บทที่ 49
บทที่ 49
[ติ๊ง!]
[ได้รับค่าความเกลียดชัง +3,000]
มองไปยังท่าทีเดือดดาลของเหล่าสาวกและเถียนเฉิงหยุน ฉินห่าวยิ้มเยาะในใจ ริมฝีปากยกโค้งอย่างดูแคลน “ไม่ให้ข้าพูดข้าก็จะไม่พูด ยังไงข้าก็ไม่ชอบคุยกับขยะอยู่แล้ว”
“.........”
เลือดพุ่งผ่านลำคอเถียนเฉิงหยุน แต่เขาก็รีบกลืนมันลงไปทันที
“ไว้เจอกันใหม่นะ!”
ฉินห่าวโบกมือให้กับกลุ่มสาวกนิกายก่อนจากไป
เหล่าสาวกแทบทนไม่ไหวระเบิดความโกรธออกมา
[ติ๊ง!]
[ได้รับความเกลียดชัง +5,000]
เยอะมาก! แต่นี่ไม่แปลก เพราะในนิกายแห่งนี้ ไม่มีใครมองเขาในแแง่ดีเลย ทุกแห่งมีแต่คนดูถูกและไม่หวังดี
ไม่นานฉินห่าวก็ถูกนำตัวไปยังห้องๆหนึ่ง
“ชื่ออะไร?”
“ฉินห่าว”
“อายุ?”
“25”
“อย่าถามเรื่องไร้สาระรีบเข้าประเด็นซะ!” เถียนเฉิงหยุนโบกมืออย่างร้อนใจ แม้จะได้อยู่ด้วยกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขาแจ่มแจ้งมากว่าฉินห่าวคือระเบิดเวลา
“ขอรับ” ผู้ไต่สวนตอบอย่างรวดเร็ว
“เจ้าขโมยสมบัติจากสำนักเซี่ยเจี้ยน ต้องการปฏิเสธข้อหานี้หรือไม่?”
“อะไรนะ? ข้าไม่ได้ขโมย ไม่มีสมบัติพวกนั้นซักชิ้นอยู่กับข้า อย่ามาพูดเพ้อเจ้อ!”
ทุกคน “...”
ปัง!
เถียนเฉิงหยุนฟาดโต๊ะไม้แตกในฝ่ามือเดียว เอ่ยเสียงขรึม “มอบสมบัติทั้งหมดคืนมา อย่ามัวเล่นลิ้นเจ้าคงไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตหรอกใช่ไหม?”
“ข้าถือว่านั่นเป็นการข่มขู่เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงได้นะรู้ไหม” ฉินห่าวหรี่ตาและเอ่ยบอก
“นี่ไม่ใช่การข่มขู่แต่มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการดำเนินการ!”
นิกายเฉินเมิ่งมักประกาศว่าพวกเขาปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความเป็นธรรม ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถยอมรับได้ว่าตนกำลังข่มขู่
“อ้องั้นเอาแบบนี้เป็นไง พวกเจ้าลองค้นดูเลย ถ้าหาเจอก็ถือว่าข้าเป็นขโมย แต่ถ้าไม่ นั่นหมายความว่าพวกเจ้าใส่ความ!” ฉินห่าวเอนตัวไปข้างหลัง ทําหน้าไม่สนใจ
“ในเมื่อพูดดีๆไม่ฟัง คงต้องใช้กำลังบังคับ!”
น้ำเสียงของเถียนเฉิงหยุนมืดมนและเย็นชา
“เก้ามังกรทะยาน ขั้นที่เก้า!”
บรึ้ม!
ฉินห่าวหยิบค้อนออกมา และทุบมันลงทันที ตะโกนก้องว่า “พวกเจ้ามันลำเอียง!”
ทำไมทีตอนสำนักเซี่ยเจี้ยนโจมตีสาวกนิกายเซียวเหยา พวกเจ้าถึงไม่สนใจและมาห้ามปรามเลย? ผู้บริสุทธิ์ในอาณาเขตนิกายข้าถูกนอนจมกองเลือดจากการถูกเข่นฆ่า แล้วตอนนั้นพวกเจ้าไปอยู่ที่ไหน?
ตอนนี้พอคนของสำนักเซี่ยเจี้ยนขอความช่วยเหลือเจ้าก็ตอบรับทันที หากบอกว่าพวกเจ้าไม่ได้รับผลประโยชน์เลย หมาที่ไหนมันจะเชื่อ?
เถียนเฉิงหยุนไม่ได้ตั้งตัวรับมืออย่างเต็มที่ ภายใต้การระเบิดพลังมหาศาลของฉินห่าว แม้พลังรบของเขาจะอยู่ขอบเขตรู้แจ้งแต่ก็ยังรู้สึกแน่นหน้าอก และสุดท้ายก็ถูกโจมตี
พรวดดดด!
เลือดทะลักออกมาเต็มปาก
เก้ามังกรทะยานขั้นเก้านั้นทรงพลังมาก มันเทียบได้เลยกับการมีฉินห่าวเก้าคนรวมกัน ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ก็สามารถทะลวงการป้องกันและสร้างอาการบาดเจ็บภายในแก่เถียนเฉิงหยุนได้โดยตรง
“เจ้า… ช่างอุกอาจ …”
“จับเจ้าคนคลั่งผู้นี้ให้ข้า!”
ความโกรธของเถียนเฉิงหยุนระเบิดดั่งสายฟ้าฟาด สั่งการให้ผู้อื่นลงมือทันที
บรึ้ม!
“ที่แท้จุดประสงค์ของพวกเจ้าก็แค่ต้องการทำร้ายข้า ในเมื่อไม่ยุติธรรมเช่นนี้ ก็อย่าตำหนิว่าข้าหยาบคาย!” ฉินห่าวตวาดลั่นห้อง เหวี่ยงค้อนศึกสั่นสะเทือนไปทั่ว หลังใช้เก้ามังกรทะยานตอนนี้พลังรบของฉินห่าวพุ่งพรวดไปถึงระดับเดียวกับขอบเขตก่อเกิดจิตช่วงปลายแล้ว
เสียงตะโกนโกรธเกรี้ยวผสมไปกับพลังปราณดังกึกก้องไปทั่วนิกายเฉินเมิ่งเหล่าสาวกทุกคนได้ยินมันอย่างชัดเจน
“นั่นเสียงใครกัน?”
“ไม่ยุติธรรมอันใด? นิกายเฉินเมิ่งของพวกเราปฏิบัติต่อผู้คนอย่างเป็นธรรม ใจกว้างและเป็นกลางเสมอมา แล้วจะเกิดคดีที่อยุติธรรมได้อย่างไร?”
“นี่มันเสียงเจ้าฉินห่าวคนเมื่อครู่มิใช่หรือ? ถึงมันจะนิสัยเสีย และข้าก็ไม่รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของคดี แต่ที่ข้ารู้แน่ๆคือเจ้าพวกสำนักเซี่ยเจี้ยนนั้นมิใช่คนดีเช่นกัน”
สิ่งที่ฉินห่าวต้องการคือผลลัพธ์เช่นนี้แหละ ก่อนเขาจะสู้ อย่างน้อยตัวเขาต้องพลิกกลับมายืนอยู่ในฝั่งความยุติธรรม หลังจากนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องกลัวอีก
บรึ้ม!
ฉินห่าวทุบค้อนลงบนอาคารใกล้เคียง และทันใดนั้นอาคารขนาดใหญ่ก็พังทลายลงกับพื้น
“เจ้ากล้าดียังไง!”
เถียนเฉิงหยุนโวยวายด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์มาทั้งชีวิต ฉะนั้นเหตุใดต้องยอมให้ความอยุติธรรมด้วย? วันนี้! ข้าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วยตัวเอง ต่อให้ต้องตายก็ไม่เสียใจ”