สุดยอดอัศวิน บทที่ 8 : การประเมินเริ่มขึ้นแล้ว
สุดยอดอัศวิน บทที่ 8 : การประเมินเริ่มขึ้นแล้ว
เมื่อมองไปที่ขวดสีฟ้าเล็ก ๆ ในมือ ร่องรอยของความซับซ้อนก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของฌอน
เลือดกวางสีเงินเป็นเลือดสัตว์ที่หายาก แถมยังเป็นเลือดสัตว์หายากที่อุดมไปด้วยอนุภาคธรรมชาติ ซึ่งสามารถปรับปรุงพลังทางกายภาพของอัศวินได้โดยตรง เรียกได้ว่าเป็นยาที่ล้ำค่า
อย่างไรก็ตาม ราคาของมันแพงมาก ไม่มีขายในท้องตลาดทั่วไป เขาคาดไม่ถึงว่ามัวร์มอบสิ่งนี้ให้เขา
แน่นอนว่าตอนนี้เขาไม่ต้องการเลือดกวางสีเงินขวดนี้อีกต่อไป แต่การกระทำของมัวร์จะทำให้เขาหนักใจ แม้เขาพอมองออกว่า ‘มิตรภาพ’ ที่อีกฝ่ายมอบให้ไม่ได้มาจากใจจริง แต่การยอมรับน้ำใจจากอีกฝ่ายก็ถือเป็นการตอบรับ ‘มิตรภาพ’ ในแบบของเขา
“ต้องหาโอกาสเอาไปคืนให้ได้”
แม้ว่าฌอนจะไม่รู้ว่ามัวร์จ่ายเงินไปเท่าไหร่สำหรับเลือดกวางสีเงิน แต่สัญชาตญาณของเขาบอกว่ามัวร์ต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อมันแน่ ๆ ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาต้องเอาเลือดกวางสีเงินขวดนี้ไปคืนให้ได้ แต่ต้องรอให้ผ่านการประเมินไปก่อน
ต่อให้เขาไม่ต้องการเลือดกวางสีเงินขวดนี้ แต่ถ้าเขายืนกรานจะส่งคืนให้ก่อนที่จะเริ่มการประเมิน มัวร์คงไม่ยอมรับมันอย่างแน่นอน
ในตอนเช้าเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ในห้องโถงของโรงเรียนอัศวินยุคใหม่ กลุ่มเด็กชายและเด็กสาวสวมชุดเกราะหนังสีดำมารวมตัวกันที่นี่ พวกเขาเป็นนักเรียนในชั้นเรียนเดียวกันกับฌอน
นักเรียนในชั้นปีอื่น ๆ ก็มีการประเมินกลางปีและปลายปีเหมือนกัน แต่พวกเขาจะถูกแยกจากฌอนและคนอื่น ๆ โรงเรียนอัศวินยุคใหม่มีระบบ 6 ชั้นปี มีนักเรียนมากกว่า 200 คนในแต่ละชั้นปี รวมแล้วมีนักเรียนมากกว่า 1,200 คนที่เข้ารับการประเมินพร้อมกัน ซึ่งมันแออัดเกินไป
“ดูซิว่าใครมา”
เมื่อฌอนเดินเข้ามาในห้องโถง เขาสังเกตเห็นทันทีว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เขา
ตั้งแต่เขาได้รับคำชี้นำจากเลดี้สการ์เล็ต เซร่า เขาก็กลายเป็นคนดังของเพื่อน ๆ ในชั้นปีเดียวกัน
คนเหล่านี้มองเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น บางคนก็มองด้วยความอิจฉาริษยา
เพราะความลังเลใจ พวกเขาจึงพลาดโอกาสที่เลดี้สการ์เล็ต เซร่าจะให้คำชี้นำแบบตัวต่อตัว เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะรู้สึกอิจฉาฌอนที่ได้รับโอกาสจากเลดี้เซร่า
นี่คือจิตวิทยาของคนทั่วไป ถ้าตัวเองไม่ได้ คนอื่นก็ไม่สมควรได้รับ หากได้รับ ก็ไม่พ้นตกเป็นเป้าของความอิจฉาริษยา
“ต่อให้เขาได้คำชี้นำไปก็ไม่เป็นผล ยังไงเขาก็ไม่ผ่านการประเมินหรอก ถ้าฉันเป็นเขา ฉันคงเอาหัวโขกกับต้นไม้ตายไปแล้ว”
“น่าเสียดาย ฉันหวังว่าจะมีโอกาสแบบนั้นบ้าง ไม่งั้นระดับฝีมือดาบของฉันคงพัฒนาไปมากแล้ว”
ฌอนเริ่มคุ้นเคยกับการชี้นิ้วนินทาของคนเหล่านี้ขึ้นทุกวัน เขาไม่สามารถทำอะไรได้มากนักต่อหน้าคนอื่น
สู้เหรอ?
เพียงเพราะโดนเด็กหนุ่มผมชี้ฟูเยาะเย้ยถากถาง เขาจึงต่อสู้กับพวกเขาอย่างหุนหันพลันแล่น เรื่องแบบนี้ฌอนคิดว่ามันไร้สาระเกินไป ดังนั้นวิธีรับมือที่เขาใช้อยู่ทุกวันนี้ ก็คือทำเป็นหูทวนลมไปซะ
“ฮึ รอโดนไล่ออกได้เลย!”
ทันใดนั้น ฌอนก็รู้สึกถึงสายตาเย็นชาที่จ้องมองมาที่เขา เขาหันหน้าไป เห็นเด็กหนุ่มที่ใบหน้ามีฝ้ากระจ้องมองมาที่เขาด้วยความเย้ยหยัน เขาคือเบนสันนั่นเอง
“นายมันน่ารำคาญจริง ๆ!”
ฌอนขมวดคิ้ว
เขายังพอทนคนอื่นได้ แต่กับผู้ชายคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าเขา เขาอยากจะสอนบทเรียนให้อีกฝ่ายจริง ๆ เพราะสิ่งที่เขาเห็นจากดวงตาของอีกฝ่าย คือความดุร้ายราวกับหมาป่า
เขาแน่ใจว่าหากมีโอกาส ผู้ชายคนนี้จะฆ่าเขาโดยไม่ลังเลอย่างแน่นอน แม้กระทั่ง ‘การต่อสู้’ ในครั้งก่อนที่ทำให้ฌอนคนเก่าถึงแก่ความตาย จนเขาได้ข้ามเวลามาเกิดใหม่โดยไม่ได้ตั้งใจ ลึก ๆ เขารู้สึกว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่อีกฝ่ายมีเจตนา ‘ฆ่า’
“ฌอน”
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ขวางกั้นระหว่างฌอนกับเบนสัน ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากมัวร์ ส่วนความตั้งใจของเขาก็ชัดเจนในตัวมันเองอยู่แล้ว เขากลัวว่าฌอนจะต่อสู้กับเบนสันอีกครั้ง
“มาแล้วก็ดี”
เมื่อเห็นว่าเบนสันถูกขัดจังหวะ ฌอนก็เลิกทำหน้าจริงจัง และทักทายมัวร์อย่างเป็นกันเอง
แม้ว่าเขาอยากจะสอนบทเรียนให้เบนสันคนนั้นจริง ๆ แต่เขาจะไม่ยอมตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดิมเพราะความหุนหันพลันแล่นอีก ท้ายที่สุด การประเมินในวันนี้คือไฮไลท์ ถ้าพลาดไปคงต้องเสียใจมากแน่ ๆ
“เดี๋ยวก่อน? หน้านายไปโดนอะไรมา?”
ทันใดนั้น ฌอนก็ขมวดคิ้วเพราะเขาพบรอยช้ำขนาดใหญ่ที่ด้านซ้ายบนใบหน้าของมัวร์ เพราะตอนบ่ายเมื่อวานนี้เขายังไม่มีรอยช้ำนั้นเลย
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่หกล้มน่ะ”
มัวร์มองไปทางอื่น ไม่สบตาฌอน พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“...”
ฌอนไม่ตอบกลับ แต่เขามองตรงไปที่มัวร์เป็นเวลานาน
ถ้าเขาเป็นคนธรรมดาก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ในฐานะนักเรียนของโรงเรียนอัศวินยุคใหม่ ทุกคนต่างก็มีพลังทางกายภาพเหนือกว่าคนทั่วไป พูดตรง ๆ แม้ว่าเขาจะตกจากความสูงสองถึงสามเมตรก็ไม่น่าเป็นปัญหา ด้วยร่างกายแข็งแกร่งแบบนั้นจะบาดเจ็บได้ยังไง?
แน่นอนว่าต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ แต่ฌอนก็ไม่ได้ถามอะไรอีก เพราะเขารู้ว่าต่อให้ถาม อีกฝ่ายก็ไม่ยอมตอบแน่นอน
แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง!
เมื่อเสียงระฆังดังขึ้น นักเรียนมากกว่า 200 คนเข้าแถวเป็นหกแถว และอาจารย์ของพวกเขาก็ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้า
“ห้อง 1 ตามฉันมา”
ผู้อำนวยการชั้นปี ซึ่งก็คืออาจารย์ประจำห้อง 1 พยักหน้าให้อาจารย์อีก 5 คน และนำนักเรียนทั้งหมดของห้อง 1 ไปยังพื้นที่ทดสอบ
“เฮ้ ฉันสงสัยจังว่าจะมีคนที่ไม่ผ่านการประเมินหรือเปล่า?”
“จะเป็นไปได้ยังไง ทุกคนคงผ่านการประเมินกันหมดแหละ!”
“ใช่แล้ว พวกนั้นก็มาจากตระกูลชนชั้นสูงทั้งหมดนี่”
เมื่อมองไปทางพวกห้อง 1 ซึ่งกำลังเดินเข้าไปในพื้นที่ทดสอบ นักเรียนของห้องอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความไม่พอใจ
โรงเรียนอัศวินยุคใหม่มีทั้งหมดหกชั้นปี ห้องแรกของแต่ละชั้นปีมีผู้อำนวยการชั้นปีเป็นอาจารย์ประจำชั้น ห้อง 1 ที่ว่านี้มีอีกหนึ่งชื่อพิเศษ นั่นก็คือ : ห้องชนชั้นสูง
ในความเป็นจริง ไม่ใช่สมาชิกทุกคนของห้อง 1 จะเป็นสมาชิกของห้องนี้ตั้งแต่ต้น หลายคนถูกเลือกมาจากห้องอื่นอีกที เนื่องจากมีแต่ลูกหลานของตระกูลชั้นสูงที่ได้รับการคัดเลือก ห้อง 1 จึงถูกเรียกว่าห้องชนชั้นสูง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ตามที่คาดไว้ สมาชิกทุกคนในห้อง 1 ผ่านการประเมิน และโดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาทั้งหมดเกินมาตรฐานการประเมินไปมาก
เมื่อทราบผลลัพธ์นี้ นักเรียนในห้องอื่น ๆ ถึงจะคาดการณ์เอาไว้แล้ว แต่ก็ยังผงะ
ต่อจากนั้น ตามลำดับชั้นเรียน นักเรียนของห้อง 2 ห้อง 3 ห้อง 4 และห้อง 5 ก็เข้าสู่พื้นที่ทดสอบตามลำดับ
เมื่อพวกเขาออกมา บางคนตื่นเต้น บางคนผิดหวัง และบางคนก็ละอายใจ
ผู้ที่มีใบหน้าตื่นเต้นคือผู้ที่ผ่านการประเมิน ผู้ที่มีใบหน้าผิดหวังคือผู้ที่ไม่ผ่านการประเมิน แต่จำนวนสอบตกยังไม่ถึงสามครั้ง และผู้ที่มีสีหน้าละอายใจคือผู้ที่ไม่ผ่านการประเมินครั้งที่สาม
นักเรียนหลายคนมองไปยังนักเรียนที่มีสีหน้าซีดเซียวด้วยท่าทางพอใจ แม้แต่นักเรียนบางคนก็มองฌอนที่ยังไม่ได้เข้ารับการทดสอบด้วยท่าทางเดียวกัน ในความคิดของพวกเขา ฌอนจะต้องเป็นคนที่ไม่ผ่านการประเมินอย่างแน่นอน และต้องถูกไล่ออก
“ห้อง 6 มากับฉัน”
อาจารย์ประจำห้อง 6 ซึ่งก็คืออาจารย์ประจำชั้นของฌอน เขาเป็นคนหน้าเหลี่ยมมีชื่อว่าเชาเซอร์ จอยซ์ เขาเหลือบมองทุกคนในห้อง 6 และนำนักเรียนห้อง 6 ไปยังพื้นที่ทดสอบ เไม่นานนักเรียนห้อง 6 ก็เข้าสู่พื้นที่ทดสอบซึ่งมีขนาดกว้างมาก
ในพื้นที่ทดสอบ มีสถานที่ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดสองแห่ง แห่งหนึ่งคือทางตรงซึ่งวาดด้วยเส้นสีขาว และอีกแห่งเป็นแถวของบล็อกเหล็กสี่เหลี่ยมที่เรียงจากเล็กไปใหญ่ ในเวลานี้สถานที่ทั้งสองแห่งมีคนรับใช้ของโรงเรียนรออยู่ที่นั่น
ตามปกติการประเมินของโรงเรียนจะแบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ ความเร็ว และพละกำลัง
นี่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่ก็ยากที่สุด
พละกำลังและความเร็ว เป็นการแสดงพื้นฐานทางกายภาพของอัศวิน ซึ่งเป็นสิ่งที่วัดง่ายที่สุด
การทดสอบครั้งแรกคือความเร็ว เชาเซอร์หยิบใบรายชื่อออกมาและเริ่มอ่านรายชื่อเพื่อเรียกมาทำการทดสอบ
วิธีการทดสอบนั้นง่ายมาก นักเรียนที่ทำการทดสอบจะยืนอยู่ที่ตำแหน่งเริ่มต้น และปลายทางจะมีคนรับใช้ยืนอยู่ คนรับใช้จะถือนาฬิกาทรายไว้ในมือ ซึ่งทรายจะตกลงครั้งละหนึ่งเม็ดเท่านั้น เมื่อนักเรียนเริ่มวิ่งก็จะเริ่มจับเวลา คะแนนของนักเรียนที่ได้คือจำนวนเม็ดทรายที่ตกลงสู่ก้นนาฬิกาทราย
“จาร์นอค”
การทดสอบครั้งแรกเป็นเด็กชายตัวสูง เมื่อเทียบกับเพื่อน ๆ ของเขา ร่างของเด็กชายมีความแข็งแกร่งกว่ามาก เขาไม่ใช่คนอ้วน แต่ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งมาก
“เริ่มได้”
ฟิ้ว!
เด็กชายออกวิ่งตามคำสั่งของอาจารย์
การเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยพลังที่รุนแรง มีย่างก้าวที่ยาวมาก ทุกครั้งที่เขาก้าว พื้นดินดูเหมือนจะสั่นสะเทือน ด้วยพละกำลังดังกล่าว ความเร็วของเขาจึงเร็วผิดปกติ และอาจแข็งแกร่งกว่าแชมป์นักวิ่งของโลกซะอีก
“37 วินาที”
ท้ายที่สุด มีเม็ดทรายทั้งหมด 37 เม็ดตกลงมา ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงเส้นชัย เขาใช้เวลาไปทั้งหมด 37 วินาที เชาเซอร์จดตัวเลขนี้อย่างรวดเร็ว แล้วขีดเส้นเพื่อประเมินความเร็ว นักเรียนคนแรกผ่านการทดสอบแรกเป็นที่เรียบร้อย