ตอนที่ 387 อสูรพันธสัญญา
ตอนที่ 387 อสูรพันธสัญญา
ในช่วงเวลาที่เซี่ยเฟยได้เข้ามาสู่ยานบัญชาการเซิร์กโบราณ มันก็ไม่เพียงแต่ทำให้เขาได้รับแผนที่ดาวไปยังดินแดนเซิร์กเท่านั้น แต่วิชามนตราอสูรของเขาก็ยังพัฒนาขึ้นไปจนถึงขั้นที่ 6 อีกด้วย
น่าเสียดายที่วิชามนตราอสูรภายในมือของชายหนุ่มเป็นเพียงแค่ตำราฉบับคัดลอกที่ไม่มีการบันทึกวิชามนตราอสูร 3 ขั้นสุดท้าย เขาจึงไม่สามารถที่จะเรียนรู้วิชานี้ให้ได้อย่างสมบูรณ์ เว้นแต่ว่าเขาจะบังเอิญหาบันทึกวิชาที่เหลืออีก 3 ขั้นได้ในระหว่างที่เขากำลังผจญภัยในจักรวาลอันกว้างใหญ่
หนทางนี้ยังคงเป็นหนทางอีกยาวไกล แล้วมันก็จำเป็นจะต้องใช้โชคมากพอสมควรเขาจึงจะสามารถค้นหาบันทึกวิชาที่สูญหายไปได้
ชายหนุ่มใช้เวลาในการฟื้นฟูพละกำลังประมาณ 2 วันก่อนที่เขาจะรู้สึกกลับเข้าสู่สภาวะปกติ และเนื่องมาจากระดับพลังจิตของเขาอยู่ในระดับที่สูงขึ้น มันจึงทำให้เขารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายมากขึ้นกว่าเดิม
ขณะเดียวกันขนอุยผู้น่าสงสารก็กำลังนอนอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่ข้าง ๆ เซี่ยเฟย โดยในช่วงเวลากว่า 20 วันที่ผ่านมานี้มันไม่ได้กินอาหารใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ซึ่งในทุก ๆ วันมันก็พยายามออดอ้อนชายหนุ่มเพื่อขออาหาร แต่เซี่ยเฟยก็ยังคงใจแข็งไม่ให้อาหารมันเลยแม้แต่นิดเดียว
ขนอุยมีกระแสจิตที่แข็งแกร่งมากและถ้าหากว่าเขาต้องการจะสร้างพันธสัญญากับสัตว์อสูรตัวนี้ เขาก็จำเป็นจะต้องใช้กลอุบายเล็กน้อยเพื่อให้สภาวะจิตของมันอยู่ในช่วงที่อ่อนแอที่สุด ในระหว่างที่เขาพยายามบังคับมันเพื่อสร้างพันธสัญญา
“ฉันว่าตอนนี้ได้เวลาแล้วที่นายจะสร้างพันธสัญญากับมัน เพราะถ้าหากว่านายปล่อยให้มันหิวแบบนี้ต่อไป มันอาจจะเกิดอุบัติเหตุในระหว่างการสร้างพันธสัญญาเนื่องมาจากว่ามันอยู่ในสภาวะอ่อนแอเป็นเวลานาน” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับและถึงแม้ว่าความหิวจะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการสร้างพันธสัญญา แต่ถ้าหากว่าขนอุยได้รับผลกระทบจากความหิว มันก็เป็นความสูญเสียที่ไม่คุ้มค่าสำหรับเขาเช่นเดียวกัน
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็หยิบหัวใจจักรวาลสีม่วงขนาด 2 กิโลกรัมออกมาจากแหวนมิติ โดยหัวใจจักรวาลก้อนนี้เต็มไปด้วยความแวววาวที่บ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ของพลังงานที่อยู่ด้านใน
ทันทีที่ขนอุยได้เห็นก้อนแร่ภายในมือของชายหนุ่ม แววตาของมันก็เปล่งประกายขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับหยดน้ำลายที่กำลังไหลออกมาจากมุมปากน้อย ๆ ของมัน
“ถ้านายยอมทำตามที่ฉันบอกฉันจะให้เจ้านี่เป็นอาหาร” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ก้อนแร่ภายในมือ
เพื่อที่จะหลอกล่อสร้างพันธสัญญากับขนอุย เซี่ยเฟยได้พยายามทำทุกวิถีทางโดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะถ้าหากว่าเขานำก้อนแร่ก้อนนี้ไปขายเงินที่เขาได้รับตอบแทนกลับมาย่อมมากพอที่จะทำให้เขาใช้จ่ายไปได้ตลอดชีวิต ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงว่าการพยายามเลี้ยงสัตว์อสูรตัวนี้ได้สร้างภาระค่าใช้จ่ายให้กับเขามากขนาดไหน
ขนอุยแสดงท่าทางเหมือนกับมันเข้าใจสิ่งที่เซี่ยเฟยพูด มันจึงนั่งลงเหมือนลูกสุนัขที่เห็นกระดูกพร้อมกับผงกหัวรับซ้ำ ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน
ชายหนุ่มค่อย ๆ วางหัวใจจักรวาลเอาไว้ยังฝั่งตรงข้าม ขณะที่รูม่านตาของเขาได้ขยายออกจากเดิมอย่างรวดเร็ว
พริบตาต่อมากระแสจิตที่รุนแรงก็ได้แทรกซึมเข้าไปในจิตใจของขนอุยด้วยความเร็วดุจสายฟ้า และจิตใต้สำนึกของสัตว์อสูรตัวนี้ก็ออกมาปกป้องตัวเองตามสัญชาตญาณ เพื่อพยายามกลืนกินกระแสจิตของเซี่ยเฟยเข้าไปในจิตสำนึกของมัน
กระแสจิตที่ถูกปล่อยออกมาจากจิตใต้สำนึกของขนอุยรุนแรงมาก ซึ่งถ้าหากว่ามันไม่ได้ตกอยู่ในสภาวะที่หิวโซ เซี่ยเฟยก็คงจะต้องพบกับสถานการณ์ที่น่าปวดหัวมากกว่านี้ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะบรรลุวิชามนตราอสูรขั้นที่ 6 แต่เขาก็ยังไม่สามารถที่จะเจาะทะลุแนวป้องกันเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าศักยภาพของขนอุยอยู่ในระดับที่น่าหวาดกลัวมากเพียงใด
‘ไม่ว่ายังไงวันนี้ฉันก็จะต้องทำให้แกกลายมาเป็นอสูรพันธสัญญาของฉันให้ได้!’ เซี่ยเฟยคิดภายในใจอย่างแน่วแน่
—
ปัจจุบันขนอุยนอนท้องป่องอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าที่อิ่มเอิบใจ โดยบริเวณด้านข้างของมันคือเศษหัวใจจักรวาลสีม่วง 4 ก้อนที่โดนดูดพลังงานด้านในจนใส และไม่เหลือร่องรอยพลังงานอยู่ด้านในเลยแม้แต่นิดเดียว
“ยินดีด้วย! ในที่สุดนายก็สามารถสร้างพันธสัญญากับขนอุยได้สำเร็จ” อันธกล่าว
“เรื่องที่สร้างพันธสัญญากับมันได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ไอ้หนูนี่มันจะกินมากเกินไปแล้ว หัวใจจักรวาลสีม่วงที่มันกินไปในคราวเดียวมีมูลค่าหลายแสนล้านสตาร์คอยน์เลยนะ!” เซี่ยเฟยบ่นพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เมื่อร่างกายของมันโตขึ้นมันก็ต้องกินมากขึ้นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนี่ ถึงยังไงตอนนี้มันก็สร้างพันธสัญญากับนายแล้วและมันก็ไม่มีทางที่จะทรยศนายในอนาคตได้ ดังนั้นยิ่งมันกินเข้าไปมากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ในอนาคตมากขึ้นเท่านั้น” อันธกล่าวแย้งขึ้นมา
“ลุกขึ้นซะไอ้ตัวตะกละ! พวกเรากำลังจะไปกันแล้ว” เซี่ยเฟยออกคำสั่ง ซึ่งหลังจากที่พวกเขาสร้างพันธสัญญาคำสั่งของชายหนุ่มก็สามารถส่งตรงถึงจิตใต้สำนึกของขนอุยได้โดยตรง
ขนอุยกระโดดขึ้นจากพื้นและไปยืนอยู่บนไหล่ของเซี่ยเฟย โดยในตอนนี้ตัวของมันโตขึ้นกว่าเดิมแล้วมันจึงไม่สามารถจะเข้าไปซุกตัวอยู่ในกระเป๋าเสื้อของชายหนุ่มได้อีกต่อไป
ขณะเดียวกันแม้ว่าร่างของขนอุยจะเป็นเพียงแค่ก้อนขนตัวกลม ๆ แต่มันกลับสามารถยึดเกาะไหล่ของเซี่ยเฟยเอาไว้ได้อย่างแน่นหนา ราวกับว่าร่างของมันเป็นแม่เหล็กที่ยึดติดกับไหล่ของชายหนุ่มเอาไว้แน่น
ผู้นำเผ่าทูรอนทั้งแปดยังคงยืนรออยู่นอกยานรบด้วยความหวาดกลัวมานานกว่า 20 วันแล้ว และเนื่องจากพวกเขารีบร้อนเดินทางมาพวกเขาจึงไม่ได้นำอาหารติดตัวมาด้วย แต่เนื่องจากความหวาดกลัวอันรุนแรงมันจึงทำให้พวกเขาต้องทนหิวยืนรออยู่ตรงนั้น โดยไม่มีใครยอมกลับไปเอาอาหารที่หมู่บ้านเลยแม้แต่คนเดียว
โชคดีที่กระป๋องใจดีกับทุกคนเสมอ มันจึงเอาน้ำและอาหารมาเสิร์ฟให้ผู้นำทั้งแปดตรงเวลาในทุก ๆ วัน และมันยังเอาหมอนผ้าห่มมาให้เหล่าผู้นำทูรอนนอนอย่างอบอุ่นในช่วงเวลากลางคืน
เหล่าบรรดาผู้นำทูรอนทั้งรู้สึกขอบคุณและหวาดกลัวกระป๋องในเวลาเดียวกัน เพราะท้ายที่สุดเจ้านี่ก็คือหุ่นยนต์บนยานอวกาศของเซี่ยเฟย นอกจากนี้พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าเครื่องจักรสามารถแสดงความฉลาดออกมาแบบนี้ได้ยังไง ดังนั้นทุกครั้งที่กระป๋องนำอาหารมาให้พวกเขาจะคุกเข่าลงบนพื้นและคำนับด้วยความขอบคุณ
เมื่อถึงเวลาที่เซี่ยเฟยเดินออกมาจากยานเขาก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เพราะหลังจากที่เขาไม่ได้เจอผู้นำทั้งแปดมาเป็นเวลามากกว่า 20 วัน สภาพของพวกเขากลับดูน่าเวทนาราวกับขอทานน้อยที่อยู่ข้างถนน
“เอาคริสตัลสีดำทั้งหมดของพวกแกออกมาให้ฉันซะ” เซี่ยเฟยกล่าว
เหล่าบรรดาผู้นำทั้งแปดรีบมอบคริสตัลสีดำประจำตัวให้กับชายหนุ่มโดยไม่คิดที่จะมีข้อโต้แย้งใด ๆ
“นายจะเอาของพวกนี้ไปทำไม?” อันธกล่าวถาม
“บางทีของพวกนี้อาจจะมีค่าอยู่บ้างก็ได้ ไหน ๆ พวกเราก็จะไปกันแล้วฉันขอเก็บอะไรติดไม้ติดมือไปหน่อยก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชั่งน้ำหนักคริสตัลภายในมือ
คำตอบนี้ถึงกับทำให้อันธพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะการเดินทางมายังดาวดวงนี้ของเซี่ยเฟยเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามากเกินไป เริ่มตั้งแต่ที่เขาได้รับแผนที่ดวงดาวเพื่อมุ่งหน้าไปยังดินแดนเซิร์ก จากนั้นเขาก็ได้รับกระแสพลังที่ช่วยให้เขาพัฒนาความสามารถขึ้นมาได้อย่างว่องไว และก่อนที่เขาจะกลับออกไปเขาก็ยังปล้นคริสตัลประจำตัวของเหล่าบรรดาผู้นำทูรอนอย่างไร้ความปราณี
ต่อมาเบโอเนทก็เริ่มส่งเสียงร้องคำรามขณะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอันไกลโพ้น
“ในที่สุดเขาก็ไปสักที ข้าขอพรแด่ท่านเทพเจ้าว่าอย่าให้เขากลับมาอีกเลย ไม่อย่างนั้นเผ่าทูรอนคงจะต้องสูญพันธุ์ไปจากจักรวาล”
—
ณ ห้องทำงานของไทสัน
“เราเพิ่งได้รับข้อความจากเซี่ยเฟยว่าเขายังมีชีวิตอยู่และกำลังมุ่งหน้าไปยังดินแดนเซิร์ก ซึ่งในระหว่างที่เกิดการกวาดล้างเขาได้พยายามเอาชีวิตรอดในการหนีเข้าไปในรูหนอนที่กำลังแตกสลาย มันจึงทำให้เขาสามารถหนีรอดออกไปได้คนเดียว และคาดการณ์ว่าสมาชิกภายในกองยานการค้าทั้งหมดน่าจะเสียชีวิตไปหมดแล้ว” วิลเลียมรายงานขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
ไทสันวางเอกสารภายในมือพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมานวดขมับด้วยความเหนื่อยล้า ซึ่งเขาคิดจะใช้เวลานี้พักผ่อนสัก 2-3 นาที เพราะตั้งแต่ที่เขาได้รับแต่งตั้งให้กลายเป็นจอมทัพเขาก็แทบที่จะไม่มีเวลาสำหรับการพักผ่อนเลย
“น่าเสียดายที่เขารอดไปเพียงแค่คนเดียว ไม่อย่างนั้นเราก็คงจะให้เขาสร้างความความปั่นป่วนในดินแดนเซิร์กได้” ไทสันกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับ
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริง ๆ เพราะท้ายที่สุดกองยานของเซิร์กก็มารวมตัวกันอยู่ใกล้ชายแดนพันธมิตรทั้งหมด ทำให้มันแทบที่จะไม่เหลือกองกำลังปกป้องดินแดนของพวกมันเลย ดังนั้นถ้าหากว่ามีกองยานจู่โจมดินแดนของพวกมันอย่างกะทันหันจริง ๆ พวกมันก็คงจะไม่สามารถถอนกองกำลังกลับไปป้องกันได้อย่างแน่นอน” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“เซี่ยเฟยคบหาดูใจกับแอวริลอยู่ใช่ไหม? นายช่วยเอาข่าวเรื่องนี้ไปบอกเธอด้วยสิ ถึงยังไงเขาก็กำลังทำภารกิจให้กับทางกองทัพ ดังนั้นเราต้องคอยช่วยเหลือในเรื่องของเขาเท่าที่เราจะพอทำได้” ไทสันกล่าว
“ไม่จำเป็นหรอก เซี่ยเฟยไม่ได้ส่งสัญญาณมาแบบเข้ารหัส ดังนั้นไม่ว่ายานรบลำไหนที่ติดตั้งระบบเรดาร์แบล็คแบทก็สามารถรับข้อความจากเขาได้ทั้งหมด ก่อนหน้านี้ฉันติดต่อไปหาตระกูลเจี่ยนแล้ว และพวกเขาก็ยืนยันว่าทางฝั่งของพวกเขาก็ได้รับข้อความเดียวกันกับพวกเรา” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ในเมื่อเขากำลังมุ่งหน้าเข้าไปในดินแดนเซิร์ก บางทีเขาก็อาจจะช่วยพวกเราสอดแนมการเคลื่อนไหวของพวกเซิร์กได้ นายบอกเองใช่ไหมว่าตราบใดที่เรามีผลประโยชน์ให้กับเขาอย่างเพียงพอ เราก็สามารถสั่งให้เขาทำภารกิจทุกอย่างให้กับเราได้” ไทสันกล่าวหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ไม่มีประโยชน์หรอก เซี่ยเฟยได้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าระบบเรดาร์แบล็คแบทของเขาได้รับความเสียหาย ทำให้สามารถส่งสัญญาณออกไปได้เท่านั้นแต่ไม่สามารถที่จะรับสัญญาณจากทางพันธมิตรได้ ดังนั้นพวกเราจึงไม่มีทางที่จะติดต่อกับเขาในช่วงเวลานี้ได้เลย” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ในเมื่อเป็นแบบนี้พวกเราก็คงจะต้องพึ่งพาการตัดสินใจของเขาแล้วล่ะ เอาล่ะเรากลับมาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่าตอนนี้ฉันกำลังมีความคิดใหม่” ไทสันกล่าว
“ความคิดอะไร?”
“ในเมื่อพวกเซิร์กปรากฏตัวในดินแดนมนุษย์ผ่านทางรูหนอนปริศนา แล้วทำไมเราถึงไม่หาโอกาสทำลายรูหนอนนี้ไปล่ะ ถ้าหากเราสามารถทำลายรูหนอนนั้นได้สำเร็จกองยานเซิร์กในนครหลวงก็จะไม่สามารถขอกำลังเสริมมาต่อต้านพวกเราได้ ซึ่งมันก็จะทำให้เราสามารถทำลายกองยานพวกนั้นได้โดยไม่ลำบากมากนัก” ไทสันกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันลึกลับ
“การทำลายรูหนอนมันจำเป็นจะต้องใช้กองยานเดรดนอตเลยนะ! มันไม่เสี่ยงเกินไปหน่อยเหรอ?” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
—
ปัจจุบันเซี่ยเฟยกำลังคลำทางไปข้างหน้าโดยอาศัยแผนที่ดวงดาวที่สมองเซิร์กได้มอบให้ ซึ่งถ้าหากพิจารณาจากความเร็วในปัจจุบันเขาก็อาจจะต้องใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 เดือนถึงจะสามารถเข้าสู่ดินแดนของเซิร์กได้
เบโอเนทค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกมาจากรูหนอนในสภาวะล่องหน แต่ในเวลาไม่กี่วินาทีต่อมามันกลับมีเสียงแจ้งเตือนดังไปทั่วทั้งยานรบ
“แจ้งเตือน! ระบบตรวจพบยานรบของเซิร์กในระยะ 10 ปีแสง”
เซี่ยเฟยที่กำลังนั่งกินอาหารสะดุ้งขึ้นมาอย่างตกใจ และทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขากำลังทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง
แผนที่ดวงดาวที่สมองเซิร์กมอบให้เป็นแผนที่ดวงดาวตั้งแต่สมัยหลายพันปีก่อน แน่นอนว่าเมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไปรายละเอียดบนแผนที่ดวงดาวย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไป มันจึงทำให้ชายหนุ่มหลงเข้ามาในดินแดนของเซิร์กโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว
***************
พี่เฟยจะมาเล่นอะไรที่ดินแดนเซิร์กน๊อ น่าจะสนุกแน่ เซิร์กจ๋าพี่มาแล้วจ้ะ! ≖‿≖