บทที่ 326 – เมืองหลวงของอาณาจักรอ้ายเซี่ย
ผมได้แต่คิดอยู่ในใจ ‘เหตุการณ์เริ่มสงบลงอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่แน่ นี่เป็นแค่การพักเตรียมตัว ก่อนที่พวกนั้นจะทำการโจมตีขนาดใหญ่เท่านั้น ถ้าฉันเดาไม่ผิด ตอนนี้ราชามารต้องกำลังคืนชีพอยู่แน่ ๆ’
“เจี้ยนซาน! ข้าจะเดินทางไปที่เมืองหลวงของอ้าวเซี่ยต่อในตอนนี้เลย พวกเจ้าควรจะอยู่ที่นี่กันต่อไป อย่างไรเสีย มันก็ต้องมีคนอยู่คอยรักษาความปลอดภัยให้กับฐานที่มั่นของพวกเรา ไม่ต้องกังวล ข้าได้รับสืบทอดพลังแห่งเทพเจ้ามาเรียบร้อยแล้ว ต่อให้ราชามารปรากฎตัวขึ้นมาจริง ๆ พวกเราก็มีทางรับมือได้แล้ว”
เจี้ยนซานรีบเอ่ยปากออกมา “จางกง! ให้ข้าเดินทางไปกับท่านด้วยเถอะ ต่อให้ข้าอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเพิ่มขึ้นมามากนัก เฉพาะพี่น้องพวกนี้ ก็สามารถป้องกันที่นี่เอาไว้ได้เป็นอย่างดีแล้ว ถ้าไปที่แนวหน้า ข้าจะทำประโยชน์ได้มากกว่า”
ผมมองหน้าเขา ก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้! ข้าจะพาเจ้าไปด้วย รีบไปเตรียมตัวเถอะ เวลาไม่น่าจะเหลือมากแล้ว ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิด เผ่ามารน่าจะเริ่มทำการโจมตีอีกครั้ง ภายในระยะเวลาไม่นานนี้แล้ว และครั้งนี้น่าจะเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ด้วย พวกเราต้องไปเจอกับคนอื่น ๆ ให้ได้เร็วที่สุด จะได้วางแผนรับมือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น” หลังจากกล่าวจบ ผมก็เริ่มลงมือวาดผังเวทย์เคลื่อนย้ายระยะไกลทันที ปล่อยให้เจี้ยนซานกลับไปเก็บข้าวของ ให้พร้อมที่จะออกเดินทางได้ทันที
หลังจากใช้เวลาไม่นานมากนัก ผังเวทย์เคลื่อนย้ายก็เสร็จสมบูรณ์ในที่สุด ท้องฟ้าเริ่มมีแสงเรืองขึ้นมาจากขอบฟ้า ส่งสัญญาณว่าเป็นเวลาเช้าตรู่ของวันใหม่แล้ว ผมสั่งการกับพี่น้องที่ต้องอยู่รักษาความปลอดภัยของฐานที่มั่นอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินนำเจี้ยนซานเข้าไปในผังเวทย์ ส่งพลังออกมาคุ้มกันเขาเอาไว้ แล้วเริ่มกระตุ้นให้ผังเวทย์ทำงานทันที
แสงสว่างวาบออกมา และพวกผมทั้งสองคนก็หายตัวไปในพริบตา
..............
“อา! พวกเรามาถึงแล้ว” สภาพแวดล้อมของเป้าหมายที่ผมพาเจี้ยนซานเคลื่อนย้ายมานั้นคุ้นตาเป็นอย่างมาก พวกเรามาถึงอาณาจักรอ้ายเซี่ยแล้ว เป็นบริเวณด้านหลังของโรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์หลวง ใกล้ ๆ กับบ้านพักของอาจารย์ตี้นั่นเอง มันเป็นเป้าหมายที่ถูกกำหนดเอาไว้สำหรับการเคลื่อนย้ายกลับมายังเมืองหลวงในทุกครั้งอยู่แล้ว เมื่อได้กลับมาอยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคย ทำให้ผมตกอยู่ในภวังค์แห่งความหลังไม่น้อย และเริ่มคิดถึงอาจารย์ตี้และอาจารย์เจิ้นว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ได้รับบาดเจ็บจากการต่อต้านเผ่ามารบ้างหรือไม่? หม่าเคอที่ตอนนี้เป็นราชาของอาณาจักร จะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?
“จางกง! มีอะไรผิดปกติอย่างนั้นหรือ? หรือว่าพวกเรามาผิดเป้าหมาย?” เสียงของเจี้ยนซานดังถามขึ้น คงเป็นเพราะว่าเห็นผมเงียบลงไปอย่างผิดปกติ
ผมสลายม่านป้องกันออกทั้งหมด ก่อนที่จะหันไปส่ายหน้าให้เขา “ไม่หรอก พวกเรามาถูกที่แล้ว ที่นี่คือเมืองหลวงของอาณาจักรอ้ายเซี่ย เป็นโรงเรียนที่ข้าเคยเรียนอยู่ตั้งแต่เด็ก เลยทำให้เผลอคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปหน่อยเท่านั้น”
เจี้ยนซานยิ้มออกมาได้ “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ นี่ไม่ใช่เวลามาระลึกถึงความหลังเสียหน่อย”
ผมรีบพยักหน้าออกมา “อืม พวกเราไปที่วังหลวงกันก่อน อย่างน้อยก็คงจะสอบถามได้ ว่าตอนนี้ทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่ไหน?”
ก่อนที่เจี้ยนซานจะได้ตอบรับ หรือกล่าวอะไรออกมา เสียงฝีเท้าหนักแน่นจำนวนมากก็ดังเข้ามาให้ได้ยิน พวกเราถูกล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนา จากนักเวทย์ของสหพันธ์เวทย์มนต์หลวง พวกเขามากันจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว แสดงว่าการรักษาความปลอดภัยของเมืองหลวงนี้ค่อนข้างเข้มงวดเป็นอย่างมาก น่าจะมีการเตรียมตัวกันเอาไว้เป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถมาที่นี่ได้เร็วกันขนาดนี้เป็นแน่
และดูเหมือนพวกเขาพร้อมที่จะโจมตีได้ทุกเมื่อ คทาเวทย์จำนวนนับร้อยในมือของพวกเขาเรืองแสงสีต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ‘อือ พวกเขาตอบสนองกันได้เร็วดีจริง ๆ น่าจะวางเวรยามเฝ้าระวังกันไว้ตลอด พลังเวทย์จากการเคลื่อนย้ายระยะไกล น่าจะทำให้สัญญาณเตือนอะไรดังขึ้นบ้างแน่ ๆ’
นักเวทย์ชราที่ดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าหน่วยของนักเวทย์กลุ่มนี้ เดินล้ำหน้าออกมา ก่อนจะเอ่ยกล่าวถามเสียงข่มขู่ “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?” สัญลักษณ์บนหน้าอกของเขา บ่งบอกว่าเขาเป็นอาจารย์เวทย์ธาตุไฟ
ผมก็ก้าวออกไปหนึ่งก้าวเช่นกัน ก่อนจะกล่าวออกอย่างยิ้มแย้ม “อย่าเพิ่งได้ลงมือไป พวกเราอยู่ข้างเดียวกัน ข้าเป็นนักศึกษาจะสถาบันเวทย์มนต์หลวง เพิ่งใช้ผังเวทย์มนต์เคลื่อนย้ายเดินทางกลับเข้ามา”
นักเวทย์ชราคนนั้นมองมาที่ผมอย่างเยาะเย้ย “เจ้าคิดว่ากำลังโกหกใครอยู่? พลังเวทย์ที่ผันผวนออกมาจากที่นี่ จากระดับพลังของมัน น่าจะมาจากผังเวทย์เคลื่อนย้ายระยะไกล มีเพียงนักเวทย์ระดับสูงสุดเพียงไม่กี่คนเท่านั้นในอาณาจักรอ้ายเซี่ยที่สามารถใช้ผังเวทย์แบบนั้นได้ บอกออกมาเสียดี ๆ เจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับเผ่ามาร?”
ผมถามกลับไปด้วยอาการอึ้งเล็กน้อย “พวกข้าเหมือนกับมาจากเผ่ามารตรงไหนกัน?”
เขาคำรามออกมาอย่างเย็นชา “ตอนนี้มีคนจำนวนมาก ที่ถูกเผ่ามารยึดร่างเอาไว้ หรือยอมเป็นลูกสมุนของพวกมัน ใครจะไปรู้? เจ้าอาจจะเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้”
ผมคิดขึ้นมาในใจ ‘ที่เขาพูดมาก็มีเหตุผลไม่น้อย อย่างรื่อฟงเหลียงกับรื่อซือฟงนั่น ก็ยอมเป็นลูกสมุนของเผ่ามาร ราชาปีศาจซาต้าก็ถูกครอบครองร่างไป มันไม่มีทางมองแต่ภายนอกได้เลยจริง ๆ ดูเหมือนจะต้องยืนยันตัวด้วยวิธีอื่นแล้ว ถ้าจำเป็นจริง ๆ อาจจะถึงต้องกับเปิดเผยตัวตนของตัวเองออกไปแล้ว’
ผมยื่นมือของตัวเองออกไปข้างหน้า “ท่านน่าจะรู้อยู่แล้วว่า เผ่ามารไม่สามารถใช้เวทย์มนต์แห่งแสงได้ และข้าเองก็เป็นนักเวทย์แสง ไม่มีทางเป็นพวกเผ่ามารอย่างแน่นอน” หลังจากกล่าวจบ ผมก็ขยับมือขวาที่ยื่นอยู่ข้างหน้านั้น สร้างเป็นลำแสงสีขาวพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า สาดแสงสว่างไปทั่ว มันเป็นเวทย์มนต์แห่งแสงที่อ่อนโยน และทรงพลังอย่างมหาศาล
นักเวทย์ชราถึงกับครางออกมา “เวทย์แสงศักดิ์สิทธิ์! ใช้ออกมาโดยไม่ต้องเอ่ยคำร่ายเนี่ยนะ?”
ผมพยักหน้าให้เขา “นี่น่าจะยืนยันได้แล้วสินะ ว่าข้าไม่เกี่ยวข้องกับเผ่ามารเลย”
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะกำลังตื่นเต้นอยู่ กลับไม่ลืมที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้เรียบร้อยเลย “กรุณาถอดหน้ากากออกด้วย”
ผมขมวดคิ้วแน่น “ตัวตนของข้า ไม่เกี่ยวข้องกับการใส่หรือถอดหน้ากากเลยแม้แต่นิดเดียว และข้ายังมีธุระสำคัญที่ต้องไปจัดการ ได้โปรดหยุดทำให้พวกข้าเสียเวลาสักที หน้าที่ของพวกท่านคงจะเป็นการเฝ้าระวังการรุกรานของเผ่ามารใช่หรือไม่? เมื่อยืนยันได้แล้วว่าพวกเขาไม่ใช่เผ่ามาร ก็ควรจะเปิดทางได้แล้ว!”
เขายิ้มกลับมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคารพ “ข้ามิได้มีเจตนาอื่นใด แค่เพียงอยากจะเห็นหน้าท่านทูตแห่งแสงเว่ยจางกงให้ชัดเจนเท่านั้น เพื่อในภายภาคหน้าจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์เข้าใจผิดขึ้นอีก” คำพูดของเขาทำให้ผมตกใจไม่น้อย หันไปมองรอบ ๆ ก็พบว่านักเวทย์ที่อยู่รอบ ๆ ลดการป้องกันลงไปหมดแล้ว และกำลังมีสีหน้าที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมากเช่นกัน
“ท่านรู้ได้อย่างไร ว่าข้าคือเว่ยจางกง?”
นักเวทย์ชราตอบกลับมาอีกครั้ง “นอกจากท่านอาจารย์ใหญ่ตี้เหล่าหลุนแล้ว นักเวทย์ธาตุแสงที่สามารถใช้เวทย์ระดับสูงได้ตามใจนึกเช่นนี้ ก็คงมีแต่บุตรแห่งแสงแล้วเท่านั้น”
เมื่อหันมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ผมก็ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา ก่อนที่จะพยักหน้าให้กับพวกเขาเบา ๆ เพราะสายตาของพวกเขานั้นดูคาดหวังเป็นอย่างมาก และมันทำให้ผมรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ผมกล่าวกับหัวหน้านักเวทย์คนนั้น “ท่านเดาได้ถูกต้อง ข้าคือเว่ยจางกงจริง ๆ แต่คงไม่สะดวกที่จะถอดหน้ากากให้พวกท่านเห็นใบหน้าที่แท้จริง และข้านั้นมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการด่วน คงต้องขออภัยพวกท่านแล้ว แต่ข้าขอตัว” ผมยื่นมือออกไปจับตัวเจี้ยนซานเอาไว้ ก่อนจะใช้เวทย์เคลื่อนย้ายระยะสั้นออกมาในพริบตา หายตัวไปจากสถานที่แห่งนั้นทันที
ผมเคลื่อนย้ายตัวเองติดต่อกันอกีหลายครั้ง จนออกมาจากโรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์หลวงได้ไกลพอสมควรแล้ว จึงได้หยุดตัวเองลง และนั่นทำให้เจี้ยนซานหัวเราะออกมา “ทำไมจะต้องรีบหนีออกมาด้วยล่ะ พวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเสียหน่อย?”
ผมกล่าวอย่างไม่ยินดีนัก “ยังมีเรื่องอีกตั้งมากมายให้พวกเราต้องจัดการ จะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่นานไม่ได้หรอก ไปกันต่อเถอะ” ก่อนจะคว้ามือเขาอีกครั้ง และใช้การเคลื่อนย้ายระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง มุ่งหน้าไปวังหลวงทันที