บทที่ 42
บทที่ 42
“ที่นี่สมควรเป็นอาณาเขตของสำนักเซี่ยเจี้ยนถูกไหม? เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องราวของสถานที่แปลกๆเช่นนี้มาก่อน?”
ฉินห่าวคิดขณะซดบะหมี่ เขาไม่กลัวว่าจะมีคนวางยาตัวเอง
“ช่างมันเถอะ ขอค้างซักคืนแล้วดูสถานการณ์ก่อนแล้วกัน” คิดได้เขาก็เรียกเสี่ยวเอ้อและขอเปิดห้อง
ฉินห่าวนั่งลงบนเตียง เหลียวมองไปนอกหน้าต่าง และพบว่าข้างนอกไม่ว่าจะเป็นเด็ก หนุ่มสาว ผู้ใหญ่ คนชรา ทุกเพศทุกวัยต่างอยู่กันพร้อมหน้า
และเมื่อเพ่งมองดีๆ ฉินห่าวยังพบว่าฝีเท้าของพวกเขาเบาลงอย่างตั้งใจ คล้ายกลัวว่าหากเสียงดังจะไปรบกวนบางสิ่ง
ตกดึก
ฉินห่าวที่กำลังนั่งขัดสมาธิลืมตาขึ้น เขาเดินไปที่หน้าต่าง และมองลงไป
เขาพบว่า ณ เวลานี้ มีชาวบ้านหลายคนเปิดประตูเดินออกมาพร้อมกันอย่างน่าฉงน และพอลองมองดีๆ จะพบว่าแววตาของทุกคนยังคงสดใส ร่างกายเวลาขยับก็คล่องแคล่วไม่แข็งทื่อ
กล่าวคือไม่ได้ถูกควบคุมจิตใจใดๆ แต่เป็นการกระทำโดยสมัครใจของพวกเขาเอง
สิ่งนี้ทำให้ฉินห่าวสับสนมากยิ่งขึ้น
ชาวบ้านไม่ว่าจะคนแก่ เด็ก หนุ่มสาว ทุกคนพากันเดินออกมาและยืนเรียงแถวโดยอัตโนมัติ มุ่งหน้าไปใจกลางเมือง
ฉินห่าวเคยเดินผ่านที่นั่นมาก่อน มันเป็นที่ว่างเปล่าคล้ายกับจัตุรัส
“หรือที่นั่นจะมีความลับอะไรซ่อนอยู่?”
ฉินห่าวหรี่ตา เดินลงไปชั้นล่างและพบว่าประตูร้านเปิดทิ้งไว้ สันนิษฐานว่าเถ้าแก่และเสี่ยวเอ้อก็ออกไปเช่นกัน
ฉินห่าวลองเดินออกไป เมื่อปะปนกับฝูงชนตามรายทาง เจ้าตัวพบว่าไม่มีใครสนใจเขา ดังนั้นจึงเดินไปพร้อมกับทุกๆคน
บนท้องฟ้า พระจันทร์เต็มดวงสว่างไสว ให้แสงแก่หมู่บ้านเบื้องล่างที่เงียบสงัด
“น่าสนใจแฮะ”
มุมปากของฉินห่าวยกโค้ง ไม่นานเขาก็เดินมาถึงจัตุรัส เวลานี้ชาวบ้านเกือบทั้งหมดมาถึงแล้ว พวกเขาคุกเข่าลงล้อมรอบใจกลางจัตุรัส ฉินห่าวเห็นแบบนั้นก็รีบนั่งยองๆลงไม่ให้ผิดสังเกต
ทุกอย่างยังคงเงียบงัน
ผ่านไปพักหนึ่ง เงามืดพาดผ่านท้องฟ้า ชายในชุดคลุมดำคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางวงล้อมในจัตุรัส
“พวกเซี่ยถู?”
ฉินห่าวมองปราดเดียวก็ระบุสถานะของอีกฝ่ายได้ จิตใต้สำนึกเขาถอนหายใจโล่งอก สถานการณ์แปลกประหลาดนี้ หากผู้ที่ทำให้เกิดขึ้นเป็นมนุษย์ก็แล้วไป เพราะหากเป็นเรื่องราวลี้ลับแปลกๆล่ะก็ เกรงว่าตัวเองอาจรับมือไม่ไหว
จากนั้น ชายชุดดำก็หยิบถ้วยแก้วสีแดงเลือดออกมาจากแขนเสื้อตัวเอง ภายใต้แสงจันทร์ มันสะท้อนประกายสีแดงสดใสชวนพิศวง!
ทันทีที่มันปรากฏขึ้น สายตาของชาวบ้านทุกคนกลายเป็นคลั่งไคล้ ยกสองแขนสูงขึ้น หงายฝ่ามือ และก้มกราบลงราวกับกำลังบูชามัน
ชายชุดดำชูถ้วยสีเลือดขึ้นสูง
ทุกคนยิ่งเห็นก็ยิ่งคลั่งไคล้
หลังจากนั้นไม่นาน ในฝูงชนก็มีคนเฒ่าคนแก่สองสามคนเดินออกมาด้วยท่าทีเคารพนอบน้อม และโค้งตัวคารวะให้กับคนชุดดำ
ชายชุดดำหยิบชามออกมาสามใบ และเทเลือดในถ้วนลงในชามเหล่านั้น ผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น คุกเข่าลงบนพื้น และโขกศีรษะไม่หยุด
จากนั้น ชาวบ้านคนหนึ่งก็รับชามที่มีเลือดมา และยกมันดื่มอย่างไม่ลังเล หลังจากนั้นชายชราคนอื่นๆก็ทำตาม
ต่อมา ภาพที่ทำให้ฉินห่าวแตกตื่นตกใจก็ปรากฏขึ้น!
เห็นเพียงชายชราสองสามคนที่ออกมาตอนแรก เวลานี้ร่างกายพวกเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ผมที่ขาวโพลนค่อยๆกลับมาดกดำ รอยย่นบนผิวหนังก็หายไป ค่อยๆหวนคืนสู่วัยเยาว์ และสุดท้ายร่างก็เล็กลงจนเหมือนเด็กอายุแค่ 7 - 8 ขวบ
“เชี่ยเถอะ!”
ฉินห่าวอุทานในใจ ‘นี่มันเป็นไปได้หรือ?’
แม้ว่าจะมีคนที่สามารถกลับคืนสู่ความเยาว์วัยได้ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร แต่นั่นล้วนเกิดจากพลังอันยิ่งใหญ่ไม่ก็สมบัติระดับตี้หรือเทียนขึ้นไป
ซึ่งด้วยมูลค่าของมันชายหน้าเลือดมีหรือจะยอมยกให้ชาวบ้านกลุ่มนี้ฟรีๆ?
ชั่วขณะหนึ่ง ฉินห่าวเกิดอาการสับสนเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ยังคงเลือกที่จะเฝ้าดู ภาพที่คนแก่กลับกลายเป็นเด็กนั้นมันเหลือเชื่อและน่าหลงใหลมัวเมาเกินไป หากถูกกองกำลังอื่นรู้เข้า เกรงว่าพวกเขาคงมาปูพรมค้นหาที่นี่อย่างมืดฟ้ามัวดิน
ชาวบ้านเห็นพวกคนแก่กลายเป็นเด็ก แววตาของพวกเขายิ่งคลั่งไคล้ แต่ก็ยังไม่มีใครเปิดปากพูด
ก็ขนาดฉินห่าวยังตกใจ ดังนั้นนับประสาอะไรกับคนธรรมดา ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญเพียร พอได้มาเห็นฉากนี้ เกรงว่ากระทั่งพวกเขาก็ยังอดตื่นตระหนกไม่ได้