ตอนที่ 108 ข้อเสนอที่ขูดรีด(ฟรี)
“ฉันต้องการงูตัวน้อย 20 ตัว”
มู่เหลียงพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
ที่จริงเขาต้องการงูตัวเดียวเท่านั้น
เพราะระบบสามารถรับสัตว์มาฝึกฝนได้แค่ หนึ่งตัวต่อหนึ่งสายพันธ์
ไม่งั้นเขาคงหาเต่าหินมาเยอะกว่านี้ และสร้างเป็นกองกำลังเต่าหินไปแล้ว
มู่เหลียงกะเอาไว้ว่าพวกงูน้อยที่เหลือ เขาจะปล่อยให้มันเติบโตในป่าที่เขาจะสร้างขึ้นในอนาคต ต้นไม้และพืชผลเพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถเรียกว่าป่าได้ ในป่าจำเป็นต้องมีระบบนิเวศอยู่ด้วย
“แค่ 20 ตัวงั้นหรอ?”
หว่านเอ่อตู้พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ และผิดหวังเล็กน้อย
งูที่หว่านเอ่อตู้เลี้ยงเอาไว้มีเป็นร้อยๆ ตัว ทำให้เขามีเนื้อสดกินทุกวัน และมักจะแบ่งขายให้กับผู้คนท้องถิ่น เขาจึงเป็นผู้ผูกขาดการเพาะเลี้ยงและขายงูไปโดยปริยาย
“ทั้งหมดฉันจะเอาไปเลี้ยงในสวน เพื่อเพาะพันธ์มันต่อไป”
มู่เหลียงยิ้มก่อนที่จะคีบเนื้อผัดขึ้นมาและกินมันเข้าไป
“ถ้าเช่นนั้น สิ่งที่ท่านต้องการเอามาแลกเปลี่ยน?”
หว่านเอ่อตู้ถามต่อ และไม่ได้สงสัยในคำตอบของมู่เหลียงเลย
การที่เขามีผักสีเขียวกินได้แบบนี้ แปลว่าเขาต้องมีสวนที่ใหญ่มาก
“ถ้าเป็นสิ่งที่อยู่ในจานนี้ละ”
มู่เหลียงชี้ไปยังกะหล่ำปีที่อยู่ในจาน
“ท่านต้องการแลกกับผักสีเขียวนี้งั้นหรอ?”
ดวงตาของหว่านเอ่อตู้เบิกกว้างทันที ด้วยความตกใจ
แม้ว่าอาหารมือนี้จะดูหรูหรามากสำหรับพวกเขา แต่เขาก็ไม่คิดว่ามู่เหลียงจะมีผักใบเขียวมากพอที่จะเอามาแลกเปลี่ยนซื้อขายได้
เจ้าเมืองทุกคนเคยพยายามเพาะปลูกพืชผัก และรู้ดีว่ามันยากแค่ไหนที่จะทำให้มันงอกงาม
“กะหล่ำสองหัวแลกกับงู 20 ตัว”
มู่เหลียงพูดอย่างไม่แยแส
“ไม่…นั้นน้อยเกินไป”
หว่านเอ่อตู้ปฏิเสธทันที เห็นได้ชัดเลยว่าเขาต้องการต่อรองให้ได้มากกว่านี้
“ต้องเข้าใจด้วยว่านั้นคือราคาที่ฉันตั้งเอาไว้อยู่แล้ว จะตกลงหรือไม่ก็แล้วแต่ท่าน”
มู่เหลียงกล่าวโดยที่ไม่สนใจสีหน้าของหว่านเอ่อตู้
งูตัวน้อยนั้นถึงจะดูพิเศษ แต่มันก็ไม่ได้ต่างจากสัตว์อื่นๆ ที่เลี้ยงเอาไว้เอาเนื้อเท่านั้น
“งั้นก็ได้ กะหล่ำปลีสองหัวแลกกับงู 20 ตัว”
หว่านเอ่อตู้นั้นไม่สนใจ และรับข้อเสนอทันที
“ท่านเจ้าเมืองเต่าทมิฬ….ฉันมีแกะเขาสามเหลี่ยมที่พึ่งจับมาได้ ขอแลกกับกะหล่ำปลีสองหัวได้หรือไม่”
เจ้าเมืองอีกคนพูดขึ้น
ในบรรดาเจ้าเมืองทุกคน มีใครบ้างที่ขาดแคลนเนื้อ?
พวกเขากินเนื้อสัตว์ทุกวัน ใครๆ ก็อยากที่จะกินผักใบเขียวบ้าง
“หัวเดียวเท่านั้น”
มู่เหลียงต่อรองทันที และเหลือบมองไปยังเจ้าเมืองคนนั้น
“แต่….”
เจ้าเมืองคนนั้นดูไม่พอใจเท่าไร
แกะเขาสามเหลี่ยมนั้นตัวใหญ่กว่างูต้องหลายเท่า และมีเนื้อมากกว่าแต่ไหนถึงแลกได้เพียงหัวเดียว
“ฉันไม่บังคับ”
มู่เหลียงพูดอย่างเฉยชา
หากมีเยอะกว่านี้เขาก็พร้อมที่จะแลกกะหล่ำปลีเพิ่ม
“ตกลง”
เจ้าเมืองคนนั้นกัดฟันและยอมรับอย่างไม่เต็มใจ
หากเป็นโลกเดิมของมู่เหลียงกะหล่ำปลีสิบหัวยังไม่สามารถแลกแกะได้เลยด้วยซ้ำ
“ฉันยังขาดแคลนผ้า และสมุนไพรบางชนิด หากใครมีเสนอมาข้าพร้อมจ่ายเป็นกะหล่ำปลี”
มู่เหลียงพูดพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนที่จะมองไปยังเจ้าเมืองทุกคนที่นั่งอยู่ในนี้
ตอนนี้เมืองเต่าทมิฬของเขายังขาดแคลนของอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะผ้าดิบ
ที่จริง เอาใยของเสี่ยวไกมาถักทอเป็นผ้าก็ได้ แต่หากให้ชาวบ้านทั่วไปใช้มันจะดูสิ้นเปลืองเกินไป
ผ้าที่เกิดจากการนำใยของเสี่ยวไกไปทอนั้น เสื้อผ้าที่ได้ออกมาก็ไม่ต่างจากยุทธภัณฑ์วิญญาณระดับต่ำ
“สำหรับผ้า ทางเราพอจะมีอยู่บ้าง”
หว่านเอ่อตู้ครุ่นคิดอยู่ก่อนที่จะพูดขึ้น
“แต่กระผมไม่รู้ว่าท่านต้องการจะแลกกะหล่ำปลีกี่หัวกับผ้าหนึ่งผืน”
เสื้อผ้า และผ้าส่วนใหญ่ในโลกที่ล้มสลายไปแล้วแบบนี้ เกือบทั้งหมดมาจากหนังสัตว์ และมีจากหนอนไหมเล็กน้อยที่พอจะเอาไหมของมันมาทอผ้าได้
ส่วนพวกผ้าดิบหรือผ้ากระสอบนั้นไม่มีเลย
ทำให้คนส่วนใหญ่ทำเสื้อผ้าจากหนังสัตว์หรือไม่สวมอะไรเลย
“หนึ่งต่อผ้าหนึ่งผืน”
มู่เหลียงตอบด้วยน้ำเสียงดูมีนัยแอบแฝง
“ไม่ได้หรอกท่าน มันน้อยเกินไป”
หว่านเอ่อตู้ปฏิเสธทันทีแบบไม่ต้องคิด
ผ้านั้นต่างจากเนื้อสัตว์ มันต้องใช้หนังสัตว์และผ่านกรรมวิธีหลายขั้นตอน
และสัตว์อสูรตัวใหญ่ที่ถูกล้มลง เนื้อของมันเลี้ยงคนได้หลายสิบชีวิต แต่กลับได้หนังแค่ไม่กี่เมตร
“ที่พูดถึงคือต้นอ่อน ไม่ใช่กะหล่ำที่โตเต็มที่แล้ว”
มู่เหลียงแสยะยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“ต้นอ่อน!?”
แววตาของหว่านเอ่อตู้ดูเป็นประกายทันที
ต้นกล้าหมายความว่าหากได้มาพวกเขาสามารถเพาะปลูกได้มากกว่า 1 และโอกาสที่จะเติบโตสูงกว่าปลูกตั้งแต่เป็นเมล็ด
และหากว่าเพาะปลูกจนโต ก็สามารถเอาเมล็ดจากต้นได้แค่ ต้นอ่อนเพียงต้นเดียวสามารถขยายวงเพิ่มได้อีกหลายสิบต้น!
ภายใต้การควบคุมน้ำที่แจกจ่ายให้กับทุกคน สิทธิ์ของเจ้าเมืองนั้นได้รับน้ำมากพอที่จะนำมารดน้ำพืชผักได้
“ทั้งหมดที่นำมาแลกเป็นผ้า 92 ผืน”
หยู่ฉินหลานนำสมุดเล่มเล็กๆ ขึ้นมาเขียนบันทึกรายการแลกเปลี่ยนทันที และเริ่มตรวจสอบคลังสิ่งของภายในเมือง
“ต้นอ่อนของกะหล่ำปลีหลังจากแลกเปลี่ยนแล้วก็ยังพอเหลืออยู่”
มู่เหลี่ยงเริ่มจะเผยสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ ออกมา
“หากว่าผ้าหมดแล้ว ฉันยินดีแลกเปลี่ยนกับผลึกสัตว์อสูรด้วย”
หว่านเอ่อตู้เริ่มสนใจข้อเสนอใหม่ทันที เมื่อได้ยินว่าผลึกสัตว์อสูรเอามาแลกเปลี่ยนได้
เมืองสิบขั้นนั้นล่าสัตว์อสูรร้ายได้มากมายทุกปี ทำให้มีผลึกสัตว์อสูรเก็บไว้จำนวนมาก
ส่วนใหญ่ผลึกพวกนี้จะถูกนำไปใช้ในการผสมยา บางส่วนก็เอาไปแลกเปลี่ยนซื้อขายอาวุธวิญญาณ แต่ถึงจะมีใช้จ่ายอยู่ตลอด มันก็ยังคงเหลือมากอยู่ดี
“ผลึกสัตว์อสูรชั้นต่ำระดับกลางสิบสองชิ้นในการแลกกับต้นอ่อนหนึ่งต้น”
มู่เหลียงกล่าวอย่างสบายๆ
“สิ่งนั้นแพงเกินไป”
หว่านเอ่อตู้ตกใจเมื่อได้ยิน เพราะมันแพงกว่าเอาผ้าไปแลกต้นอ่อนเสียอีก
“.....”
หยู่ฉินหลานถึงกับชะงักไป แววตาของเธอเต็มไปด้วยประกายแห่งความประหลาดใจ
ครั้งหนึ่งเธอเคยถูกมู่เหลียงขายใบชาประกายแสงให้ในราคา 100 ผลึกสัตว์อสูรชั้นต่ำระดับสูง
แล้วยิ่งไปกว่านั้นใบชาประกายแสงนั้น มีสรรพคุณดีกว่าต้นอ่อนพวกนี้มากๆ เธอจึงคิดว่ามันคุ้มค่าที่จ่ายออกไป
แต่ตอนนี้มู่เหลียงกำลังจะขายต้นอ่อนในราคาผลึกสัตว์อสูรชั้นต่ำระดับกลาง 12 ก้อนต่อ 1 ต้นอ่อนถือว่าแพงมาก
“มีต้นอ่อนเหลืออยู่ในสวนอีก 300 ต้น ไว้สำหรับการแลกเปลี่ยนซื้อขาย”
มู่เหลียงไม่ได้ลดราคาลงเลย เอาแต่บอกราคาที่ต้องการอย่างเดียว
ในความเป็นจริงแล้ว ต่อให้เขาลดราคาลง คนเหล่านี้ก็ไม่กล้าที่จะซื้ออยู่ดี
อย่างไรก็ตาม มันคือแผนการของเขาที่ต้องการให้คนเหล่านี้เกิดความโลภ และสร้างโอกาสให้กับโจรของเขา
และเปิดโอกาสให้หาสิ่งอื่นมาแลกกับต้นอ่อนอีก 300 ต้น
“งั้นขอคิดดูก่อน”
หว่านเอ่อตู้ดูลังเลใจ
สุดท้ายแล้วเขาก็แลกเปลี่ยนต้นอ่อนมา 20 ต้น หากว่าแลกเปลี่ยนมามากกว่านี้ อัตราการเติบโต และจำนวนที่รอดก็จะมากขึ้น แม้ว่าราคาที่ต้องจ่ายจะสูงจนแทบกระอักเลือดก็ตาม
เหตุผลเดียวก็คือจำนวนผลึกสัตว์อสูรที่ใช้จ่ายนั้นเยอะเกินไป หากว่ามันถูกกว่านี้เขาคงยอมซื้อเพิ่มอีก 10 - 20 ต้น
แต่เขาไม่สามารถเอาสมบัติของตระกูลมาใช้จ่ายกับการเพาะปลูกได้
“ไม่ต้องรีบ เรายังอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน”
หยู่ฉินหลานรีบชิงจังหวะนี้พูดเปิดโอกาสให้ทุกคนมีเวลาคิด และกล่าวเปลี่ยนหัวข้ออย่างลื่นไหล
“และในช่วงเวลานั้นเราจะตั้งร้านค้าอยู่นอกเมือง”
ทุกอย่างเป็นไปตามที่มู่เหลียงวางเอาไว้ทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มแลกเปลี่ยนจนไปถึงเปิดตลาดแลกเปลี่ยนผลึกสัตว์อสูร
“ตั้งร้าน?”
หว่านเอ่อตู้ถึงกับผงะด้วยความประหลาดใจ
“ถูกต้องแล้ว เราจะนำน้ำ และเครื่องปั้นดินเผาหลายชนิดลงมาวางขาย รวมไปถึงผักสีเขียว”
หยู่ฉินหลานเหลือบมองดูสมุดบันทึกเล่มเล็กของเธอ และมองดูรายการเครื่องปั้นดินเผาที่พึ่งจะเพิ่มขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้
ทุกอย่างเกิดจากฝีมือของหยู่เฟ่ยหยานที่พัฒนาฝีมือการทำเครื่องปั้นดินเผาได้ดีขึ้น
เธอสามารถจดจำอุณหภูมิของไฟที่ใช้ในการเผาได้ และควบคุมไฟได้เสถียรมากขึ้น ทำให้ผลงานที่ผลิตออกมาได้นั้นคุณภาพดีมาก อีกทั้งยังให้ชาวบ้านช่วยกันปั้นดินนำมาเผาเพิ่มจำนวนอีก
ในเรื่องนี้มู่เหลียงนั้นถึงกับเอ่ยปากชมหยู่เฟ่ยหยานอย่างออกหน้าออกตา
“เช่นนั้นเอง”
หว่านเอ่อตู้หรี่ตาลงเล็กน้อย
เขานั้นให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่กี่คน แต่อีกฝ่ายนั้นกลับมั่งคั่งมากจนเปิดร้านขายของหน้าเมืองพวกเขาได้ ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ
(ตอนเดียวครับ แปลไม่ทัน พรุ่งนี้อาจจะงด เพราะติดงาน)