บทที่ 34
บทที่ 34
“ศิษย์น้องเชิญ”
“ศิษย์พี่เชิญ”
ทั้งสองต่างหยิบอาวุธประจำตัวออกมา ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร นี่คือมารยาทที่ต้องทำก่อนการต่อสู้ เพราะหลายครั้งหลังจากสู้แล้ว อาจไม่มีโอกาสได้ทักทายกันแบบนี้อีก
บรึ้ม!
ฉินห่าวเปิดฉากโจมตี ง้างทุบด้วยค้อนศึกโดยไม่แสดงความปรานีใดๆ
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
หลิวเฮ่อชักกระบี่เข้าสกัดกั้น ใบกระบี่สั่นไหวตอนปะทะ และถือโอกาสนี้เบี่ยงวิถีปัดไปทางคอของฉินห่าว
หัวใจของฉินห่าวแข็งทื่อ ด้านพลังรบพวกเขาแทบจะพอๆกัน แต่ทักษะการโจมตีของอีกฝ่ายล้ำหน้ากว่าตนอย่างเห็นได้ชัด
ฉินห่าวใช้มือข้างหนึ่งหยิบมีดบางที่เหน็บไว้ข้างเอวออกมา ตวัดปัดปลายกระบี่ที่พุ่งจี้คอออกไป
เคร้ง!
“พลังรบของศิษย์น้องช่างยอดเยี่ยม แต่กระบวนท่ายังไม่เชี่ยวชาญมากพอ จำเป็นต้องฝึกฝนเพิ่ม” หลิวเฮ่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เห็นด้วย ยังมีอีก ‘หลายเรื่อง’ ที่ศิษย์น้องต้องเรียนรู้จากท่าน” ฉินห่าวหัวเราะเบาๆ เล่นสำบัดสำนวน
“ความสามารถในการต่อสู้ของทั้งคู่อยู่ในระดับทัดเทียมกัน นี่มันการต่อสู้ระหว่างพยัคฆ์และมังกร!”
“ใช่! มันทำให้เลือดของข้าเดือดพล่าน”
เหล่าสาวกใต้เวทีต่างพูดคุยกัน การต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้คือประสบการณ์อันล้ำค่าของพวกเขา
บนเวที ผู้อาวุโสทั้งห้ามองหน้ากันและพยักหน้า ฉินห่าวผู้นี้ไม่เพียงสามารถสังหารขอบเขตก่อเกิดจิตเท่านั้น แต่ด้านพลังรบยังทัดเทียมกับหลิวเฮ่อซึ่งเหยียบขั้นกลางขอบเขตแก่นทองคำไปครึ่งก้าวแล้ว นับเป็นสาวกที่พิเศษอย่างแท้จริง
“มาลองอีกครั้ง!”
ฉินห่าวตะโกนเสียงดัง หวดค้อนกระแทกอย่างแรง อาวุธค้อนมีข้อเสียอย่างหนึ่ง นั่นคือมันเหมาะสำหรับโจมตีเปิดและปิดการต่อสู้เท่านั้น หากใช้ระหว่างสู้กัน การใช้งานมันจะยากลำบากมาก
“ยินดีน้อมรับ!”
เดิมทีหลิวเฮ่อไม่สนใจการประลองนี้ เขาอยู่ในจุดสูงสุดของช่วงต้นขอบเขตแก่นทองคำแล้ว ดังนั้นฉินห่าวที่อยู่ในขอบเขตขจัดสิ่งโสมมขั้นสูงสุดจะสู้เขาได้อย่างไร?
แต่ไม่นึกเลย ว่าพอได้ประมือกัน ศิษย์น้องฉินห่าวจะแกร่งขนาดนี้!
บรึ้ม!
ชั่วขณะหนึ่ง ทั้งสองดาหน้าเข้าปะทะกัน แลกหมัดไม่มีใครยอมใคร สร้างความตื่นตาแก่ผู้ชม ไม่มีใครละสายตา พากันส่งเสียงเฮและปรบมืออย่างท่วมท้น
“ศิษย์พี่ ข้าจะเอาจริงแล้วนะ ระวังตัวด้วย” ฉินห่าวกล่าวน้ำเสียงทุ้ม ถีบตัวออกจากวงต่อสู้อย่างเยือกเย็น
“ตกลง ศิษย์พี่จะตั้งใจดูความสามารถของศิษย์น้องอย่างเต็มตา” หลิวเฮ่อหัวเราะเบาๆ ด้วยท่าทางที่สง่างาม ใบหน้าดั่งหยกสลักนี้ เล่นเอาสายตาของเหล่าศิษย์น้องหญิงหลายคนเบ่งบานเป็นประกาย
“เก้ามังกรทะยาน --ขั้นที่หนึ่ง!”
ฉินห่าวแค่นเสียงดัง พละกำลังทะยานเป็นสองเท่า แรงกดดันบนตัวเขาพุ่งสูงขึ้นกวาดไปทุกสารทิศ
“อะไร!?”
ทุกคนตกตะลึง หนังศีรษะของพวกเขาด้านชา เดิมพลังรบของฉินห่าวก็แก่กล้ามากพอแล้ว แต่ตอนนี้มันเพิ่มเป็นสองเท่า หรือก็คือเหมือนมีฉินห่าวเพิ่มขึ้นเป็นสองคน!
ใบหน้าของหลิวเฮ่อแปรเปลี่ยนไป เคร่งขรึมขึ้น
“ศิษย์พี่ ระวังตัวด้วย!”
ฉินห่าวเอ่ยประโยคหนึ่งด้วยความหวังดีและบรึ้ม! พื้นเวทีใต้เท้าเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งคนทั้งร่างหายวับไป
เอื้อมคว้าสวรรค์!
ม่านตาของหลิวเฮ้อหดลีบลง เขาไม่แม้จะสามารถสังเกตเห็นร่างของฉินห่าวได้
“ข้างหลัง!”
หลิวเฮ่อรู้สึกตัวได้ทัน ตามตัวเขาหลั่งไปด้วยเหงื่อเย็น กระนั้น มันก็สายเกินไปที่จะปัดป้อง
ตูม!
พรวดดด!
ร่างของหลิวเฮ่อถูกกระแทกกระเด็นออกมา เลือดกระฉูดจากปาก
ทุกคนตกตะลึงเมื่อเห็นภาพนี้ จากเดิมที่สถานการณ์คู่คี่ ตอนนี้มันพังทลายลงอย่างคาดไม่ถึง ไม่มีใครคิดว่าหลิวเฮ่อจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
บนแท่นสูง สีหน้าของผู้อาวุโสชุ่ยไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ฝีมือไม่ศิษย์เขาไม่ดีเท่าผู้อื่น ยังจะเอ่ยอะไรได้อีก?
โดนศิษย์น้องขอบเขตขจัดสิ่งโสมมขั้นเก้าทุบตี ยังมีหน้าจะให้พูดอะไรอีก?
“ศิษย์น้อง เจ้าร้ายกาจจริงๆ!”
หลิวเฮ่อเช็ดเลือดออกจากมุมปาก อุทานด้วยความชื่นชม
“ล่วงเกินศิษย์พี่แล้ว”
ฉินห่าวประสานมือคารวะ
“เอาล่ะ ในเมื่อศิษย์น้องแก่กล้าเช่นนี้ เห็นทีศิษย์พี่คงต้องเอาจริงบ้างเช่นกัน ไม่งั้นเกรงว่าข้าคงจะพ่ายแพ้เข้าจริงๆ”
หลิวเฮ่อพูดติดตลก ท่าทีอ่อนโยนและสง่างาม เวลานี้แปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เผยความเฉียบคมที่เก็บงำออกมา ราวกับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งออกจากฝัก
“หือ? เหตุใดถึงมีกลิ่นอายโลหิตจางๆโชยออกมาด้วย?”
ผู้อาวุโสทั้งห้าสัมผัสได้ถึงพลังนี้ พวกเขามองหน้ากัน ขมวดคิ้วทันที
“ฮี่ ฮี่ วิชาแต่ละอย่างก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป บางทีอาจเพราะหลิวเฮ่อสังหารสัตว์ร้ายมาเยอะ จึงเกิดกลิ่นอายเช่นนี้” ผู้อาวุโสชุ่ยไม่สนใจ อธิบายด้วยรอยยิ้ม