ตอนที่ 390 กรงเล็บภูติโลหิต
ตอนที่ 390 กรงเล็บภูติโลหิต
เบโอเนทมุ่งหน้าตรงไปยังส่วนลึกของดินแดนเซิร์กอย่างเงียบ ๆ ซึ่งในระหว่างทางเซี่ยเฟยก็นั่งอยู่ในห้องบัญชาการและทำการวิเคราะห์ข้อมูลของเครื่องสื่อสารที่เขาขโมยมาจากศูนย์บัญชาการด่านหน้า
ระบบรักษาความปลอดภัยของเซิร์กจัดอยู่ในระดับที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับระบบรักษาความปลอดภัยที่ใช้กันอยู่ในพันธมิตร
ยกตัวอย่างเช่น ถึงแม้ว่าพวกเซิร์กจะได้ระบบสื่อสารของทหารจากพันธมิตรไป แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะใช้เครื่องสื่อสารของทหารได้ เนื่องมาจากว่ามันได้ถูกเข้ารหัสป้องกันเอาไว้หลายชั้น ยิ่งไปกว่านั้นรหัสยังถูกเปลี่ยนโดยอัตโนมัติเป็นระยะ ๆ ทำให้การเจาะเข้าระบบทำได้ยากลำบากมากขึ้นกว่าเดิม
แต่การพยายามเข้าสู่ระบบของเซิร์กกลับเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพราะเพียงแค่การกรอกรหัสผ่านเข้าไปเพียง 1 ครั้งก็สามารถที่จะเข้าถึงคลังข้อมูลเครือข่ายของเซิร์กได้โดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ
การถอดรหัสถือว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับเซี่ยเฟย เพราะเขาได้ทำการศึกษาเรื่องเทคโนโลยีมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการเข้ารหัสแบบเรียบง่ายของพวกเซิร์ก เพราะแม้กระทั่งการเข้ารหัสที่ซับซ้อนของอารยธรรมโบราณก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
2 วันหลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็พยายามเรียนรู้จากข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ในระบบ ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็กำลังมองหาเป้าหมายรายต่อไป
ความโกรธแค้นภายในใจของชายหนุ่มเปรียบเสมือนกับระเบิดเวลาที่ต้องการการระบายออก แล้วมันก็มีเพียงแต่เลือดของพวกเซิร์กเท่านั้นที่จะช่วยบรรเทาความขัดแย้งภายในจิตใจของเขาได้
นอกจากนี้สถานการณ์ในปัจจุบันยังเอื้ออำนวยต่อการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มสุด ๆ เพราะกองกำลังส่วนใหญ่ของเซิร์กได้เดินทางไปร่วมทำสงครามในพันธมิตรมนุษย์จนเกือบหมดแล้ว มันจึงแทบที่จะไม่เหลือภัยคุกคามใด ๆ ที่จะมาขัดขวางเขาได้
ตามข้อมูลที่เขาได้รับมาภายในดินแดนเซิร์กก็มีองค์กรนักรบเป็นของตัวเองเช่นเดียวกับสมาพันธ์จัสทิสและสมาพันธ์เฮอร์มิท ซึ่งองค์กรนักรบในดินแดนเซิร์กได้ถูกเรียกว่าสมาพันธ์นักรบศักดิ์สิทธิ์
สมาพันธ์นักรบศักดิ์สิทธิ์เป็นองค์กรนักรบเพียงแห่งเดียวในดินแดนเซิร์ก และมันยังเป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อรัฐไม่ใช่องค์กรเอกชนเหมือนสมาพันธ์จัสทิสในพันธมิตร ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นจะต้องได้รับคำสั่งโดยตรงจากราชาอูดี้ในเต็นท์ทองคำพวกเขาถึงจะเริ่มทำการเคลื่อนไหว
อูดี้ได้จัดตั้งสมาพันธ์นักรบศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาเพื่อรวบรวมนักรบชั้นยอดเอาไว้เป็นเครื่องจักรสังหารและเป็นองครักษ์พิทักษ์เผ่าพันธุ์ ด้วยเหตุนี้สถานะของนักรบศักดิ์สิทธิ์ภายในเผ่าจึงจัดอยู่ในระดับที่สูงมาก และพวกเขาก็ถือว่าเป็นกลุ่มผู้นำของเผ่าพันธุ์เซิร์กอย่างแท้จริง
สิ่งที่เซี่ยเฟยต้องการในตอนนี้คือการฆ่านักรบศักดิ์สิทธิ์ให้หมด ซึ่งถ้าหากว่าเป็นไปได้เขาก็อยากจะไล่ฆ่าไปจนถึงเต็นท์ทองคำและเด็ดหัวของอูดี้ลงมาเพื่อบรรเทาความแค้นภายในจิตใจ
“เฮ้อ! พันธมิตรกำลังแย่อีกแล้วสินะ” อันธกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างหนัก
รายงานล่าสุดในระบบเครือข่ายของเซิร์กได้ระบุว่ากองยานของเซิร์กได้บุกเข้าทำลายกองยานในภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ ซึ่งเนื่องจากความแตกต่างทางด้านจำนวน มันจึงทำให้กองกำลังปกป้องดินแดนของพันธมิตรพยายามถอนกำลังหลังจากได้รับความเสียหายอย่างหนัก และทำให้พวกเขาสูญเสียภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ให้กับพวกเซิร์กไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การสูญเสียภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ก็หมายความว่าดาวโลกกำลังตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเซิร์กเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะเป็นบริษัทควอนตัม, ซาร่า, พอตเตอร์, โบเดนและสมาชิกคนอื่น ๆ ในบริษัทก็ไม่เหลือสถานที่อันปลอดภัยให้พวกเขาได้หลบซ่อนตัวอีกต่อไป
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นจะอพยพออกไปได้ทันเวลาหรือไม่ แล้วชะตากรรมของคนกว่า 6,000 ล้านคนบนโลกจะต้องพบเจอกับโศกนาฏกรรมอะไรบ้าง
จากการวิเคราะห์รายงานฉบับล่าสุด เซี่ยเฟยก็สามารถสรุปได้อย่างง่ายดายว่าพันธมิตรคงจะต่อต้านกองกำลังเซิร์กได้อีกเพียงแค่ไม่นาน
ในเวลาต่อมาเซี่ยเฟยก็เปิดภาพอาคารขนาดใหญ่ขึ้นมาบนหน้าจอ โดยอาคารเหล่านี้ได้ถูกก่อสร้างขึ้นในแอ่งน้ำที่ล้อมรอบด้วยภูเขา โดยมีฝาครอบแก้วใสขนาดใหญ่ครอบอาคารทั้งหมดเอาไว้ และเส้นผ่านศูนย์กลางของฝาครอบแก้วใสนี้ก็มีความยาวมากกว่า 100 กิโลเมตร
“คำนวณเส้นทางที่ดีที่สุดไปยังที่นั่น, คำนวณเส้นทางหลบหนีเอาไว้ล่วงหน้าและคำนวณจุดที่ซ่อนของยานในระหว่างร่อนลงจอด” เซี่ยเฟยสั่งการด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“นั่นมันศูนย์ฝึกอบรมนักรบศักดิ์สิทธิ์ทาดินี่ที่เป็น 1 ใน 12 ศูนย์ฝึกอบรมหลักของเซิร์กไม่ใช่เหรอ? เป้าหมายต่อไปของนายคงจะไม่ใช่ที่นั่นใช่ไหม?!” อันธอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
“แล้วจะทำไม?” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเย็นชา เพราะในตอนนี้ความคิดของเขามีเพียงแต่การฆ่าและการล้างแค้นเท่านั้น
ศูนย์ฝึกอบรมนักรบศักดิ์สิทธิ์ทาดินี่ได้ตั้งชื่อตามนายพลทาดินี่ ผู้ซึ่งเป็นผู้บัญชาการบุกจู่โจมกลุ่มดาวนครหลวงของพันธมิตร และเขาก็คือตัวการที่ทำให้มนุษย์หลายแสนล้านคนจะต้องตาย!!
การพยายามทำลายศูนย์ฝึกอบรมนักรบศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะถึงแม้ว่ามันจะถูกตั้งอยู่ในบริเวณใกล้ชายแดน แต่มันก็ยังคงเป็นศูนย์ฝึกชั้นนำของพวกเซิร์กอยู่ดี
พื้นที่บริเวณนี้เป็นถิ่นอาศัยของด้วงที่ทรงพลังและถึงแม้ว่าพวกมันจะมีจำนวนน้อยมาก แต่พวกมันก็ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตนักรบระดับสูงของเผ่าพันธุ์
ขณะเดียวกันที่นี่ยังเป็นบ้านเกิดของไรฝุ่นและถึงแม้ว่าพวกมันจะมีรูปลักษณ์ที่อ่อนแอ แต่พวกมันก็เป็นแมลงที่มีความยืดหยุ่นสูงมาก และพวกมันยังขึ้นชื่อว่าเป็นแมลงที่ฉลาดที่สุดในเผ่าเซิร์กทั้งหมด
ความแข็งแกร่งของนักสู้ในเผ่าเซิร์กจะถูกแบ่งระดับตามตัวเลข ซึ่งยิ่งนักสู้สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้มากขึ้นเท่าไหร่ตัวเลขระดับของพวกเขาก็จะยิ่งมีระดับที่สูงมากขึ้นเท่านั้น โดยในศูนย์ฝึกอบรมแห่งนี้โทนี่ผู้ซึ่งเป็นผู้อำนวยการของค่ายฝึกเป็นที่รู้จักกันดีว่าเขามีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับระดับ 6 นอกจากนี้ภายในค่ายฝึกยังมีอาจารย์ระดับ 4 ประจำการอยู่ทั้งหมด 3 คนอีกด้วย
หากเทียบกับระดับนักสู้ในพันธมิตรแล้วนักสู้ระดับ 4 ของเซิร์กก็จะมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเดียวกันกับนักสู้มนุษย์ระดับสตาร์ริเวอร์ ด้วยเหตุนี้การที่ผู้อำนวยการของค่ายฝึกมีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับระดับ 6 จึงหมายความว่าเขาอยู่ในระดับลีเจนด์ที่ใกล้จะเลื่อนระดับเป็นอีเทอนิตี้แล้ว
เซี่ยเฟยยังมีพลังอยู่ในระดับสตาร์ริเวอร์เท่านั้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่าชายหนุ่มมีความแข็งแกร่งน้อยกว่าโทนี่อยู่เกือบๆ 2 ระดับ และมันก็เป็นความห่างชั้นที่สูงมากจนอาจจะทำให้ชายหนุ่มตกอยู่ในสภาวะวิกฤตได้เลย
ปัจจุบันนักเรียนระดับสูงในค่ายฝึกเกือบทั้งหมดเดินทางไปพร้อมกับกองทัพเพื่อทำสงครามกับพันธมิตรหมดแล้ว เหลือเพียงแค่นักเรียนใหม่และอาจารย์ที่ประจำอยู่ภายในค่ายประมาณ 3,000 คน
แต่ถึงกระนั้นการพยายามทำลายศูนย์ฝึกอบรมก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเซี่ยเฟยอยู่ดี เพราะอาจารย์ระดับ 4 ทั้งหมดยังคงเฝ้าอยู่ ณ ศูนย์ฝึกอบรม
“ฉันว่าถ้านายต้องการจะทำลายศูนย์ฝึกอบรมนี้จริง ๆ นายก็อาจจะต้องใช้ดาวพิฆาตในการทำลายดาวทั้งดวง เพราะนอกเหนือจากศูนย์ฝึกอบรมแล้วมันยังมีกองยานขนาดเล็กประจำการอยู่บนดาวเคราะห์ดวงนั้นด้วย และประชากรที่อาศัยอยู่บนดาวก็มีจำนวนอยู่มากกว่า 10,000 ล้านคน”
“ดังนั้นการพยายามล่าถอยออกมาจากดาวระดับนี้ไม่ใช่เรื่องที่ปลอดภัยแน่ ๆ และการแลกดาวพิฆาตกับชีวิตของเซิร์กกว่า 10,000 ล้านคนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่าอยู่เหมือนกัน” อันธกล่าวหลังจากอ่านข้อมูลอย่างระมัดระวัง
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยกลับส่ายหัวเป็นคำตอบ ก่อนที่เขาจะใช้นิ้วจิ้มหน้าจอเพื่อแสดงภาพอีกภาพหนึ่งขึ้นมา
ภาพที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอคือพืชชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับฝ่ามือของปีศาจ และรูปลักษณ์สีเทาแกมแดงอันน่าเกลียดของมันก็ให้ความรู้สึกถึงโลหะมากกว่ามันจะเป็นพืชชนิดหนึ่ง
“นั่นมันกรงเล็บภูติโลหิต! มันมีสมุนไพรวิเศษอยู่ในศูนย์ฝึกอบรมแบบนี้ได้ยังไง ว่ากันว่ากรงเล็บภูติโลหิตจะเปลี่ยนจากสีดำกลายเป็นสีแดงเข้มเมื่อมันเติบโตอย่างเต็มที่ เมื่อพิจารณาจากสีของภาพนี้ฉันก็คิดว่ามันใกล้จะพัฒนาขึ้นมาอย่างเต็มที่แล้ว” อันธอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง จากนั้นเขาก็หยุดพักสักครู่ก่อนที่จะเริ่มอธิบายต่อไปว่า
“เมื่อกรงเล็บภูติโลหิตเติบโตอย่างเต็มที่จะมีหยดเลือดสีแดงก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือของมัน และถ้าหากว่าใครได้กินหยดโลหิตหยดนั้นเข้าไป มันก็จะสามารถซ่อมแซมชิ้นส่วนร่างกายที่เสียหายให้ฟื้นฟูสภาพกลับมาทั้งหมด และไม่ว่าจะเป็นแขนขาที่ขาดหายไปก็จะถูกงอกขึ้นมาใหม่อย่างไม่มีข้อยกเว้น”
“เซี่ยเฟยบางทีสมุนไพรชนิดนี้อาจจะช่วยซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายได้ก็ได้!!”
“ด้วยระดับพลังของนายในปัจจุบันมันก็เป็นเรื่องยากลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งต่อไป และถ้าหากว่านายยังคงต้องพึ่งพาน้ำยาต่อไป ในสักวันหนึ่งการพัฒนาของนายก็จะเดินทางไปจนถึงทางตัน”
“ท้ายที่สุดยิ่งน้ำยาให้ผลลัพธ์ที่ดีมากเท่าไหร่ ผลข้างเคียงของมันก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น ช่วงแรกร่างกายของนายอาจจะรับผลของน้ำยาได้อย่างเต็มที่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายของนายก็จะยิ่งดื้อยามากขึ้นเรื่อย ๆ และในวันหนึ่งถึงแม้ว่านายจะกินยาวิเศษเข้าไป แต่มันก็จะช่วยเพิ่มพลังให้กับนายได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น”
“แต่ถ้าหากว่านายสามารถซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้สำเร็จ นายก็จะสามารถเลื่อนระดับผ่านการฝึกฝนได้โดยอัตโนมัติ ถึงแม้ว่าความคืบหน้าของการฝึกฝนจะช้ากว่าการดื่มน้ำยา แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่เส้นทางที่นำไปสู่ทางตันอย่างแน่นอน ที่สำคัญกว่านั้นคือพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายได้ถูกเปิดใช้งานอย่างเต็มที่ และอนาคตของนายก็อยู่ในจุดที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้”
ยิ่งอันธพูดมากเท่าไหร่เขายิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น เพราะถ้าหากว่าเซี่ยเฟยสามารถซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาได้จริง ๆ ศักยภาพในการเติบโตของชายหนุ่มคนนี้ก็จะอยู่ในระดับที่ไร้ขีดจำกัด
ด้วยความหละหลวมของระบบรักษาความปลอดภัย มันจึงทำให้เซี่ยเฟยได้ค้นพบสมุนไพรวิเศษอย่างกรงเล็บภูติโลหิตในฐานข้อมูล และตราบใดก็ตามที่เขาสามารถขโมยสมุนไพรชิ้นนี้มาได้ มันก็อาจจะมีโอกาสที่เขาจะสามารถรักษาพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ที่เสียหายได้จริง ๆ
ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มได้ปรุงน้ำยาเพิ่มระดับพลังเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว ซึ่งเขาก็สามารถที่จะใช้น้ำยาขวดนี้ในการเพิ่มระดับพลังโดยการใช้น้ำยาเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นเขาก็จะได้เริ่มเดินบนเส้นทางแห่งการฝึกฝนเพิ่มพลังด้วยความสามารถของตัวเอง
แค่คิดว่านักรบผู้สามารถเปิดใช้งานพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้อย่างเต็มที่กำลังจะสามารถเริ่มเส้นทางแห่งการฝึกฝนเพิ่มพลังด้วยตัวเองได้เสียที แค่นี้มันก็ทำให้อันธรู้สึกตื่นเต้นมากแล้ว เพราะนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพันธมิตรที่จะมีนักรบแบบเซี่ยเฟยปรากฏตัวขึ้นมา
ระบบคอมพิวเตอร์ยังคงทำการคำนวณอย่างต่อเนื่อง เพราะการพยายามแอบเข้าไปในดาวเคราะห์ที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถทำได้ง่าย ๆ และการพยายามบุกเข้าไปด้านในศูนย์ฝึกอบรมอย่างปลอดภัยก็จำเป็นจะต้องคำนวณเส้นทางการลอบเข้าและการหลบหนีอย่างแม่นยำ
“นายพอจะรู้ไหมว่ากรงเล็บภูติโลหิตถูกซ่อนไว้ที่ไหน?” อันธถามอย่างจริงจังและหลังจากที่เขาได้รู้ว่ามันมีกรงเล็บภูติโลหิตซ่อนอยู่ในศูนย์ฝึกอบรม มันก็ทำให้เขารู้สึกกังวลมากกว่าเซี่ยเฟยเสียอีก
“ฉันไม่รู้ แต่หลังจากที่เราจับผู้อำนวยการศูนย์ฝึกมาทรมานเดี๋ยวเราก็รู้เอง” เซี่ยเฟยตอบกลับไป
—
ในช่วงเวลาอันค่ำคืนเบโอเนทก็เปิดระบบล่องหนพร้อมกับค่อย ๆ ร่อนลงไปบนดาวปังนิกอย่างเงียบงัน
ยานรบกำลังร่อนลงอย่างช้า ๆ และเมื่อยานอยู่ห่างจากพื้นดินประมาณ 200 เมตร เซี่ยเฟยก็กระโดดลงไปบนพื้นอย่างนุ่มนวลพร้อมกับจ้องมองไปยังสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้นลูกบอลสีเงินก็ตกลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับพุ่งไปหาเซี่ยเฟยอย่างเงอะงะ
ขนอุยไม่ได้ฝึกฝนทักษะการใช้ร่างกายแบบเซี่ยเฟย ร่างของมันจึงร่อนลงไปในอากาศอย่างอิสระ แต่โชคดีที่เซี่ยเฟยสัมผัสถึงตัวตนของมันได้ทัน เขาจึงยื่นมือออกไปรับไอ้ก้อนเอาไว้ก่อนที่ร่างของมันจะโหม่งพื้นดิน
ตอนนี้ขนอุยได้กลายเป็นอสูรในพันธสัญญาของเซี่ยเฟยแล้ว ชายหนุ่มจึงไม่ห้ามปรามเรื่องอาหารการกินของมันอีกต่อไป เพราะท้ายที่สุดยิ่งขนอุยเติบโตได้เร็วเท่าไหร่มันก็ยิ่งมีประโยชน์ต่อเซี่ยเฟยมากขึ้นเท่านั้น
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาน้ำหนักของขนอุยเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม และขนทั่วทั้งร่างของมันก็เปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นสีเงินที่แวววาว
“นายจะตามมาทำไม?” เซี่ยเฟยเริ่มบ่น
เบโอเนทเริ่มขึ้นบินอีกครั้งและเปิดระบบล่องหนโดยอัตโนมัติเพื่อบินไปซ่อนตัวตามตำแหน่งที่ชายหนุ่มได้ตั้งค่าเอาไว้ มันจึงทำให้เซี่ยเฟยไม่สามารถจัดส่งขนอุยกลับไปยังยานรบได้
“ช่างมันเถอะ เอามันไปด้วยก็ได้ ถึงยังไงมันก็ต้องฟังคำสั่งของนายอยู่ดี” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้าก่อนที่จะปล่อยให้ขนอุยเกาะไหล่และมุ่งหน้าตรงไปยังแอ่งน้ำในระยะไกล ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของศูนย์ฝึกอบรม
***************