นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 56 - ชุดเก็บความลับ
“แต่เขา...”
“ยืนอยู่เงียบ ๆ!” ลู่ฟงหันกลับไปตัดบทจานีนด้วยสายตา
“พี่รู้จักนิสัยเธอดี” และตามด้วยคำพูดเพียงสั้น ๆ เท่านั้น ก่อนที่เขาจะไม่สนใจเธออีก
นั่นทำให้จานีนได้แต่ทำหน้าเบ้ รู้สึกน้อยใจกับประโยคสุดท้ายนั่นไม่น้อยเลยทีเดียว
ส่วนเดวิดในตอนนี้ เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เหมือนกับกำลังถูกสัตว์ป่าที่ดุร้ายและทรงพลังจ้องอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากคำว่า ‘ไม่’ ออกไป เจ้าสัตว์ร้ายที่อยู่ข้างหน้า จะต้องพุ่งเข้ามาขย้ำอย่างรวดเร็วแน่นอน
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย ทำให้ดวงตาที่เกือบจะปิดจนสนิทของเขาอยู่แล้ว ยากที่จะถูกสังเกตได้มากขึ้นไปอีก ว่ากำลังคิดที่จะทำอะไรอยู่ หลังจากผ่านเวลาอันเงียบสงัดไปสักครู่หนึ่ง เดวิดก็เอ่ยถามออกมา ด้วยน้ำเสียงที่มีแววแห่งการยั่วยุปนอยู่เล็กน้อย
“แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ?”
สายตาของลู่ฟงแหลมคมขึ้นอีกในทันที มันทำให้อากาศรอบข้างเหมือนกับจะหนาวเย็นลงอีกหลายองศาเลยทีเดียว ในขณะที่จานีนซึ่งยืนทำหน้าเศร้าเคล้าน้ำตาอยู่ที่ด้านข้าง เริ่มจะมีรอยยิ้มออกมาแล้ว เมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ
“กรรม! เป็นผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำ ฉันขอเตือนนายเอาไว้ก่อนเลย ผลจากกรรมที่นายทำแบบนั้น ไม่เบาแน่ ๆ” ลู่เฟิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แม้ว่าจะเป็นถ้อยคำที่ขู่เดวิดอย่างชัดเจนก็ตาม
‘เจ้าหมอนี่พ่นบ้าอะไรออกมากันแน่?’ เดวิดพึมพำอย่างไม่ค่อยเข้าใจในคำขู่นั่นนัก
“นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน นายมาที่นี่ ขวางทางฉันเอาไว้กลางถนน พูดเรื่องไร้สาระออกมาอยู่คนเดียว นายคิดว่านายเป็นใครกันแน่?” เสียงของเขาตอบกลับไปอย่างเฉื่อยชา ถึงแม้ว่าจะมีรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้า แต่คำพูดนั้นรุนแรงอยู่ไม่น้อย เขาเงยหน้าพาดวงตาที่เกือบจะปิดสนิทของตัวเอง จ้องสวนเข้าไปในดวงตาสีฟ้าคู่นั้นอย่างไม่เกรงกลัว
ตอนนี้เดวิดไม่ระวังคำพูดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย เพราะรู้ดีว่า เมื่อเขาปฏิเสธออกไปแล้ว ลู่ฟงก็ทำอะไรได้เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น และไม่น่าจะทำอันตรายกับเขาได้มากนัก แต่ถ้าเขาเผลอตอบรับ และส่งคำบังคับท้าประลองออกไป ใครจะมั่นใจได้ว่า การประลองจะหยุดแค่เพียง 1 หมัดตามที่สัญญาเอาไว้ กลัวว่าจะเป็นการโดนอัดข้างเดียวจนพิการไปเลยเสียมากกว่า
ในสถาบันแห่งนี้ ให้ความสำคัญกับกฎระเบียบเป็นอย่างมาก และทั่วทุกสถานที่ในสถาบัน อาจกล่าวได้ว่าทั่วทุกพื้นที่ในเกาะที่สถาบันนี้ตั้งอยู่มากกว่า เต็มไปด้วยกล้องสังเกตการณ์ เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัย และเพื่อเป็นการยืนยันว่า จะไม่มีนักเรียนหรือเจ้าหน้าที่คนไหน สามารถทำผิดกฎของสถาบันแล้วลอยนวลไปได้
ถึงแม้ว่าทางสถาบันจะยอมรับอาการบาดเจ็บสาหัส หรือการเสียชีวิตจากการประลองกันของนักเรียนได้ แต่นั้นก็ต้องมาการบังคับประลองอย่างถูกต้องเท่านั้น ถ้าเกิดจากกรณีอื่น ๆ ทางสถาบันจะจัดการลงโทษคู่กรณีทั้ง 2 ในทันที ถ้ามีอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงเกิดขึ้น โดยไม่สนใจว่าเป็นความผิดของใคร
แต่ถ้าเป็นการลงมือข้างเดียว การตัดสินลงโทษก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งแทน และนั่นน่าจะเดากันได้ไม่ยาก ว่าใครจะเป็นฝ่ายที่ถูกลงโทษอย่างรุนแรง
เดวิดรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี และมันทำให้เขามีความกล้ามากขึ้นกว่าตอนปกติไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตาม เดวิดไม่ได้รับรู้เลยว่า การตัดสินใจของเขาในตอนนี้ มันมีแนวโน้มของความแข็งกร้าวมากขึ้น เป็นการตอบสนองที่เดวิดก่อนหน้านี้ไม่น่าจะเลือกใช้เลย
แววตาของจานีนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หลังจากที่ได้เห็นว่าสถานการณ์ยิ่งมายิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ แล้ว และแน่นอนว่าเธอไม่มีทางพลาด ที่จะทำให้มันแย่ลงไปอีก!
“พี่ใหญ่! พี่เห็นหรือยังว่าเจ้าหมอนี่มันอวดดีขนาดไหน ตอนนั้นหนูขอร้องเขาดี ๆ ด้วยซ้ำ ว่าต้องการขอยืมอันดับมาไม่กี่วันเท่านั้น แต่เขากลับบอกว่าถ้าอยากได้ ก็ต้องสู้กับเขาเท่านั้น หนูเลยต้องบังคับท้าประลองกับเขาอย่างไม่มีทางเลือก ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะมีคนหน้าไม่อายถึงขนาดนี้อยู่ด้วย สู้กับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แท้ ๆ ถึงขนาดลงมือลอบโจมตี...”
“พอได้แล้ว” หลังจากกล่าวห้ามอีกครั้ง คราวนี้ลู่ฟงหันกลับไปจ้องหน้าเธอเขม็งเป็นการสำทับอย่างหนักแน่น
“นายคิดจริง ๆ หรือกว่าการอยู่ในสถานะได้รับการคุ้มครอง จะทำให้ฉันไม่กล้าลงมือน่ะ?” เมื่อเขาหันมาพูดกับเดวิดอย่างนี้ มือของเขาก็เคลื่อนไหวไปพร้อมกัน มันถูกยกขึ้นสูง แสดงให้เห็นแท่งลูกบาศก์เล็ก ๆ ขนาดเพียงไม่กี่นิ้วเท่านั้น ลักษณะเป็นสีฟ้าโปร่งใส สามารถมองเห็นกระแสไฟฟ้ากำลังสปาร์คอยู่ภายในได้อย่างชัดเจน แม้ว่าตอนนี้ในตรอกที่พวกเขากำลังยืนอยู่ จะค่อนข้างมืดมากก็ตาม
และเมื่อเดวิดได้เห็นลูกบาศก์สี่เหลี่ยมนั่น หัวใจของเขาก็แทบจะหลุดออกมาจากอก ผู้ชายทุกคน ต่างก็มีความหลงใหลในเทคโนโลยีอยู่ในตัว ในเวลาว่างอันน้อยนิดของเขา เดวิดเคยเปิดอ่าน และค้นคว้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่มีใช้อยู่ในสถาบันแห่งนี้มาบ้างแล้ว
เขารู้ถึงเหตุผลในที่สุด ว่าในสถานการณ์ที่ดูเหมือนว่ากำลังได้เปรียบอยู่แบบนี้ ทำไมสัญชาตญาณยังเตือนถึงอันตรายอยู่ไม่หยุด มันเป็นเพราะว่า ลู่ฟงมีอุปกรณ์ ‘ชุดเก็บความลับ’ อยู่ในครอบครองนี่เอง
ชุดเก็บความลับระดับต่ำ หรือถ้าจะพูดชื่อให้จำเพาะเจาะจง ‘F1-B4U Cubic EMP’ เครื่องนี้ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการปกปิดการกระทำของตัวเอง มันไม่สามารถสร้างอันตรายใด ๆ กับมนุษย์ หรือสิ่งต่าง ๆ แม้แต่น้อย แต่จะปิดการทำงานของอุปกรณ์ทุกอย่างในรัศมี 100 เมตรเป็นเวลา 30 วินาที รวมถึงการรับและส่งข้อมูลผ่านคลื่นความถี่ต่าง ๆ ด้วย นี่ยังถือว่าเป็นเทคโนโลยีในระดับต่ำ และมีประสิทธิภาพที่ไม่รุนแรงมากนัก สังเกตได้จากชื่อรุ่นของมัน ที่ยังขึ้นต้นด้วยตัวอักษร ‘F1’ เท่านั้น
มันไม่ใช่อุปกรณ์ที่ได้รับการรองรับ และอนุญาตให้ใช้ได้จากสถาบันเลย มันเป็นอุปกรณ์พิเศษชนิดหนึ่ง ที่มีเอาไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการหลบเลี่ยงการทำงาน และการตรวจจับของสถาบันต่างหาก และมันถูกห้ามจำหน่ายโดยทั่วไปในสถาบันเสียด้วยซ้ำ
แต่ในทุกสถาบัน ไม่ใช่เพียงที่นี่แห่งเดียวเท่านั้น จะมีกลุ่มคนที่รวมตัวกันอย่างไม่เป็นทางการ และทำกิจกรรมที่แหกกฎระเบียบ สร้างโลก สร้างเครือข่ายใต้ดินของตัวเองขึ้นมา พวกเขาจะถูกเรียกว่าชมรมลับ!
สมาชิกของชมรมลับเหล่านี้ จะปกปิดตัวเองเอาไว้เป็นความลับตามชื่อของมัน และเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ และสังเกตการณ์ที่แน่นหนาของทางสถาบัน พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกันโดยตรงเลยด้วยซ้ำ ชมรมลับแต่ละแห่งจะมีสัญลักษณ์แสดงตัวตนที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณมือ เสื้อผ้า ทรงผม หรือแม้แต่ประเภทของดนตรีที่ฟังอยู่เป็นประจำ
ทางสถาบันนั้นรับรู้ถึงการคงอยู่ของชมรมลับเหล่านี้อยู่แล้ว มีคำร้องเรียนมากมายส่งถึงผู้มีอำนาจ ให้ทำการกวาดล้างพวกเขาออกไปให้หมด แต่ทางสถาบันนั้นเลือกที่จะไม่ทำ เหตุผลนั้นก็ง่าย ๆ ‘ถ้าไม่มีผู้ร้ายอยู่เลย แล้วจะต้องมีตำรวจไปทำไมล่ะ ทุกอย่างต้องสมดุลกัน’
และถึงแม้ว่าการมีอยู่ของชมรมลับต่าง ๆ จะทำให้อัตราการเสียชีวิตของนักเรียนพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเกิดสงครามระหว่างชมรมลับขึ้นมา และเป็นสาเหตุให้เหล่าอัจฉริยะบางคนต้องจบชีวิตลงไปก่อนเวลาอันควร แต่ถ้ามันไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากนัก ไม่ได้มีผู้ประสบเหตุเป็นจำนวนมากจริง ๆ สถาบันก็จะนิ่งเฉย ไม่มีปฏิกิริยาอะไรออกมา และถ้าเหตุการณ์นั้นรุนแรงเกินว่าที่จะรับได้ ก็จะถึงเวลาที่สุดยอดฝีมือของสถาบันจะออกมาเก็บกวาดความวุ่นวายในทันที
เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่ทางสถาบันส่งเจ้าหน้าที่ออกมาจัดการสังหารสมาชิก 60 คนของชมรมลับต่าง ๆ แล้วก็จากไปอย่างไร้ร่องรอย เป็นทั้งการรักษาความสงบเรียบร้อย และการปรามไม่ให้พวกเขาทำอะไรที่รุนแรงเกินไปนักภายในคราวเดียวกัน และมันก็ได้ผลเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว
แม้ว่าการเข้าเป็นสมาชิกของชมรมลับจะเป็นการทำผิดกฎของทางสถาบัน และต้องทำตัวหลบ ๆ ซ่อน ๆ น่าลำบากไม่น้อย ถ้าถูกจับได้ขึ้นมา จะถูกตัดความช่วยเหลือต่าง ๆ ลงไปเกือบทั้งหมดทันที การหาทรัพยากรในการฝึกฝนนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อย เสี่ยงที่จะเข้าเป็นสมาชิกของชมรมลับต่าง ๆ อย่างสมัครใจ เพราะมันมีผลประโยชน์บางอย่างตอบแทนกลับมาอยู่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น อุปกรณ์ F1-B4U Cubic EMP ซึ่งแม้จะเป็นสิ่งต้องห้ามในสถาบัน แต่กลับเป็นสิ่งที่จำเป็นเมื่อต้องออกไปปฏิบัติภารกิจในโลกภายนอก และนักเรียนที่จะต้องออกไปปฏิบัติภารกิจ จะสามารถยื่นคำร้องเพื่อขอซื้อมันได้ โดยจะมีราคาอยู่ที่ 1,000 คะแนนจีโนต่อเครื่องนั้น สามารถหาซื้อได้ในตลาดมืดที่จัดตั้งโดยกลุ่มของชมรมลับต่าง ๆ ที่ราคาเพียง 500 คะแนนจีโนเท่านั้น แค่ประโยชน์ของตลาดมืดเพียงอย่างเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้นักเรียนหลายคนกล้าเสี่ยงกับการถูกลงโทษแล้ว
และในตอนที่เดวิดเห็นเจ้าลูกบาศก์สีฟ้านี้ได้อย่างชัดเจน ความรู้สึกเดียวเท่านั้นที่ปรากฏอยู่ในความคิดเขา
‘ซวยแล้ว’