เล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 1 บทที่ 27: ผลที่ตามมา
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
เล่มที่ 1 บทที่ 27: ผลที่ตามมา
.
(วอลสัน)
#- ข้ารู้สึกขอบคุณ - เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ - ข้าจะให้พรของข้า - แก่เจ้า -#
การมองเห็นของข้าถูกบดบังสั้นๆ ด้วยแสงเจิดจ้า แต่เมื่อมันจางหายไป ข้าก็พบว่าตัวข้าเองออกจากป่าและอยู่ใกล้กับชายขอบป่าเสียแล้ว
“...เรากลับบ้านกันเลยไหม?” เกรซเอ่ยถาม
“อืม ตอนนี้ข้าคิดว่าทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยดีแล้ว ไปกันเถิด” ข้าหาวออกมาด้วยความรู้สึกเหนื่อยมาก
เวลาในตอนนี้ประมาณห้าโมงเย็นสามสิบนาที เมื่อพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน สีของท้องฟ้าก็กำลังเปลี่ยนเป็นเฉดสีแดงและส้มอันแสนสวยงาม
ด้วยแสงของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะหายไป เงายาวของเราทอดข้ามพื้นดินเหนือใบไม้ที่ร่วงหล่นและรากที่พันกันของต้นไม้
“...เอ่อ” เกรซดูเหมือนจะจำอะไรบางอย่างได้ จู่ๆ นางก็ใช้ทักษะของนางเคลื่อนย้ายไป
#- เอ๊? - ผู้กอบกู้ - ทำไมเจ้าถึงกลับมา - # เสียงที่น่ารำคาญเล็กน้อยดังขึ้นในหัวของเราอีกครั้ง กลายเป็นว่าแม้ว่าเราจะอยู่ห่างไกลจากนางมาก แต่นางไม้ก็ยังสามารถสื่อสารกับเราได้
ไม่กี่วินาทีต่อมา เกรซก็กลับมาพร้อมกับไม้เท้าในมือของนาง
“...ลืมไม้เท้า” นางจ้องมองไปที่ไม้เท้าของตนด้วยความเขินอาย
#- โอ้? - ขออภัย - ข้าลืม - เอาของเจ้าให้ -#
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แทบไม่ต่างจากไปบ้านเพื่อน บอกลากันแล้ว แต่กลับไปเพราะลืมกุญแจบ้าน ช่างงี่เง่านัก เราเพิ่งกล่าวอำลากันไปไม่นานเองไม่ใช่เหรอ?
ขอวกกลับมาที่เรื่องหลักก่อน ข้าได้นำ [นม] หลายสิบขวดวางไว้ใกล้กับรากของต้นไม้ยักษ์ด้วย หากนางไม้เจอกับปัญหาเช่นนี้อีก นางก็คงสามารถจัดการมันได้ด้วยตัวนางเอง
จะว่าไปของที่นางไม้ให้เรามามีแต่ของดีๆ ทั้งนั้นเลย แต่เอาไว้ค่อยพูดเรื่องนี้ทีหลังแล้วกัน
“เกรซ ไปกันเถอะ” ข้าเลิกสนใจโทรจิตรของนางไม้ จากนั้นพวกเราก็พากันกลับไปยังฐานลับ
เฮ้อ มีตั้งหลายอย่างให้ต้องทำอีก! ในฐานลับตอนนี้ ข้ามีงานอยู่เยอะแยะเต็มไปหมดเลย!
เพราะว่าตอนนี้เรามี [ผงกระดูก] ค่อนข้างมาก ข้าจึงเริ่มเพาะปลูกพืชให้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว
จงเติบโตเสีย เจ้าเมล็ดพันธุ์ทั้งหลาย!
โดยปกติแล้ว พืชทุกชนิดต้องใช้เวลาในการเจริญเติบโต แต่ด้วย [ผงกระดูก] มันจะเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ในทันที
โดยส่วนใหญ่ข้าจะนำมันไปใช้กับ [มัลบอร์] ที่เป็นสมุนไพรรักษาอันหาได้ยากของโลกใบนี้
สาเหตุที่มันหาได้ยากก็เพราะการเพาะปลูกมันทำได้ยาก อีกทั้งมันยังต้องการพื้นที่แบบเฉพาะในการเติบโตด้วย
แต่ต้องขอบคุณ [ผงกระดูก] พวกมันโตเต็มที่โดยไม่ตายในทันที แถมยังทำให้ข้าได้ทั้ง [มัลบอร์] และเมล็ดพันธุ์ของมันเพิ่มอีก จากนั้นสิ่งที่ข้าต้องทำก็แค่ปลูกเมล็ดพันธุ์เพื่อทำกระบวนการทั้งหมดซ้ำวนลูปกันไป...
ข้าผลิต [มัลเบอร์] สมุนไพรรักษาโรคหายากมาเป็นเวลานานแล้ว จนข้าเริ่มรู้สึกสงสัยว่าผู้อื่นในโลกจะมีใครเก่งเท่าข้าอีกไหม
เทคนิคการทำฟาร์มจากมายคราฟล้วนเป็นสิ่งที่อยู่เหนือโลกใบนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
ในตอนนี้ ข้าก็ได้ทำอาหารมามากพอจะให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ได้เป็นเวลาสองสัปดาห์
...น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถนำเนื้อไปให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ เพราะนั่นคงจะดูน่าสงสัยอย่างมาก
อืม ตอนนี้ก็มาจัดการกับนักผจญภัยทั้งสี่กันเถอะ
ในตอนแรกข้าคิดว่าพวกเขาคงจะรู้สึกแย่เมื่อถูกมัดด้วยเชือก คือแบบเป็นใครก็ต้องรู้สึกแย่ไหมถ้าตื่นขึ้นมาที่ไหนไม่รู้และรู้ตัวว่าถูกมัดด้วยเชือกอยู่? ย่อมเป็นเรื่องปกติที่จะต้องรู้สึกกลัวและตื่นตระหนก
แต่เมื่อข้ากลับไป ดูเหมือนว่าความกังวลของข้าจะไม่มีประโยชน์เลย พวกเขากำลังมีช่วงเวลาที่ดีกันอยู่ พวกเขาทั้งสี่แม้จะถูกผูกติดกันแน่น แต่พวกเขาก็พูดคุยกันราวกับว่ากำลังกินเลี้ยงปาร์ตี้ ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ขณะที่พวกเขาพยายามพูดชื่อของแต่ละอย่างที่ข้ามีอยู่ในฐานลับ
. ราวกับเด็กๆ ในร้านขายลูกกวาดที่พูดคุยเรื่องรสลูกกวาดที่พวกเขาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
“ไม่กลัวกันบ้างเหรอ?” ข้าดึงเก้าอี้ออกมาและนั่งลงตรงหน้าพวกเขา
"โอ้! ตอนนั้นภาพมันตัดไปไวมาก ไม่คิดเลยว่าจะเป็นฝีมือของเด็กคนนี้! “ว้าวเขาดูเด็กมากเลยนะ” "แถมยังน่ารักมากด้วย"
.
.
ข้าถึงกับพูดอะไรไม่ออก เกิดอะไรขึ้นกับสมองของทั้งสี่คนกันเนี่ย?
มาชมข้าว่าน่ารักทำไมกัน... แทนที่จะชมข้าว่าน่ารัก เหตุไฉนไม่ชมข้าว่าหล่อเหลากันเล่า!?
"อ่า ขอโทษที เจ้าเป็นคนที่ช่วยเราไว้ใช่ไหม? เราเป็นนักผจญภัยจากสมาคม $ นัยน์ตาแห่งแมวรัตติกาล $ ข้าชื่อกาบับและข้าเป็น [ผู้ถือโล่]" คนที่คอยปกป้องเพื่อนของเขาด้วยโล่ขนาดใหญ่ - กาบับ - เป็นคนเริ่มพูดขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้สนใจเขามากนัก แต่ตอนนี้เมื่อข้ามองใกล้ๆ เขาเป็นคนที่มีสีผิวเข้ม ความสูงของเขาประมาณ 180 ซม. และมีรอยแผลเป็นที่น่ากลัวบนใบหน้าของเขา
ภาพลักษณ์ของเขาไม่ว่าเด็กคนไหนมองมีอันต้องร้องไห้เป็นแน่ สภาพของเขาถ้าเกิดไปเดินตามถนน ตำรวจคงต้องขอตรวจสอบสักหน่อย
(พูดตามตรง ในชาติที่แล้วของข้าก็มีสภาพไม่ต่างกันนักหรอก บางครั้งข้ายังเคยถูกตำรวจเรียกหยุดเลย)
$ นัยน์ตาแห่งแมวรัตติกาล $ หือ? ถ้าจำไม่ผิด นี้เป็นสมาคมเล็กๆ ในหมู่บ้านซาดิน
“ข้าชื่อวอลสัน ต้องขอโทษด้วยที่มัดทุกคนไว้ แต่ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัย ยังไงพวกท่านก็เป็นคนแปลกหน้าสำหรับเรา” ข้าเหลือบมองไปทางด้านข้างและเห็นว่าเมล่อนกำลังถือดาบตัวต่อด้วยท่าทางเคร่งเครียด
ข้าสบตานางและบอกให้นางผ่อนคลาย จากนั้นนางก็ทำตามที่ข้าบอกทันที
ข้าลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปหานักผจญภัยที่ถูกมัด แล้วจึงค่อยๆ ปลดพันธนาการพวกเขา
“ขอบคุณมากมาก ข้ามีนามว่ากุลตันเป็น [นักล่า] ขอบคุณที่ช่วยเรา เจ้าหนู” นักล่าสูงน้อยกว่าผู้ถือโล่อย่างเห็นได้ชัด เขามีความสูงประมาณ 165 ซม. เท่านั้น เขามีผมสีเขียวและใบหน้าที่ดูเจ้าสำอาง มันทำให้เขาดูหล่อเหลามาก
ข้าชักรู้สึกอิจฉาหน้าตาเขานิดหน่อยแฮะ ข้าก็อยากหล่อเหมือนกันนะ
"เอ่อ ข้าชื่อลอว์เรนซ์ เป็น [นักดาบ] ตอนนั้นเราเกือบจะตายแล้ว ต้องขอบคุณที่ช่วยเรามากเลยนะเจ้าหนุ่ม ” ลอว์เรนซ์เป็นคนที่ดูธรรมดามาก มีใบหน้าที่หากเดินปะปนกับฝูงชนก็แทบจะมองไม่เห็นเลย ถ้าดูภายนอก ข้าไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขาเป็นนักดาบ
บางทีเขาอาจเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายมากกระมัง มันเลยทำให้ข้ารู้สึกเช่นนี้
“วอลสันใช่ไหม? ขอบใจนะ ข้าชื่อมิราเบลล่า” หลังจากเชือกหลุดออกมาแล้ว [นักเวทย์] สาวก็ลุกขึ้นยืนทันทีและก้มลงจับมือข้า ผมของนางเป็นสีน้ำตาลสวย ความสูงของนางประมาณ 160 ซม. ซึ่งยังสูงกว่าตัวข้ามาก
ข้าสังเกตเห็นว่านางมีหูแหลมๆ นางเป็นเอลฟ์หรือเปล่า?
เผ่าพันธุ์เอลฟ์ได้สร้างประเทศของตนเองขึ้น ทำให้มีชุมชนเล็กๆ ของพวกเขาได้กระจายอยู่บนแผ่นดินของเรา ดังนั้นการที่พบเจอตัวพวกเขาจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
แต่เนื่องจากหมู่บ้านของเราอาศัยอยู่ในชายแดนที่อยู่ใกล้กับถิ่นทุรกันดารมากกว่าเมืองใหญ่ ผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่จึงเป็นมนุษย์หรือกึ่งมนุษย์ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบกับเอลฟ์ด้วยตาตัวเอง
นางโค้งคำนับเพื่อสบตาข้าในขณะที่นางเริ่มพูดกับข้า
ข้าไม่ได้ฟังเลย เพราะข้าถูกทำให้ไขว้เขวด้วยหน้าอกที่น่าประทับใจของนาง
โย่! มันใหญ่ยักษ์เกินไปแล้ว!
...ขอข้าลองสัมผัสหน่อยจะได้ไหม? ไม่สิ! ตัวข้าจะคิดอะไรแบบนี้ตลอดไม่ได้นะ!
"โอ้ เอ่อ... ดีขึ้นแล้วใช่ไหม? มีอาการอะไรอีกหรือเปล่า?" นางเป็นคนที่มีพลังชีวิตเหลืออยู่เพียง 11 หน่วย นางใกล้จะยืนอยู่ติดกับประตูยมโลกแล้ว สิ่งแรกที่ข้าทำคือยัดขวดมัลบอร์ (î²) ลงไปในลำคอของนางเพื่อรักษานาง
มัลบอร์ (β) ย่อมาจาก [ยารักษามัลบอร์ (เบต้า)] เป็นยารักษาพิเศษที่ข้าสร้างขึ้น เมื่อเทียบกับ [ยารักษามัลบอร์] มาตรฐานแล้ว ยารุ่นใหม่ของข้ามีศักยภาพมากกว่าอย่างน้อยร้อยเท่า เนื่องจากยาของข้าเป็นรุ่นปรับปรุงใหม่ ข้าจึงตัดสินใจเรียกมันว่าเบต้าและต้นฉบับคืออัลฟ่า
อย่าลืมนะว่าเราได้กล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อไม่กี่บทที่ผ่านมา ถ้าอย่างนั้นก็เข้าใจตรงกันนะว่ามัลบอร์ (β) คือยาอะไร
“โอ้ ดีขึ้นมากเลย ข้ารู้สึกเหมือนกับได้เกิดใหม่ด้วยซ้ำ! ทั้งหมดต้องขอบคุณเจ้ามาก”
"ด้วยความยินดี" ข้าพยายามหลบตาของนางและไม่จ้องมองไปที่หน้าอกของนาง เพราะข้ารู้สึกได้ถึงความแสบซ่าจากสายตาที่เกรซส่งมาให้
พวกเราทุกคนมารวมตัวกันและพูดคุยกันไป
พวกเขาไม่ได้ตั้งคำถามถึงแรงจูงใจของข้าว่าทำไมข้าถึงช่วยพวกเขาไว้ หรือถามถึงความลับข้าเลย ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ควรแก่การพูดถึง
นี่พวกเขาเชื่อใจข้างั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าพวกเขาคงจะไว้ใจเราในระดับหนึ่ง
พวกเขาเปิดเผยข้อมูลบางอย่างจากมุมมองของพวกเขา ซึ่งตรงกับการคาดการณ์ส่วนใหญ่ของข้า
พวกเขาคือนักผจญภัยจากสมาคม $ นัยน์ตาแห่งแมวรัตติกาล $ ที่ถูกส่งมาจากหมู่บ้านซาดินเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับดินแดนแห่งนี้
แทบไม่มีใครเต็มใจรับคำขอความช่วยเหลือนี้เลย เพราะมันเป็นภารกิจที่ยากมาก มีแต่ต้องหวังพึ่งนักผจญภัยที่แข็งแกร่งมากเท่านั้น
ทว่าเหตุผลที่พวกเขาทั้งสี่ยืนยันที่จะลองเสี่ยงโชคดู ก็เพราะพวกเขาขาดแคลนเงิน...
ซึ่งด้วยความที่ว่าพวกเขามีเอลฟ์ [นักเวทย์] ที่ไวต่อเวทมนตร์รอบตัวมาก พวกเขาจึงสามารถไปยังส่วนที่ลึกของป่าได้
หลังจากพูดคุยกันไปก็ทำให้ทราบว่าไม่มีกลุ่มนักผจญภัยกลุ่มอื่นแล้ว ข้าจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่ไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้นอีก
"แต่ว่า... ข้าจำได้ว่าข้าแขนหัก... ” จู่ๆ มิราเบลล่าก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เอ๊ะ? จริงสิ ข้าจำได้ว่าเจ้าแขนหัก” "ใช่! ข้าก็จำได้เหมือนกัน!" เพื่อนร่วมทางของนางเริ่มตะโกนออกมา
พวกเขาเป็นช่างเป็นกลุ่มที่ครึกครื้นกันเหลือเกิน บรรยากาศที่เงียบสงบของพวกเราสามคนที่พูดไม่เก่งก็แทบจะหายไปเลยเมื่อทั้งสี่คนเข้ามาเยือนฐานลับของเรา
ดูเหมือนว่าข้าจะพลาดเสียแล้ว...เพราะโลกใบนี้การรักษาแขนขาหักด้วยยาไม่ใช่สิ่งที่ทำได้อย่างง่ายดายนัก
#นายท่าน เราจำเป็นต้อง... "ทำให้พวกเขาเงียบ...ไหม? # เมล่อนดูเหมือนจะรู้ว่าข้าคิดอะไรอยู่ นางส่งข้อความโทรจิตมาหาข้า
รอเดี๋ยวก่อน! อย่าพูดเรื่องน่ากลัวแบบนี้สิ! เราไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกเขาเพื่อรักษาความลับของเราเสียหน่อย!
#เจ้าล้อเล่นใช่ไหม? การคร่าชีวิตคนมันไม่ใช่ทางเลือกเดียวเสียหน่อย นั่นก็โหดร้ายไปนะ! เราไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกเขาเพื่อรักษาความลับของเรา! # ข้าตอบกลับไป
* เฮ้อ * อะไรก็ช่างเถอะ ยังไงเสีย ข้าก็คงไม่สามารถเก็บความลับเรื่องนี้ไปได้โดยตลอด
“นั่นเป็นเพราะข้ากำลังพัฒนายารักษาคุณภาพสูงอยู่ ทว่ามันยังคงเป็นยารุ่นทดลองอยู่ ผลของมันเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
ข้าหยิบขวดมัลบอร์ (î²) ออกมาหมุนในขณะที่ข้าโกหกออกไป
นักผจญภัยทั้งสี่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
...อืม...ข้าโกหกได้ไม่ดีเหรอ? ข้าโกหกได้แย่ขนาดนั้นเลย?
แต่เมื่อข้ากำลังคิดอยู่ ข้าก็ถูกมิราเบลล่าเข้ากอด
โอ้! หน้าอกมัน...! ไม่นะ...จิตใจของข้า!
“ว้าว วอลสัน เจ้านี่มันอัจฉริยะจริงๆ! ไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะได้พบกับคนอย่างเจ้าในชีวิตของข้า”
"เจ้าเก่งมากเลยนะ ถ้าอย่างนั้นเราขอซื้อยาพวกนี้สักสองสามขวดได้ไหม? ได้โปรดเถอะนะ?"
"ยังเด็กอยู่เลย..."
หา? ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะตอบสนองแบบนั้น! ข้ากำลังคิดว่าจะถูกสงสัยหรือถูกตั้งแง่คำถามเสียอีก ถ้าเกิดเป็นเช่นนั้นข้าคงต้องปิดปากพวกเขาจริงๆ
ทว่าขณะที่ข้ากำลังเพลิดเพลินกับความนุ่มจากอ้อมกอดของมิราเบลล่า สายตาพิฆาตของเกรซก็เริ่มจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
“...วอลสัน อาหารเย็นพร้อมแล้ว” เกรซมองมาที่ข้าด้วยความโกรธและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
อ่า ใช่ ~ ช่วงนี้เกรซก็ช่วยทำงานบ้านด้วย
ส่วนใหญ่นางจะช่วยทำแซนด์วิชโดยใช้เนื้อพิเศษของข้า นางพยายามที่จะพัฒนาอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งยังพยายามที่จะเรียนรู้การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ในฐานลับของข้าด้วย
ถ้าเราเปรียบเทียบเบคอนพิเศษของข้ากับของที่ได้มาในวันนี้ ข้าว่าเกรซคงจะยกให้เบคอนของข้าอยู่อันดับหนึ่งกระมัง
ของที่เราได้จากการผจญภัยวันนี้คือ [ไม้นางฟ้าพันปี] เราได้มันมาค่อนข้างเยอะ น้ำหนักมันรวมประมาณร้อยกิโล
แม้นางไม้จะเป็นพวกชอบพูดมาก แต่นางก็ใจกว้างไม่น้อยเลยทีเดียว นางให้สิ่งที่มีค่าเท่ากับ 'สมบัติแห่งชาติ' ให้กับพวกเรา มันหายากมากและมีคุณค่าอย่างยิ่ง
ประเทศต่างๆ พร้อมทำสงครามเพื่อสิ่งนี้ มันเป็นของที่น่าทึ่งอย่างยิ่งยวด
นอกจากนี้นางยังให้สิ่งอื่นแก่ข้าอย่าง [พร] หรือ [การคุ้มครองจากสวรรค์] ของนางด้วย
ถ้าจำไม่ผิด มันเรียกว่า [พรจากต้นไม้โบราณ] หรืออะไรสักอย่าง แต่ไว้ค่อยดูแล้วกันว่ามันทำอะไรได้
พวกเราทุกคนนั่งรับประทานอาหารเย็นอยู่รอบๆ โต๊ะและนักผจญภัยทั้งสี่ก็เต็มใจที่จะเก็บความลับให้ข้า
ดูเหมือนทุกอย่างจะจบดีมาก
เมล่อนและข้าพานักผจญภัยกลับไปที่หมู่บ้าน จากนั้นก็กลับไปที่ฐานลับ
“นายท่าน ข้าตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างกับท่าน ทางตะวันออกของฐานลับ ข้ารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ไม่คุ้นเคยจากที่นั่น ความรู้สึกนี้ข้ารู้สึกมาเป็นสัปดาห์แล้ว เราควรจะไปสำรวจหน่อยดีไหมคะ?”