บทที่ 47: เมืองผู้พเนจรที่จอแจ
หลังจากออกจากเมืองเฮยเหยี่ยนโดยสวัสดิภาพแล้วถังเจิ้นก็เริ่มมุ่งหน้าไปยังเมืองผู้พเนจร
ระหว่างทางกลับเมืองผู้พเนจรถังเจิ้นได้เห็นฉากนักรบกำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์ซากศพถึง 7 ครั้งซึ่งทั้งหมดล้วนใช้นักรบเฮยเหยี่ยนเป็นกำลังหลักและนักรบป่าคอยสนับสนุนช่วยเหลือ จากนี้ที่เห็นดูท่าเมืองเฮยเหยี่ยนจะตัดสินใจเอาจริงแล้ว
ทั้งสองฝ่ายต่างเป็นพวกที่มีความทะเยอทะยาน เมืองเฮยเหยี่ยนเป็นเจ้าเหนือหัวเก่าของพื้นที่นี้ ส่วนจุดประสงค์ของเผ่าชื่อคือการพิชิตโลกโหลวเฉิง ดังนั้นเมืองเฮยเหยี่ยนจึงเป็นอุปสรรคแรกในการพิชิตโลกของพวกมัน
ในท้ายที่สุดพื้นที่นี้จะต้องเหลือเจ้าเหนือหัวเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ดังนั้นต่างฝ่ายจึงต่างพยายามฆ่ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย
แม้ว่าความโกลาหลจะนำความอดอยากยากจนมาสู่ผู้คน ทว่ามันกลับแฝงมาด้วยโอกาสในการทำธุรกิจอีกมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมองเห็นและคว้าไว้ได้ก็เท่านั้น
เมื่อถังเจิ้นมาถึงเมืองผู้พเนจรก็พบว่าจำนวนผู้พเนจรที่เข้าออกเมืองนั้นเพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ท่ามกลางคนเหล่านั้นยังเห็นชาวเมืองเฮยเหยี่ยนคนสองคนปะปนอยู่ด้วย
ทางเข้าเมืองผู้พเนจรวุ่นวายมาก มีการต่อสู้ปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว แต่ทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กันนั้นก็ยังมีการควบคุมไม่ให้มีคนตายไว้ได้อยู่
ถังเจิ้นสอบถามและพบว่าชาวเมืองเฮยเหยี่ยนพึ่งมาถึงที่นี่เมื่อสองวันก่อน คนเหล่านี้มีหน้าที่รับผิดชอบในการแจกจ่ายภารกิจล่ามอนสเตอร์ซากศพ ตรวจสอบใบภารกิจที่ผู้พเนจรเอามาส่งพร้อมกับออกรางวัลไปตามนั้น
สำนักงานนี้ตั้งอยู่ใกล้ทางเข้าเมืองผู้พเนจรซึ่งกลายเป็นจุดที่ดูมีชีวิตชีวามากที่สุดไปโดยปริยาย
จะเห็นมีนักรบป่าพร้อมสมาชิกทีมสำรวจเข้ามาส่งเควส จากนั้นก็เลือกเอารางวัลที่ตนเองต้องการหรือไม่ก็อาหาร หรือไม่ก็สะสมไว้ก่อนเพื่อแลกอาวุธกับชุดเกราะในภายหลัง
ผู้พเนจรบางส่วนที่มีอาวุธและชุดเกราะที่เสียหายหนักจะเอาเข้าไปซ่อมในเมือง หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นของใหม่ไปเลย
เมื่อเทียบกับผู้พเนจรทั่วไปแล้ว ผู้พเนจรเหล่านี้มีทุนเพียงพอ อย่างน้อย ๆ แต่ละวันก็ไม่ขาดข้าวสามมื้อ
แน่นอนว่าลูกปัดสมองเหล่านี้แลกมาด้วยชีวิตของตน บางทีวันหนึ่งพวกตนอาจต้องตายในแดนทุรกันดารก็เป็นได้ หากโชคดีก็ตายแบบร่างยังสมบูรณ์ หากโชคร้ายก็กลายเป็นอาหารมอนสเตอร์
ถังเจิ้นหยุดดูครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับถ้ำ
ภายนอกถ้ำมองไกล ๆ แล้วดูปกติดีทุกอย่าง
เด็กหญิงตัวน้อยมู่หรงจื่อเยว่นั่งยอง ๆ ที่ทางเข้าถ้ำมองดูหนอนที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่บนพื้น ข้าง ๆ เธอคือต้าสยง ทั้งสองคนชี้ไปที่พื้นและหัวเราะกันอย่างมีความสุข
“ดูไรอยู่อะแม่หนูน้อย!”
ถังเจิ้นเห็นฉากดังกล่าวก็ยิ้มและตะโกนถาม
“พี่ถังเจิ้นกลับมาแล้นนนนน!”
ทันทีที่เด็กหญิงตัวน้อยเห็นถังเจิ้นก็รีบลุกขึ้นและวิ่งกระโดดโลดเต้นเข้ามากอดและซุกหน้าถู ๆ กับตัวเขาทันที
ต้าสยงมองถังเจิ้นด้วยหน้าโง่ ๆ ท่าทางอยากวิ่งเข้าใส่ด้วยเหมือนกันแต่ก็ไม่กล้าเลยได้แต่มองอย่างคาดหวังอะไรบางอย่าง
ถังเจิ้นเห็นที่ต้าสยงที่กำลังน้ำลายไหลจากนั้นก็ก้มลงมองแม่เด็กน้อยที่ตาลุกวาวก็เดาความคิดเจ้าตัวตะกละทั้งสองออก
เขาเอามือซ่อนไว้ด้านหลังก่อนจะเอาออกมาแบซึ่งในมือที่แบอยู่นั้นมีลูกอมเม็ดเล็ก ๆ อยู่เต็มมือ
ลูกอมหลากสีสันเป็นประกายระยิบระยับเมื่อสะท้อนกับแสงแดด เด็กหญิงตัวน้อยกับต้าสยงมองประกายแสงเหล่านั้นและโห่ร้องออกมาปานเจอไอเทมที่ส่องแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา จากนั้นก็พากันเดินจากไปพร้อมกับลิ้มรสลูกอมที่ถืออยู่เต็มมือไปด้วย
มู่หรงจื่อเหยียนกับเฉียนหลงเองก็ได้ยินเสียงเอะอะข้างนอกแล้วเช่นกันจึงได้เดินออกมาดู เมื่อเห็นว่าถังเจิ้นยังอยู่ดีต่างก็ถอนหายใจโล่งอก
ถังเจิ้นดูอาการบาดแผลของต้าสยงกับเฉียนหลงและเห็นว่าทั้งคู่ฟื้นตัวได้ดี
สำหรับผู้พเนจรแล้วการได้รับบาดเจ็บเป็นเรื่องปกติ และความสามารถในการฟื้นตัวของทั้งคู่ก็ดีมาก เมื่อรวมกับครีมไม้เลื้อยของมู่หรงจื่อเหยียนแล้วความเร็วในการฟื้นตัวของพวกเขาจะยิ่งเร็วขึ้น
“เป็นไงมั่ง?”
ถังเจิ้นตบหน้าอกของเฉียนหลงและถามด้วยความกังวล
“ไม่เป็นไร อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้สบาย ๆ แต่แค่ครั้งนี้มันค่อนข้างจะน่าอึดอัดน่ะนะ ฉันไปแอบถามคนอื่นมาแล้ว ไอ้หน้าหนวดมันเป็นหัวหน้าทีมเล็ก ๆ แท้ ๆ แต่กลับมีอิทธิพลโคตรเยอะ ถ้าจะแก้แค้นมันล่ะก็ต้องแอบทำอะ” เฉียนหลงตอบถังเจิ้นยิ้ม ๆ
“รู้แล้วหน่าไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน”
ถังเจิ้นมีแผนในใจอยู่แล้วว่าจะจัดการกับไอ้หน้าหนวดเครายังไง เฉียนหลงเห็นว่าถังเจิ้นเลี่ยงไม่พูดหัวข้อนี้เขาเลยไม่พูดถึงอีก
มู่หรงจื่อเหยียนมองถังเจิ้นด้วยความกังวลตลอดเวลา และเมื่อถังเจิ้นหันมามองเธอเธอก็แสดงถ้าทางเอียงอายเหมือนเด็กน้อยออกมา
ครั้งนี้ถังเจิ้นซื้อของมากมายให้กับทั้ง 4 คน ทักทายกันเสร็จแล้วเขาก็ถือถุงใส่ของเข้าไปในถ้ำก่อนจะเทของในถุงออกมาแบ่งให้กับทั้ง 4
คนทั้ง 4 ที่เคยชินกับชีวิตอันแสนยากลำบากจะไปเคยเห็นอาหารอร่อย ๆ น่ากินและเสื้อผ้าดี ๆ สวย ๆ มากมายขนาดนี้ซะที่ไหน?
แต่ละคนต่างก็แสดงความตื่นเต้นออกมาให้เห็น และที่หนักสุดคือแม่เด็กน้อยจื่อเยว่ที่ตอนนี้กระโดดโลดเต้นอย่างบ้าคลั่งโดยในมือกอดถุงขนมถุงใหญ่เอาไว้แน่น
ต้าสยงก็นั่งยอง ๆ ขอด้วยสภาพน้ำลายไหลเป็นสาย ถังเจิ้นเลยหยิบถุงขนมให้ไป
เจ้าตัวใหญ่ก็ส่งเสียงคำรามอย่างถูกใจจนเขาต้องเจ็บแก้วหูและเตะตูดมันไปที่หนึ่ง
มู่หรงจื่อเหยียนอดแอบยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้เมื่อเห็นเสื้อผ้าและสิ่งของต่าง ๆ ที่ถังเจิ้นให้มา
“พี่ถังไปเอาของพวกนี้มาจากไหนเหรอ” เฉียนหลงทนความอยากรู้อยากเห็นในใจไม่ไหว
ถังเจิ้นผู้นี้เต็มไปด้วยความลึกลับ และยิ่งนานวันความรู้สึกนี้ก็ยิ่งมากขึ้น ดังนั้นเฉียนหลงจึงอดที่จะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้
ถังเจิ้นยิ้มและตอบว่า “ยังไม่ถึงเวลาบอก รู้แค่ว่าการติดตามฉันคือตัวเลือกที่ถูกต้องแล้วก็พอ!”
เฉียนหลงพยักหน้าโดยเลิกสนใจคำตอบห้วน ๆ ของถังเจิ้นแล้วหันไปเล่นกับไฟฉายและมีดทหารที่ถังเจิ้นให้มาด้วยสีหน้ามีความสุข
หลังจากแจกของเสร็จแล้วมู่หรงจื่อเหยียนก็ไปเตรียมอาหาร ส่วนถังเจิ้นกับเฉียนหลงนั้นได้เดินออกจากถ้ำไปนั่งบนก้อนหินและพูดคุยในเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงหลายวันมานี้
ถังเจิ้นฟังสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมพยักหน้ารับรู้และและครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจ
ตามที่เฉียนหลงเล่านั้นพวกซอมบี้กลุ่มนี้แตกต่างจากมอนสเตอร์ตัวก่อน ๆ จริง ๆ นอกจากจะมีจำนวนมากแล้วยังมีความสามารถในการต่อสู้สูง แต่กลับไม่ค่อยมีสมอง
ทีมนักรบที่ส่งมาจากเมืองเฮยเหยี่ยนได้รับบาดเจ็บกันเป็นจำนวนมาก จำนวนผู้พเนจรที่เสียชีวิตก็มีแต่จะมากขึ้น กระนั้นแม้จะจ่ายค่าจ้างราคาแพงในการล่าพวกมันก็ตาม แต่จำนวนของพวกมันก็ไม่ได้ลดลงเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก
กลิ่นเลือดที่คละคลุ้งอยู่ในสนามรบได้ดึงดูดมอนสเตอร์ในแดนทุรกันดารเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
ไม่กี่วันก่อนผู้พเนจรบางคนถึงกับเห็นมังกรปีกดำเลเวล 5 บริเวณขอบฟ้าไกล ๆ ซึ่งว่ากันว่ามังกรปีกดำตัวนี้มันยาวกว่า 20 เมตรและมักจะอาศัยอยู่ในสถานที่อันตรายในแดนทุรกันดารเท่านั้น แต่คราวนี้มันถึงกับโดนกลิ่นเลือดที่โชยไปจนถึงต้องฟ้าดึงดูดมาเช่นกัน
มีรายงานว่าเมืองเฮยเหยี่ยนได้ขอความช่วยเหลือจากโหลวเฉิงอื่น ๆ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะได้รับการสนับสนุนหรือไม่
กลับกันคือมีผู้พเนจรจากพื้นที่อื่น ๆ ได้เข้ามารวมตัวกันที่นี่กันทีละคนสองคนโดยมีจุดประสงค์คือจะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้แสวงหาโชคลาภในช่วงสงคราม
อุปกรณ์ของผู้พเนจรที่เสียชีวิตในสนามรบ ลูกปัดสมองของมอนสเตอร์ รางวัลการทำภารกิจ และการขายเสบียง เหล่านี้ล้วนเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้พเนจร
มีแม้กระทั่งกองคาราวานเคลื่อนที่มุ่งหน้าไปยังเมืองเฮยเหยี่ยนเพื่อขนส่งเสบียงศึกในยามสงครามมาให้อย่างเร่งด่วนเป็นจำนวนมาก
ข่าวเหล่านี้ทำให้ถังเจิ้นถึงขั้นตาลุกวาว เพราะผู้พเนจรจากที่อื่นเหล่านี้อาจนำธนบัตร ทอง เงิน และเครื่องประดับจำนวนมากมาให้เขาก็เป็นได้
หรือต่อให้ไม่มีสิ่งของพวกนี้เขาก็ยังสามารถตั้งร้านขายของชำเพื่อทำการขายส่งหาลูกปัดสมองจำนวนมากจากผู้พเนจรเหล่านั้นก็ได้เหมือนกัน