บทที่ 28
วันนี้ลง 28 - 34
บทที่ 28
“ฮี่ ฮี่ เจ้าเคยได้ยินเรื่องการเกิดใหม่ด้วยเลือดหยดเดียวไหม?” ฉินห่าวแหงนหน้ามองฟ้า สายตาตนคล้ายสามารถมองทะลุพื้นดินเบื้องบน
จากนั้น เขาฆ่าตัวตายอย่างลังเลภายใต้สายตาของแพนด้า
อย่างไรก็ตาม คราวนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง แม้ผ่านไป 10 วินาทีแล้ว แต่ร่างของฉินห่าวกลับยังไม่ปรากฏขึ้นในบริเวณนี้
“แล้วคนเล่า?”
แพนด้าเผยสีหน้าโง่งม กวาดสายตามองไปรอบๆ และพบว่าฉินห่าวได้หายไปแล้วจริงๆ
....
ระหว่างที่แพนด้ากำลังมองไปรอบๆ นักบวชก็พุ่งขึ้นมาถึงพื้นดินข้างบนแล้ว เขาทะยานไปบนท้องฟ้าทันที เมื่ออยู่สูงถึงค่อยถอนหายใจโล่งอก
“เจ้าหมอนั่นมันยังไงกันแน่? ข้าไม่เคยได้ยินได้เห็นวิชายุทธเช่นนี้มาก่อนเลย” นักบวชขมวดคิ้ว ไตร่ตรองขณะบิน
หากกล่าวว่านั่นคือวิชาที่สามารถแแยกร่าง อันนี้พอเข้าใจได้ แต่มันไม่มีทางที่จะแยกร่างได้มากมายขนาดนี้ถูกไหม? ขนาดตัวเขาในขอบเขตก่อเกิดจิตยังทำไม่ได้เลย
แต่ในตอนนั้นเอง
“นี่ นี่ ทำไมเจ้าบินเร็วจัง ผมข้าเสียทรงหมดแล้ว” ฉินห่าวปาดผมตัวเอง หัวเราะหยอกล้อ
นักบวชพลันตัวแข็งทื่อ เขาพูดไม่ออกเพราะเผลอกัดลิ้นตัวเองไปแล้ว เหลือบสายตากลับไป แล้วก็เห็นภาพที่ไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต
“โย่ว!”
ฉินห่าวในสภาพนอนคว่ำ แนบชิดติดตัว สองมือเท้าคางกำลังยิ้มทักทายเขา
“ชะ ... เชี่ย!”
นักบวชสิ้นหวัง ชายผู้นี้มาอยู่นอนอยู่บนหลังเขาได้อย่างไร? แล้วเหตุใดด้วยฐานบำเพ็ยเพียรขั้นก่อเกิดจิตของเขา ถึงไม่รู้สึกตัวเลย?
กร๊อบ ...!
ฉินห่าวยื่นสองมือไปจับคางของนักบวชอย่างกระฉับกระเฉง แล้วงัดหัวขึ้นข้างบน แยกมันจากลำคอ เลือดทะลักเป็นน้ำพุ ร่วงจากฟ้าตกลงพื้น
“เฮ้อ ที่ต้องตายเช่นนี้จะตำหนิข้าไม่ได้นา เป็นเจ้าเองที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ ไม่งั้นคนที่รักสันติอย่างข้า จะทำอะไรรุนแรงแบบนี้ได้ยังไง?”
ฉินห่าวใช้ผ้าห่อหัวนักบวช เขาถอนหายใจแล้วเดินกลับไปหาหมีแพนด้าที่กำลังสับสน
...
“เจ้าฆ่าเขาแล้วสินะ?”
แพนด้ามองฉินห่าวที่ถือห่อผ้าเปื้อนเลือด ก็พอจะทราบได้ แค่มันไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเร็วนัก
“อ่า ดูเหมือนเจ้าหมอนี่จะหมดใจสู้ เลิกป้องกันตัวเอง เลยจัดการได้ง่ายๆ” ฉินห่าวหัวเราะเย็นชา หากอีกฝ่ายยังดื้อรั้นสู้ต่อ เกรงว่ากว่าจะจบเรื่องคงอีกแปดวันสิบวัน
“น่าทึ่งมาก การกำเนิดใหม่ด้วยเลือดหยดเดียวของเจ้าร้ายกาจจริงๆ” แพนด้ายกนิ้วให้และยกย่อง
ฉินห่าวผงะ “ไม่คิดว่าด้วยอุ้งเท้าที่มี เจ้าจะทำท่ายากๆแบบนี้เป็นด้วย”
“ถึงเป็นอุ้งเท้า แต่เราอสูรเทพก็มีนิ้วโป้งไหม?”
แพนด้ารู้สึกเหมือนถูกดูหมิ่น เกือบอาเจียนเป็นเลือด
หลังจากนั้นระหว่างทางก็ไม่มีอะไรอีก
หนึ่งคนหนึ่งหมีเดินไปตามทางและกลับไปยังนิกายเซียวเหยา
ระหว่างทาง ฉินห่าวเอ่ยคำถามสองสามข้อที่ค้างคาใจออกมา
“เจ้าเคยอยู่ในขอบเขตใดมาก่อน? ทำไมถึงเรียกตัวเองว่าอสูรเทพ?”
“ก่อนผนึกตัวเองข้าอยู่ในขอบเขตผันแปรสู่เซียน และก่อนถูกขังในพื้นที่เสี่ยงส่วนลึก ข้าอยู่ในแดนสัจธรรม ดังนั้นจึงเรียกตัวเองว่าอสูรเทพ” แพนด้ายืดอก แหงนมองไปข้างหน้า
“อ่า อย่างงั้นหรอกหรือ”
ฉินห่าวกลอกตา หากกล่าวว่ามันอยู่ในขอบเขตผันแปรสู่เทพเขาเชื่อ แต่เขาไม่เชื่อเรื่องแดนสัจธรรม ตามบันทึกนิกายเซียวเหยา ขอบเขตนี้ไม่เคยปรากฏมานับหมื่นปีแล้ว
หลังจากการเดินทางอันยาวนานกว่าครึ่งเดือน ในที่สุดก็เห็นประตูภูเขาของนิกายเซียวเหยาจากระยะไกล
“นี่เจ้าอยู่ในนิกายนี้หรือ?”
แพนด้าเบิกตากว้าง เกิดอาการไม่อยากจะเชื่อ ด้วยความสามารถของฉินห่าว เหตุใดถึงอยู่นิกายซอมซ่อเช่นนี้?
“ใช่ มันอาจจะดูโทรมไปบ้าง แต่นิกายนี้ส่วนใหญ่มีบรรยากาศรักใคร่และสามัคคีกัน”
“หยุดเท้า!”
“พวกเจ้าเป็นใคร?”
สาวกนิกายสองคนที่เฝ้าประตูทางขึ้นเขาตะโกนห้าม
“เอ๊ะ? ที่แท้เป็นศิษย์พี่ คารวะศิษย์พี่!”
ทั้งสองตอนแรกไม่สังเกต แต่พอมองดูดีๆ ปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นฉินห่าว รีบทำความเคารพทันที
“อืม” ฉินห่าวพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
สาวกยามทั้งสองเปิดประตูอย่างว่าง่าย มองแผ่นหลังของหนึ่งคนหนึ่งหมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่ฉินห่าวถืออยู่ในมือ
...
ณ หอภารกิจ ที่นีมีผู้คนเข้าออกมากมายเหมือนเดิม
“ข้าฉินห่าว ขอส่งภารกิจ”
ฉินห่าวเดินไปหาสาวกต้อนรับ
“ได้สิ เอ๊ะ? ศิษย์พี่ฉินห่าว?”
สาวกตอนแรกตอบไปตามหน้าที่ แต่เมื่อได้ยินชื่อเขาก็อุทานออกมา
ทันทีที่คนอื่นๆได้ยินชื่อนี้ พวกเขาหยุดและหันหน้ามามองพร้อมกัน
ฉินห่าว “...”
เหตุใดพวกเจ้าถึงมองข้าแล้วเงียบไปพร้อมกันเช่นนี้?
ข้ากลัวนะเออ!