประโยคก็สามารถทำให้ผู้อาวุโสหลิวที่มีบุคลิกร้อนแรงดั่งไฟหันมาสนใจได้ … ให้ตายเถอะ! วาจาที่ชาญฉลาดและกะล่อนในการชวนคุยนี้มันช่างเป็นอะไรที่ …. ร้ายกาจนัก!
“ข้าพูดจริงนะ ปากข้าไม่เคยเอ่ยคำโกหกใดๆ ขนาดคนในนิกายยังพากันเรียกข้าว่า ฉินผู้ซื่อสัตย์เลย”
ฉินห่าวส่ายหัวช้าๆ เอ่ยถามอย่างสนอกสนใจว่า “ว่าแต่พี่สาว ท่านมีคู่บำเพ็ญเพียรรึยัง?”
“เจ้ามาใกล้ๆสิ เดี๋ยวข้าจะบอกให้”
ผู้อาวุโสหลิวยื่นฝ่ามือเรียวงามแล้วกวักเรียก
“อะแฮ่ม ถ้าข้าไปหาเจ้า แล้วเจ้าจะยอมเป็นของข้าไหม?”
“หยุดพูดล้อเล่นเถอะเด็กน้อย เจ้าบอกมา ว่าจะยอมจำนนเองหรือให้ข้าใช้กำลัง?”
ผู้อาวุโสหลิวพูดด้วยรอยยิ้ม
“งั้นก็สู้กันซักตั้งเถอะ หากข้าชนะ เจ้าจะต้องยอมให้ข้าพากลับไปยังนิกายเพื่อเข้าพบอาจารย์ ส่วนถ้าเจ้าชนะ จะจัดการข้ายังไงก็แล้วแต่เลย ว่าอย่างไร?”
ฉินห่าวไม่สนใจเลย
กลุ่มคนข้างล่างต่างแสดงสีหน้าแปลกๆ เจ้าหมอนี่เสพยาเกินขนาดหรือไร? เขาไม่กลัวถูกฆ่าตายหรือ?
“เจ้าแน่ใจหรือ?”
“แน่ใจอยู่แล้ว ไม่เอาน่า เข้ามาเลย!”
ฉินห่าวหยิบค้อนขึ้นมาและทำท่าทางกระดิกนิ้ว
บรึ้ม!
วินาทีต่อมา ฉินห่าวรู้สึกเหมือนมีแสงวาบตรงหน้าเขา จากนั้นทั้งคนทั้งร่างก็ถูกเหวี่ยงกระแทกกับพื้นอย่างแรง
ฉินห่าวตกใจมาก เช็ดเด้! นี่นางจะแกร่งเกินไปไหม? แกร่งซะจนเขามองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าถูกโจมตีได้อย่างไร
“พี่สาว แบบนี้ไม่ได้ดิ ท่านลอบโจมตี” ฉินห่าวบินออกจากหลุมใหญ่
ผู้อาวุโสหลิวชำเลืองมองเขาอย่างประหลาดใจ แต่ก็พยักหน้าให้ "เด็กน้อย โดนฝ่ามือข้าแล้วยังไม่ได้รับบาดเจ็บ เจ้านี่ก็ใช้ได้เหมือนกันนะ”
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว ร่างกายข้าน่ะทนทานสุดๆ รับรองว่าต้องทำให้เจ้ามีความสุขได้ทั้งวันทั้งคืน!” ฉินห่าวตบต้นขาตัวเอง และกระเด้าเอวไปมา
เหล่าสาวกชายเบื้องล่างที่เห็นการกระทำเช่นนี้ ต่างเต็มไปด้วยความโกรธ ตะโกนด่าทอว่า ไอ้บ้า ไร้ยางอาย!
ส่วนเหล่าสาวกหญิงบางคนเริ่มหน้าแดง พวกเธอลอบมองฉินห่าว และพบว่าเอวเขาพริ้ว เด้งดีจริงๆ
“เด็กน้อย ปากเจ้าไม่ใช่แค่ลื่นเป็นปลาไหลแล้ว แต่เป็นงูตัวเขื่อง”
ผู้อาวุโสหลิวไม่ได้อารมณ์เสียแต่อย่างใด ขยับกายเป็นแสงสว่างวาบ
บรึ้ม!
ฉินห่าวกลับมานอนแผ่อยู่ในหลุมใหญ่อีกครั้ง เป็นอีกคราวที่เขามองไม่เห็นการโจมตี ถึงจุดนี้เขาเข้าใจอย่างแท้จริงว่าตนคงไม่สามารถเอาชนะผู้หญิงคนนี้ได้