ตอนที่ 169 : ทะเลสุสาน
ตอนที่ 169 : ทะเลสุสาน
หลี่เทียนหันกลับไปมองฮานฮานและเสี่ยวเฮยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ในตอนที่หลี่เทียนวิวัฒนาการเสร็จ ทั้งฮานฮานและหมาเองก็วิวัฒนาการตัวเองได้เช่นกัน
ฮานฮานแสดงสายตาสับสนออกมา เธอนั่งนิ่งด้วยความตะลึงราวกับเธอรับรู้ได้ถึงทุกอย่างในโลก เธอไม่เห็นตอนที่หลี่เทียนทำลายแก้วตะกี้ด้วยซ้ำ
หลี่เทียนคิ้วขมวดและตบไหล่เธอเบา ๆ
ตอนนั้นฮานฮานก็ตัวสั่น เครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องกลับมีไฟสีฟ้าลุกไหม้ขึ้นมา กลิ่นไหม้ลอยคลุ้งไปทั่ว แต่หลี่เทียนก็ยังรับรู้ได้ว่าสมองของเขาราวกับโดนคลื่นบางอย่างซัดเข้าจนมึนหัวขึ้นมา !
วิวัฒนาการด้านสมอง : ควบคุมสนามแม่เหล็ก !
ฮานฮานตกใจจนกรี๊ดออกมา เธอมองไปที่มือตัวเองและพูดขึ้นมาราวกับทำอะไรผิดไป “พี่เทียน เกิดอะไรขึ้นกับหนู ? หนูเปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดแล้วหรือ ?”
“ไม่ใช่ มันคือการวิวัฒนาการ” หลี่เทียนพูดขึ้นช้าๆ “มันทำให้เราสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิม !”
“วิวัฒนาการ....” ฮานฮานพึมพำออกมา สีหน้าของเธอดูกลัวนิด ๆ “ฮานฮานกลัว”
“ฮานฮานต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังของตัวเอง บางทีพี่อาจจะให้หนูช่วยในอนาคต....” หลี่เทียนลูบหัวฮานฮานพยายามปลอบเธอ
เขาไม่ได้คิดให้ฮานฮานวิวัฒนาการในด้านเทพโบราณ มันไม่ใช่เพราะเขาหวงผลไม้พวกนี้ ไม่ใช่เพราะเขาอิจฉาที่จะมีมนุษย์อย่างเขาในโลกเพิ่ม แต่เป็นเพราะเขา, ฮานฮานและเสี่ยวเฮยเป็นทีมเดียวกัน ทุกคนในทีมต่างก็มีความสามารถและหน้าที่ของตัวเอง
หลี่เทียนคือนักรบในทีมนี้ เขาต้องอยู่แนวหน้าและเผชิญกับอันตรายมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงต้องการพลังของเทพโบราณเพื่อเปิดทางและปกป้องคนในทีม
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องการวิวัฒนาการในด้านเทพโบราณโดยไม่สนว่าจะต้องเสียอะไรไปบ้าง
ฮานฮานนั้นแตกต่างออกไป เธอไม่จำเป็นต้องไปสู้ เธอแค่คอยช่วยอยู่ด้านหลัง !
พลังจากการวิวัฒนาการด้านสมองนั้นเหมาะกับเธอมากกว่าด้านเทพโบราณ ความสามารถในการควบคุมสนามแม่เหล็กไฟฟ้ารวมกับสายตาที่มองเป้าหมายของอีกฝ่ายออกนั้นเพียงพอทำให้เธอเป็นตัวช่วยเหลือที่ดี
“ฮานฮานเข้าใจแล้วค่ะ” ฮานอานพยักหน้าและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “หนูจะพยายาม !”
“เราเป็นพวกลายพันธุ์ไปแล้วหรือ ? มันจะมีคนจากองค์กรลับมาจับตัวเราหรือเปล่าคะ ?” ฮานฮานกระพริบตาปริบ ๆ และถามขึ้นมา “เราจะโดนเอาไปผ่าตัดเพื่อศึกษารึเปล่า ?”
“นี่แหละเรื่องที่พี่กำลังจะบอก” หลี่เทียนมองไปที่ฮานฮานและพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง “อย่าเปิดเผยพลังของตัวเอง ถ้าจำเป็นก็ต้องปกปิดไว้ด้วยว่าเราเป็นใคร”
การปรากฏตัวของมนุษย์กลายพันธุ์นั้นดูเป็นปัญหายิ่งกว่าการปรากฏตัวของฟาร์ม แม้ว่าหลี่เทียนจะเชื่อในประเทศของตัวเอง แต่ก็ไม่มีใครกล้าฝากชะตากรรมของตัวเองไว้ในมือคนอื่น
วิวัฒนาการด้านเทพโบราณและด้านสมองนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งก็จริง แต่พวกเขาก็ยังมีจุดอ่อน
หลี่เทียนใช้สกิลมองจุดอ่อนและมองไปที่ตัวฮานฮานเพื่อหาจุดอ่อนของเธอ
หัวใจ
จุดอ่อนของพวกวิวัฒนาการด้านสมองนั้นคือหัวใจ
“หือ วิวัฒนาการด้าน...เชื้อสายโบราณ” หลี่เทียนหรี่ตาลง
ตอนนี้มีสัตว์กลายพันธุ์กว่า 10 ตัวในโลกซึ่งวิวัฒนาการด้านเชื้อสายโบราณ แขนขา, หน้าตาและนิสัยของพวกมันเปลี่ยนไปจากเดิม
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือวิวัฒนาการด้านเชื้อสายโบราณนั้นได้ปกปิดจุดอ่อนของมัน ดังนั้นมันจึงเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิม
ยกตัวอย่างเช่นวัวในซินเจียง ก่อนที่จะวิวัฒนาการ มันเป็นแค่วัวทั่วไปซึ่งมีความอึดที่น่าทึ่ง แต่ความฉลาดกับความเร็วนั้นน้อยนิด
หลังจากที่วิวัฒนาการเสร็จ มันก็เจ้าเล่ห์, ว่องไวและโหดร้ายขึ้นมา !
ในหมู่การวิวัฒนาการทั้ง 4 ด้าน การวิวัฒนาการด้านร่างกายนั้นจะเพิ่มความแข็งแกร่งและ ความเร็วขึ้นมา แต่มันดูกระจอกไปเลย เมื่อเทียบกับวิวัฒนาการด้านเชื้อสายโบราณ
สัตว์กลายพันธุ์ที่วิวัฒนาการด้านเชื้อสายโบราณนั้นพัฒนาทั้งด้านขนาด, ความแข็งแกร่งและความเร็วขึ้นแป็นสองเท่าหรืออาจจะร้อยเท่า
พวกมันก้าวไปถึงขีดจำกัดในทันที !
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกที่วิวัฒนาการด้านเชื้อสายโบราณนั้นคือตัวตนที่แกร่งที่สุดในหมู่ผู้วิวัฒนาการในช่วงแรก ๆ !
แต่มันก็จะมีขีดจำกัด ไม่อาจจะพัฒนาตัวเองขึ้นต่อได้มากนัก อีกความหมายคือ...นี่คือจุดที่พวกมันแกร่งที่สุดแล้ว !
ในช่วงแรกวิวัฒนาการด้านเชื้อสายโบราณนั้นน่ากลัวอย่างมาก แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ข้อได้เปรียบของด้านเทพโบราณและด้านสมองก็จะเอาชนะด้านเชื้อสายโบราณไปได้ !
“เรามีการวิวัฒนาการทุกด้านยกเว้นด้านร่างกาย...ไม่เลวเลย” หลี่เทียนหัวเราะออกมาและพูดขึ้น
ตอนนี้เขาต้องการพลังของราชาสัตว์อสูร เพื่อช่วยเขาในการรับมือกับความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้นในหายนะรอบสอง
หลังจากที่เขากับฮานฮานแกร่งขึ้นมา พวกเขาก็จะให้เสี่ยวเฮยเลือกเส้นทางในการวิวัฒนาการของตัวเอง
นี่ไม่ใช่การตัดสินใจเลือกได้ครั้งเดียวในชีวิต
ถ้ามันเป็นเกม งั้นหลี่เทียนก็มีปุ่มรีเซ็ตในมือที่สามารถใช้ตอนไหนก็ได้ !
....
ตอนที่หลี่เทียนกำลังวิวัฒนาการอยู่นั้น โลกในวันนี้ก็เปลี่ยนไปจากเดิมอีกครั้ง ตอนนั้นเรือดำน้ำและเรือรบในทะเลต้องพบกับสถานการณ์ที่เลวร้าย เรดาร์ของพวกเขาไม่ทำงาน ตอนนั้นพวกเขาราวกับเป็นจอกแหนที่ลอยอยู่อย่างโดดเดี่ยว
มีน้ำแข็งก้อนใหญ่ถูกน้ำทะเลซัดเข้า พวกเขาติดอยู่ในทะเลและต้องมองดูฉากรอบตัวด้วยตัวที่สั่น
ผิวทะเลราวกับน้ำเดือดและไหลไปมาอย่างต่อเนื่อง ที่ก้นทะเลนั้นราวกับหลุมดำที่กำลังสูบน้ำลงไป
ทั้งทะเลกลายเป็นสีเทาดูสกปรกอย่างมาก
ปัง...ตอนนั้นเองกลับมีเสียงระเบิดดังขึ้น เรือสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมกับคนในเรือที่วิ่งไปรายงานห้องควบคุมว่าเรือชนเข้ากับก้อนหินใหญ่
ตอนนั้นเมฆบนท้องฟ้าก็ค่อย ๆ สลายตัวไป กัปตันเรือไปยืนอยู่ที่ดาดฟ้าเรือและมองออกไปตรงหน้า ก่อนจะหรี่ตาลง !
เขาขยี้ตาตัวเองก่อนจะเผยสีหน้ากลัวออกมา เขาผงะถอยกลับมา 4-5 ก้าวและชี้ไปตรงหน้าด้วยความกลัว แต่กลับพูดอะไรไม่ออก !
อยู่ ๆ ก็มีลมพัดกรรโชกขึ้นมาพัดพาหมอกที่นั่นให้จางออกไป
ตอนนั้นทุกคนก็เห็นฉากตรงหน้าได้ชัดเจน
พวกเขาพากันตัวสั่น
บนทะเลสีเทาและเต็มไปด้วยเศษน้ำแข็งนั้นกลับมีศพของสัตว์ทะเลขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนลอยกระจายกลาดเกลื่อนไปทั่ว
วาฬเพชฌฆาตตัวยาวหลายสิบเมตรก็โดนฆ่าไปด้วย...
แม้แต่สัตว์ใต้น้ำลึกขนาดใหญ่ก็ยังลอยอยู่ที่ผิวน้ำ !
ตอนนี้ที่ผิวน้ำเต็มไปด้วยศพของสัตว์พวกนี้
กัปตันตัวแข็งทื่อและมองดูฉากที่แปลกประหลาดนี้ด้วยความตะลึง เขาไม่คิดว่านี่เป็นทะเลอีกต่อไป แต่กลับเป็นสุสานแทน !
ทะเลนี่กลายเป็นหลุมศพแล้วงั้นหรือ ?