บทที่ 31
บทที่ 31
สุดท้ายก็ไม่แน่ใจว่าหลิวเฮ่อและหลิวเหอคือคนเดียวหรือไม่ แต่ยังไงก็ตาม คนที่ฉินห่าวต้องการสู้ด้วยนั้นอยู่ในนิกายเซียวเหยาแน่ๆ ลองท้าทายคนที่ชื่อคล้ายกันก่อนก็ไม่เห็นเป็นไร
“เจ้าต้องการท้าทายหลิวเฮ่อ? แน่ใจแล้วใช่ไหม?”
สีหน้าของผู้อาวุโสจินดูผิดปกติเล็กน้อย
“ข้าแน่ใจ”
“เช่นนั้นการทดสอบประเมินจะเริ่มในอีกสามวัน อะแฮ่ม ส่วนสมบัติในแหวนมิตินี้เจ้าเก็บไว้เถอะ รอให้เจ้าได้ขึ้นเป็นสาวกชั้นหนึ่งแล้วมียอดเขาเป็นของตัวเอง เมื่อนั้นค่อยแจกจ่ายมัน”
ผู้อาวุโสจินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ขอรับ” ฉินห่าวไม่ใช่คนเสแสร้งเกรงใจ แม้ของในแหวนมิติจะมีมากมาย แต่ระดับก็ไม่ถือว่าสูงนัก โดยทั่วไปแล้วสาวกระดับล่างๆก็สามารถใช้ได้
หลังจากนั้น ฉินห่าวก็อธิบายสถานการณ์ของสำนักเซี่ยเจี้ยนและกลุ่มเซี่ยถูอีกครั้ง หลังเล่าจบ ผู้อาวุโสแต่ละคนแสดงสีหน้าแตกต่างกันออกไป
...
ณ ยอดเขาเทียนหยุน
“ศิษย์ข้า สัตว์เลี้ยงของเจ้ามีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร?” ผู้อาวุโสเทียนหยุนมองแพนด้า เอาจริงขนปุกปุยของมันทำให้ดูน่ารักนิดหน่อย แต่ความน่ารักมันไม่ง่ายที่จะอยู่รอดในโลกแห่งผู้บำเพ็ญเพียร
“นี่คือสัตว์ร้ายที่ข้าเจอในพื้นที่เสี่ยง มันดูดีมากเลยเก็บมาด้วย”
ฉินห่าวไม่อธิบายอะไรมาก ยังไงซะเขากับอาจารย์ยังไม่คุ้นเคยกันนัก ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าอีกฝั่งมีบุคลิกยังไง
“อืม งั้นมาเปลี่ยนเรื่องกัน ในเมื่อเราผู้เฒ่ายอมรับเจ้าให้สืบทอดเสื้อคลุมจากข้าแล้ว ไหนลองบอกมาว่าเจ้าอยากได้อะไร?” เทียนหยุนไม่ได้เค้นถามอะไรมากเรื่องแพนด้า เพราะยังไงซะ กลิ่นอายของมันที่แผ่ออกมา บ่งบอกว่าพลังรบต่ำมาก
“ศิษย์อยากได้ทักษะฝึกที่ทรงพลังแบบระเบิดระเบ้อ เอาแบบช่วยเร่งความเร็วหรือเพิ่มพละกำลังทางกายภาพในพริบตา อีกอย่าง ศิษย์คิดว่าอาวุธของตัวเองยังอ่อนแอเล็กน้อย” เมื่อได้ยินคำถามนี้ ตาของฉินห่าวเป็นประกาย
เทียนหยุนหยิบค้อนศึกขึ้นตรวจสอบ เดิมเขาคิดในใจแค่ว่าอาวุธของศิษย์ช่างมีเอกลักษณ์นัก แต่พอเพ่งดูดีๆแล้วเขาก็ต้องอุทานออกมา “อาวุธระดับตี้ขั้นต้น?”
“ขอรับ อาจารย์พอจะช่วยยกระดับมันให้ข้าได้หรือไม่?”
“ได้สิ แต่คงช่วยให้มันยกระดับไปอยู่ในระดับตี้ขั้นกลางเท่านั้น หากสูงกว่านี้วัสดุจะหาได้ยากมาก” หลังจากครุ่นคิดพักหนึ่ง เทียนหยุนก็พยักหน้าอย่างปวดใจ
หลังจากที่ได้รับความเมตตาจากเทียนหยุน ฉินห่าวก็ตัดสินใจทันที ว่าต่อไปหากเจอของดีอะไรจะมอบให้แก่ท่านอาจารย์ เพราะการยกระดับอาวุธระดับตี้นั้นต้องใช้สมบัติเป็นจำนวนมาก ขนาดนิกายขั้นหนึ่งยังต้องพิจารณาอยู่นาน แต่เทียนหยุนกลับยอมทำให้เขาโดยไม่อิดออดใดๆ
ต้องรู้นะว่าอาวุธระดับตี้ขั้นกลางนั้น ในนิกายชั้นสองหลายแห่งยังไม่มีมันในครอบครอง ขนาดนิกายชั้นหนึ่งยังหาได้ยาก เป็นอะไรที่ขาดแคลนมาก
“ขอบคุณท่านอาจารย์!”
ฉินห่าวเกิดความประทับใจ แม้เขาจะรู้จักอาจารย์ผู้นี้ไม่ถึงวัน แต่อีกฝ่ายใจกว้าง และไม่ตระหนี่ มีคุณสมบัติให้เคารพเทิดทูน
“ส่วนเรื่องทักษะฝึก ...”
เทียนหยุนคิดพักหนึ่ง ก่อนหยิบทักษะสองสามอย่างออกมาแล้วพูดว่า “นี่คือทักษะสายลมเมฆาสวรรค์ มันสามารถปลดปล่อยพลังทั้งหมดในตัวเพื่อเพิ่มความเร็วได้ ส่วนนี่คือ ...”
ฉินห่าวอ่านตำราสองสามเล่ม และพบว่าทักษะเหล่านี้แม้ภายนอกอาจดูแข็งแกร่ง แต่มันยังไม่เพียงพอสำหรับเขา
“ท่านอาจารย์ เกรงว่าท่านจะไม่เข้าใจคำว่า ‘ระเบิดระเบ้อ’ ของศิษย์” ฉินห่าวกัดฟัน และพูดตรงๆ “ที่ข้าหมายถึง คือทักษะฝึกที่ต่อให้สร้างภาระอย่างหนัก ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บสาหัสหรือตายหลังใช้ก็ไม่เป็นไร”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าแพนด้าก็ดูแปลกไป
หัวใจของเทียนหยุนสั่นสะท้าน เขาย่อมมีทักษะฝึกเช่นนั้นอยู่ แต่จะมอบให้ศิษย์ตัวเองได้ยังไง?
อย่างไรก็ตาม หลังจากคิดถึงเรื่องที่ว่าสามวันต่อจากนี้ ศิษย์เขาต้องประลองกับหลิวเฮ่อซึ่งเป็นสาวกที่แก่กล้าเป็นอย่างมาก จึงเป็นเรื่องปกติที่ฉินห่าวจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน
“เอาล่ะ เช่นนั้นจงเอาสิ่งนี้ไป ‘เอื้อมคว้าสวรรค์’ มันจะช่วยปลดปล่อยศักยภาพด้านความเร็วอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่จะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บหลังใช้งาน”
“‘สลายโลหิต’ ทักษะนี้เหมาะสำหรับใช้ในสถานการณ์สิ้นหวัง เมื่อใช้แล้วจะสูญเสียเลือดส่วนใหญ่ในตัว หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะเสียชีวิต”
“‘เก้ามังกรทะยาน’ ทักษะนี้สามารถเพิ่มพลังรบได้เป็นสองเท่าในทุกๆขั้น ใช้ขั้นแรกเพิ่มสองเท่า ใช้ขั้นสองก็เพิ่มขึ้นอีกสองเท่า กระนั้น สี่ขั้นสุดท้ายของทักษะในตำรานี้ได้ขาดหายไป”
“‘ผลาญศักยภาพชั่วแล่น’ ทักษะนี้คือการระเบิดศักยภาพทั้งหมดในร่างกาย เผาผลาญรากฐาน พรสวรรค์ ฯลฯ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครคิดใช้มัน ดังนั้นไม่รู้ถึงผลลัพธ์ที่ตามมา”
หลังจากพูดจบ เทียนหยุนก็รู้สึกแปลกๆเล็กน้อย
ทักษะฝึกเหล่านี้ การมอบมันให้ศิษย์ของตัวเอง จะเป็นเรื่องดีจริงๆน่ะหรือ?