ตอนที่ 3 : พิธีบรมราชาภิเษกองค์รัชทายาท (อ่านฟรี)
จินเหนียงเงยหน้าขึ้นมองฮูหยินใหญ่ ด้วยเกรงว่านางอาจจะไม่เห็นด้วย
ตระกูลขุนนางต่างมีกฎเกณฑ์มากมาย ด้วยเหตุนั้นฮูหยินใหญ่อาจจะไม่ปล่อยให้เธอออกไปทำการค้า
น่าแปลกที่ฮูหยินใหญ่กล่าวเพียงว่า "ได้สิ ถ้าหากเจ้าต้องการเงินก็บอกแม่ ตกลงไหม"
เฉียวจินเหนียงพยักหน้า “ลูกมีเงินพอที่จะเปิดร้านที่ฉางอันเจ้าค่ะ”
สมาชิกของตระกูลเฉียวต่างโลภในโรงเตี๊ยมหมื่นรส ก็เพราะผลประกอบการณ์ที่ดีนี่แหละ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเฉียวจินเหนียงมีรายได้มากมายและซื้อร้านค้าหลายร้านในหลินอันเพื่อเก็บค่าเช่า
เป็นความจริงที่ว่าเธอไม่ได้ขาดแคลนเงินเลย
ฮูหยินใหญ่พาเฉียวจินเหนียงไปที่ลานที่เตรียมไว้เพื่อเธอโดยเฉพาะ ซึ่งอยู่ติดกับสวนหนิงชินของฮูหยินใหญ่เอง ลานใหม่นี้ยังไม่มีชื่อ
“จินเหนียง ตั้งชื่อลานนี้ตามที่ลูกต้องการได้เลยนะ”
เฉียวจินเหนียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ “ชื่อว่า ‘สวนจิน’ เป็นยังไงเจ้าคะ?”
ฮูหยินใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “ตั้งได้ดี”
เฉียวจินเหนียงเข้าไปในห้องส่วนตัวและพบว่ามันเต็มไปด้วยของตกแต่งล้ำค่า “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านแม่”
ฮูหยินใหญ่พูดด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า “สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถทดแทนอะไรได้เลย แม่ดีใจนะที่ลูกชอบมัน ถ้าลูกต้องการอะไร แค่บอกแม่นมอัน อย่าได้เกรงใจเข้าใจไหม”
เฉียวจินเหนียงพยักหน้า
ในพริบตาก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน เฉียวจินเหนียงมาถึงสวนหนิงชินพร้อมฮูหยินใหญ่
เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงสวนหนิงชิน จินเหนียงเห็นหญิงสาวที่แต่งตัวดีคนนึง เธอทำทรงผมของหญิงที่แต่งงานแล้ว เมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้เธอรู้สึกแสบที่ปลายจมูก “ยินดีที่ได้พบเจ้าค่ะ”
ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนแม่บุญธรรมของเธอมาก ดังนั้นเธอจึงรู้ได้ในทันทีว่าเป็นใคร
“โอ้ ข้าไม่สมควรได้รับการทักทายนี้จริงๆ ข้าเสียใจสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งตำแหน่งที่สูงศักดิ์และความมั่งคั่งมากมายที่ควรจะเป็นของเจ้า” เฉียวหรูหยุนรีบพยุงเฉียวจินเหนียงขึ้นมา
เฉียวหรูหยุนกล่าวด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ตั้งแต่ที่ข้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราในตอนนั้น ข้าก็รู้สึกผิดยิ่งนัก ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยจริงๆ…”
เฉียวจินเหนียงรู้สึกเห็นใจ “พี่หญิงท่านอย่ากล่าวเช่นนั้นเลย ตอนที่พวกเราสลับตัวกัน ท่านก็ยังเด็กนักท่านไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะเจ้าคะ”
“และข้าเองก็ใช้ชีวิตในหลินอันอย่างมีความสุข ดังนั้นท่านไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดเลยเจ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่ตบไหล่เฉียวหรูหยุน “หรูหยุน เจ้าเป็นเด็กช่างคิดมาตลอด แต่เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าเลย แม่เลี้ยงดูเจ้ามา ดังนั้นเจ้าก็เป็นลูกสาวของข้าเช่นกัน ความทุกข์ทรมานของจินเหนียงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้า จินเหนียงไม่โทษเจ้า ข้าเองก็เช่นกัน เพราะฉะนั้นอย่าคิดมากและทำร้ายตัวเองอีกนะ”
เฉียวหรูหยุนเช็ดน้ำตา “น้องสาว แล้วท่านพ่อท่านแม่ของข้า…”
เฉียวจินเหนียงเม้มปากแล้วพูดว่า “พวกท่านเสียชีวิตด้วยอาการป่วยเมื่อสามปีก่อนแล้วเจ้าค่ะ…”
เฉียวหรูหยุนร้องไห้อีกครั้ง “น้องสาวเจ้าคผ่านความยากลำบากมามาก”
ฮูหยินใหญ่ก็เช็ดน้ำตาของเธอเช่นกัน “เอาล่ะ อย่าร้องไห้อีกเลย วันนี้เป็นวันที่ดี ไปบอกแม่ครัวให้ทำอาหารอีกสองสามอย่างเพื่อเป็นการต้อนรับจินเหนียงกลับมา”
ในมื้อกลางวันวันนี้ เฉียวจินเหนียงไม่เห็นน้องสาวทั้งสองคนของเธอ เธอจึงถามฮูหยินใหญ่ว่า “ท่านแม่น้องสาวทั้งสองล่ะเจ้าคะ”
ฮูหยินใหญ่กล่าวว่า “วันนี้เป็นพิธีบรมราชาภิเษกขององค์รัชทายาท น้องของเจ้าทั้งสองคนจึงไปที่พระราชวังตะวันออกเพื่อเข้าร่วมพิธี เดิมทีหรูหยุนและแม่ก็จะไปด้วย แต่แม่ไม่อยากให้เจ้าต้องรออีก ดังนั้นแม่จึงอ้างว่ากำลังป่วยอยู่”
ได้ยินดังนั้น เฉียวจินเหนียงจึงก้มหน้ารับประทานอาหารโดยไม่ถามอะไรอีก
ถึงแม้จะมีมารยาทในการรับประทานอาหารที่เคร่งครัดในจวนหวัง แต่สาวใช้ก็ให้บริการด้วยความเอาใจใส่ แม้ว่ามารยาทในการรับประทานอาหารของเฉียวจินเหนียงจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะเธอ
จนกระทั่งหลังจบมื้ออาหาร ฮูหยินใหญ่พูดกับเฉียวหรูหยุนว่า
“เจ้าน่ะซื่อเกินไป ทำไมเจ้าถึงไม่บอกความจริงกับครอบครัวสามี? น้องสะใภ้ทั้งสองคนของเจ้าไม่ง่ายเลยที่จะเข้ากันได้
“ยิ่งตอนนี้ทั้งฉางอันก็ทราบกันไปทั่วแล้วว่าเจ้าไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของนายท่าน เพราะฉะนั้นเจ้าต้องรีบตั้งครรภ์ให้เร็วที่สุด”
เฉียวหรูหยุนพยักหน้า
ฮูหยินใหญ่หันไปพูดกับเฉียวจินเนียงว่า “จินเหนียง เจ้าคงเหนื่อยจากการเดินทางไกล ไปพักก่อนเถอะแม่คิดว่าบิดา ท่านย่า และน้องสาวของเจ้าอาจจะไม่กลับมาจนกว่าจะค่ำ เจ้าสามารถมาพบพวกเขาได้ในวันรุ่งขึ้น”
เฉียวจินเหนียงทำความเคารพและพูดว่า "ท่านแม่ ลูกอยากหาร้านที่เหมาะสมในเมืองฉางอันก่อน เพื่อที่จะได้เปิดโรงเตี๊ยมอีกครั้งโดยเร็วที่สุด"
ด้วยความรู้สึกผิดที่มีต่อเฉียวจินเหนียง ฮูหยินใหญ่จึงไม่ปฏิเสธคำขอของเธอ “แม่จะให้พ่อบ้านไปกับลูกด้วยก็แล้วกัน ที่นี่ไม่เหมือนหลินอัน ในฉางอันหากเจ้าต้องการจะซื้อร้านค้าเจ้าต้องมีคนที่มีอำนาจคอยสนับสนุน หากเจ้าพบร้านค้าที่ต้องการแล้ว ก็แค่บอกพวกเขาว่าเจ้าเป็นคนของหวังอันหยวน”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านแม่”
ถนนหลวงของฉางอันมีชีวิตชีวามาก ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิที่อากาศอบอุ่น พ่อค้าและแม่ค้าทั้งสองฝั่งของถนนกำลังขายของ
หงหลิงช่วยพยุงเฉียวจินเหนียงลงจากรถม้า “ฉางอันแบ่งออกเป็นห้าถนนหลักและสิบสองสายย่อย ถนนสายหลักเชื่อมต่อกับเมืองหลวงของจักรวรรดิ และผู้ที่อาศัยอยู่ที่นั่นล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญ ดังนั้นถนนสายหลักจึงมีชีวิตชีวามาก ข้างคูน้ำมีร้านค้ามากมาย รวมทั้งโรงตี๊ยมและโรงน้ำชานับไม่ถ้วน
“คุณหนู ถ้าคุณหนูต้องการโรงเตี๊ยม บ่าวคิดว่าที่นี่คือที่ที่เหมาะสมที่สุดเจ้าค่ะ”
เมื่อมองแวบแรก เฉียวจินเหนียงชอบโรงเตี๊ยมสองชั้นที่อยู่ติดกับสะพาน “ทำเลที่นี่ดีมาก แต่ตอนนี้มันใกล้เที่ยงแล้ว แต่ทำไมที่นี่ถึงไม่มีลูกค้าเลยล่ะ”
เมื่อเทียบกับร้านค้าอื่นๆที่พลุกพล่านอื่นๆ โรงเตี๊ยมแห่งนี้ถูกทิ้งร้างอย่างแท้จริง
หงหลิงหาคนแถวนั้นเพื่อสอบถาม ในไม่ช้า ก็ได้คำตอบว่า “โรงเตี๊ยมนี้มีชื่อว่าศาลาเลิศรส เคยเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในฉางอันและเปิดในสมัยจักรพรรดิองค์ก่อนซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 40 ถึง 50 ปี แต่น่าเสียดายที่เถ้าแก่ร้านไม่มีลูกชายเลย เขามีแต่ลูกสาว 3 คน ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องให้ลูกสาวคนสุดท้องแต่งงานกับสามีจากต่างถิ่น
“แต่คาดไม่ถึงเลยว่า ในตอนที่ลูกเขยคนนั้นได้เรียนรู้ทักษะการทำอาหารทั้งหมดของเถ้าแก่ร้านแล้ว จะมีลูกสาวของพ่อครัวในราชสำนักคนนึงมาถูกใจเขาเข้า จากนั้นเขาก็หันไปคบกับผู้หญิงคนนั้นและหย่ากับลูกสาวของเถ้าแก่ร้าน
“ไม่นาน เขาก็เปิดโรงเตี๊ยมชื่อว่า อาคันตุกะภิรมย์ ไม่ไกลจากศาลาเลิศรสนี่ และซื้อตัวพ่อครัวหลายคนจากศาลาเลิศรสไป ทำให้กิจการของศาลาเลิศรสย่ำแย่ลงทุกวัน”
“ชีวิตเป็นเรื่องยากจริงๆสำหรับผู้หญิงในยุคนี้” เฉียวจินเหนียงกล่าว “พวกเราก็ไปดูกันเถอะ!”
เมื่อได้ยินเรื่องราวของหญิงที่น่าสงสารคนนี้ เฉียวจินเหนียงก็นึกถึงไอ้เฮงซวยที่หย่าและขโมยลูกชายของเธอไป!
เธอและเถ้าแก่เนี้ยของศาลาเลิศรส ต่างก็มีชะตากรรมเดียวกัน
…
พิธีบรมราชาภิเษกขององค์รัชทายาทถือเป็นงานใหญ่สำหรับพระราชวังตะวันออก ดังนั้นพลเรือน นายทหาร และครอบครัวขุนนางทั้งหลายจึงร่วมกันเฉลิมฉลอง
เหล่าชายหนุ่มจะได้จัดพิธีเมื่ออายุครบ 20 ปี แต่ถ้าเป็นสมาชิกชายของราชวงศ์ที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ พระองค์จะทรงจัดพิธีให้เป็นกรณีพิเศษ
ฮ่องเต้มีพระประสงค์จะจัดพิธีสวมมงกุฎให้องค์รัชทายาท เมื่อตอนที่พระองค์มีพระชนมายุได้ 17 พรรษาแต่ในตอนนั้นอยู่ๆองค์รัชทายาทก็หายตัวไปอย่างกะทันหัน
ฮ่องเต้มีพระราชโอรสทั้งหมดเจ็ดพระองค์ องค์รัชทายาทเป็นบุตรคนสุดท้อง แต่เป็นโอรสที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานมากที่สุด
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขุนนางหลายคนเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวองค์รัชทายาท แต่ก็โดนพระองค์สั่งลงโทษอย่างรุนแรง
แต่แล้วเมื่อประมาณ 20 วันก่อน จู่ๆองค์รัชทายาทก็ปรากฎตัว เมื่อทราบข่าวนี้ ฮ่องเต้ทรงปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่งและทรงมีพระราชโองการให้จัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่
ในสมัยราชวงศ์ถัง ข้อจำกัดเกี่ยวกับผู้หญิงไม่ได้เข้มงวดเหมือนสมัยก่อน ดังนั้นเฉียวหรูฉีและสหายของเธอจึงได้มายืนอยู่ท่ามกลางหญิงสาวผู้สูงศักดิ์คนอื่นๆและมองดูเหล่าชายหนุ่มที่อยู่กลางห้องโถง “องค์รัชทายาททรงสิริโฉมยิ่งกว่าเดิมเสียอีก”
“ก็พระองค์ทรงเป็นคนที่พระเจ้าโปรดปรานนี่นา ต้องทรงแตกต่างจากผู้ชายทั่วไปอยู่แล้ว แต่ท่านพี่ ในฐานะที่ท่านเป็นสตรีที่ยังไม่ได้แต่งงาน ข้าเกรงว่าท่านไม่ควรแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปโฉมขององค์รัชทายาทเช่นนี้นะเจ้าคะ มันจะดูไม่งาม”
หญิงสาวในชุดสีชมพูกล่าวพร้อมกับทำความเคารพเฉียวหรูฉี
“หึ” เธอล่ะเกลียดน้องสาวที่เกิดจากอนุคนนี้จริงๆ
ฮ่องเต้ทรงรักองค์รัชทายาทมาก และฮองเฮายังเสด็จเยือนพระราชวังตะวันออกด้วยพระองค์เองเพื่อทรงเข้าร่วมพิธีบรมราชาภิเษก ในช่วงเวลาของการสวมมงกุฎ จมูกขององค์รัชทายาทเกิดอาการคัน ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะจามออกมา
การจามนั้นดูไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง แต่องค์รัชทายาทนั้นหล่อเหลาและสง่างามมาก จนเฉียวหรูฉีรู้สึกว่าเขามีเสน่ห์มากแม้ว่าเขาจะจามก็ตาม
…
“ฮึ่ม โลกนี้ไม่มีผู้ชายดีๆเหลืออยู่แล้วหรอไงนะ”
ณ ศาลาเลิศรส ผู้หญิงในวัยราวยี่สิบต้นๆคนหนึ่ง เธอสาปแช่งผู้ชายด้วยกันกับเฉียวจินเหนียง
“พี่สาว ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว แต่ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะได้รับผลกรรมไม่ช้าก็เร็ว! กลับมาที่เรื่องของเราก่อน ข้าต้องการซื้อศาลาเลิศรสแห่งนี้”
เมื่อหญิงสาวแซ่หลินได้ยินคำพูดของเฉียวจินเหนียง เธอก็กล่าวว่า “พูดตามตรง กิจการของศาลาเลิศรสในตอนนี้ย่ำแย่มากจริงๆ แต่เพราะข้าได้รับมันเป็นมรดกมาจากท่านพ่อ เพราะแบบนั้น…”
เฉียวจินเหนียงเข้าใจถึงความกังวลของเธอ ถ้ามีคนขอให้เธอขายโรงเตี๊ยมหมื่นรส เธอก็คงจะปฏิเสธเช่นกัน “พี่สาว กิจการของศาลาเลิศรสย่ำแย่จนไม่มีประโยชน์ที่จะรั้งไว้ คงจะดีกว่าถ้าจะขายมันและไปทำอย่างอื่น”
นางหลินถอนหายใจ “ประการแรก โรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นทรัพย์สินของบรรพบุรุษของข้า ประการที่สอง อดีตสามีของข้ามีโหวเฉิงอันคอยหนุนหลัง และโหวเฉิงอันยังเป็นน้องชายของไทเฮา พ่อครัวของราชวงศ์เป็นที่ชื่นชอบของไทเฮามาก ดังนั้นพระองค์จึงยอมให้พระธิดาองค์โตสมรสกับลูกชายคนโตของโหวเฉิงอัน…”
“โรงเตี๊ยมในบริเวณใกล้เคียงที่ไม่มีผู้มีอำนาจอยู่เบื้องหลังนั้นจึงไม่เหมาะจะเป็นคู่แข่งของโรงเตี๊ยมอาคันตุกะภิรมย์ที่ดำเนินการโดยอดีตสามีของข้า”
เฉียวจินเหนียง กล่าวว่า "พี่สาวหลิน ท่านไม่ต้องกังวล .. ข้าไม่กลัวโหวเฉิงอัน"