ตอนที่ 381 จอมกระหายเลือดเซี่ยเฟย
ตอนที่ 381 จอมกระหายเลือดเซี่ยเฟย
ดาอิมยังคงหมอบคลานอยู่บนพื้นขณะร้องขอให้เซี่ยเฟยไม่ไปทำร้ายคนในเผ่าของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน และเนื่องมาจากว่าดวงตาของเขามืดบอดเขาจึงไม่รู้ว่าจะสามารถควานหาชายหนุ่มได้จากตรงไหน
“นายหัวสิ่งที่ข้าพูดคือความจริงทั้งหมด แต่เพื่อที่จะเดินทางเข้าสู่ยานอวกาศของบรรพบุรุษ มันก็จำเป็นจะต้องใช้คริสตัลของหัวหน้าเผ่าทูรอนทั้งแปด ข้ายินดีที่จะเรียกหัวหน้าเผ่าที่เหลือมาให้กับท่าน หลังจากนั้นพวกเราจะเปิดยานของบรรพบุรุษให้ท่านได้เข้าไปด้านใน”
ท่าทางของดาอิมน่าเวทนาเป็นอย่างมาก และเนื่องมาจากว่าเขาเป็นชายชรามันจึงยิ่งทำให้สิ่งที่เขาทำดูน่าเวทนามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่อย่างไรก็ตามในมุมมืดที่ไม่มีใครสังเกตเห็นดาอิมที่กำลังเผยรอยยิ้มออกมาอย่างประหลาด
น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าเล่ห์กลแบบนี้จะสามารถหลอกลวงผู้อื่นได้ แต่มันก็ไม่สามารถหลอกสายตาของผู้ฝึกวิชาเนตรมนตราอย่างเซี่ยเฟยได้อยู่ดี
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาจากด้านข้างของดาอิมอย่างเงียบ ๆ โดยเขาได้ใช้วิชาพรางจิตเพื่ออำพรางตัวตนของเขาเอาไว้
ภาพที่เขาเห็นคือดาอิมส่งเสียงร้องไห้ขณะที่พยายามใช้จมูกสูดกลิ่นไปรอบ ๆ แต่โชคไม่ดีที่วิชาพรางจิตของชายหนุ่มไม่เพียงแต่จะเก็บซ่อนตัวตนเท่านั้น แต่มันยังช่วยลบกลิ่นอายของเขาให้ออกไปจากสภาพแวดล้อมด้วย
ทันใดนั้นดาอิมก็กระแทกฝ่ามือเข้าใส่ปุ่มกดปุ่มหนึ่งบนพื้นอย่างรุนแรง ทำให้พื้นที่ขนาดประมาณ 2 เมตรใต้ร่างของเขาจมลงในทันที
ในเวลาเดียวกันประตูบานเดียวที่นำไปสู่ห้องบัญชาการก็ถูกแผ่นโลหะหล่นลงมาปิดตายเอาไว้ และทำให้เซี่ยเฟยถูกขังเอาไว้ภายในห้องนั้น
ตูม!
ร่างของดาอิมหล่นกระแทกพื้นอย่างรุนแรงและทำให้เขากลิ้งไปมาอยู่หลายตลบ แต่ชายชราก็พยายามกัดฟันเพื่อระงับความเจ็บปวดและใช้แผ่นโลหะปิดช่องทางทางด้านบนเอาไว้
น่าเสียดายที่ดาอิมคำนวณผิดพลาดไปครั้งใหญ่ เพราะในขณะที่ร่างของเขาร่วงหล่นลงมาชายหนุ่มก็กระโดดตามลงมาอย่างเงียบ ๆ
ดาอิมพยายามใช้จมูกรับกลิ่นบริเวณโดยรอบ แต่เมื่อเขารู้สึกปลอดภัยแล้วเขาก็ยืดตัวขึ้นและสบถออกมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
“หึ ไอ้โง่เซี่ยเฟย! ไม่มีใครเคยบอกแกเหรอว่าเผ่าทูรอนไม่เคยรักษาสัญญากับใครทั้งนั้น”
“ตอนแรกฉันไม่รู้จริง ๆ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว” เซี่ยเฟยส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยรอยยิ้ม
พริบตาต่อมารอยยิ้มบนใบหน้าของดาอิมก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ขณะเดียวกันใบหน้าที่เคยมีสีเขียวอยู่แล้วกลับดูเขียวคล้ำมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
—
ราคาที่ดาอิมกล้าคิดร้ายกับเซี่ยเฟยคือการเสียสละชีวิตนักสู้ภายในเผ่าถึง 2,000 คน มันจึงทำให้พื้นทรายและพื้นหญ้าบริเวณนั้นนองไปด้วยโลหิต และทำให้กลิ่นอายในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นเลือดที่น่าสะอิดสะเอียน
“นายท่านไหนนายท่านบอกว่าหากพวกเรากล้าโจมตีนายท่านอีกครั้ง นายท่านจะสังหารชาวเผ่าเราเพียงแค่ 1,000 คน แล้วทำไมนายท่านถึงสังหารชาวเผ่าเราถึง 2,000 คนแบบนี้?” ดาอิมกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าอันโศกเศร้าและน้ำเสียงของเขาก็กำลังสั่นสะท้านอย่างไม่สามารถควบคุมได้
“ในเมื่อหัวหน้าเผ่าเป็นคนทำผิด บทลงโทษก็ควรจะต้องถูกเพิ่มเป็น 2 เท่านี่นา” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเย็นชา
ครั้งนี้อันธไม่คิดที่จะกล่าวขัดเซี่ยเฟยขึ้นมาอีกแล้ว เพราะพวกมันได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเผ่าทูรอนเป็นเผ่าพันธุ์ที่เจ้าเล่ห์และไม่สามารถจะเชื่อถือในสิ่งที่ออกมาจากปากของพวกมันได้เลย
วิธีจัดการกับเผ่าพันธุ์เจ้าเล่ห์แบบนี้คือการทำให้พวกมันรู้สึกหวาดกลัว เพียงแต่จำนวนของศัตรูที่เซี่ยเฟยได้ฆ่าไปทำให้อันธรู้สึกว่าชายหนุ่มกำลังกลายเป็นคนที่กระหายเลือดมากขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตามโดยปกติเซี่ยเฟยก็ไม่เคยแสดงความเมตตาต่อศัตรู แต่ในครั้งนี้สถานการณ์ได้แตกต่างออกไปและมันอาจจะเป็นเรื่องความปลอดภัยของแอวริล มันจึงทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและเริ่มสังหารสิ่งมีชีวิตเป็นจำนวนมากแบบนี้
“ฉันจะให้โอกาสพวกแกอีกแค่ครั้งเดียว ถ้าครั้งนี้พวกแกยังคิดจะเล่นตุกติก ฉันจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของพวกแกให้หมด” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
คำพูดของชายหนุ่มทำให้ร่างของดาอิมสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรง และเมื่อต้องเผชิญกับความเลือดเย็นของเซี่ยเฟย มันก็ทำให้เขาได้สูญเสียความกล้าหาญภายในใจของเขาไปแล้ว
“รีบไปเรียกผู้นำเผ่าทั้งเจ็ดมาเดี๋ยวนี้ แล้วเปิดทางเข้าไปในยานอวกาศของบรรพบุรุษพวกแกซะ” เซี่ยเฟยสั่งการซึ่งดาอิมก็ทำได้แต่พยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไรตอบกลับมา
—
ปัจจุบันเซี่ยเฟยกำลังบังคับเบโอเนทบินไปทางทุ่งหญ้าทางทิศตะวันตก พร้อมกับดาอิมและชายชาวทูรอนที่ชื่อมูลิมอีกคน
กระป๋องไม่รู้ว่ามนุษย์ต่างดาวตัวเขียวทั้งสองคนนี้ถูกเซี่ยเฟยจับมาเป็นเชลย มันจึงทำการเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มให้กับเชลยทั้งสองอย่างกระตือรือร้น
มูลิมมองดูกระป๋องด้วยความประหลาดใจ และการที่เครื่องจักรสามารถเคลื่อนไหวอย่างมีสติปัญญาเช่นนี้ได้มันก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์สำหรับชาวทูรอนที่ล้าหลัง
“บินผ่านหุบเขาหิมะลูกนั้นไป แล้วท่านจะเจอกับหมู่บ้านของยาอิม” มูลิมกล่าว
ชื่อของคนชนเผ่านี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกปากกระตุก ซึ่งนอกเหนือจากพวกเขาจะใช้ภาษาอันแปลกประหลาดแล้ว ชื่อลงท้ายของพวกเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่ลงท้ายด้วยคำพ้องกับคำว่าอิมกันทั้งหมด
หลังจากบินไปสักพักชายหนุ่มก็ได้เห็นกลุ่มกระโจมบริเวณเชิงเขา ซึ่งหมู่บ้านนี้ดูมีประชากรเยอะกว่าหมู่บ้านของดาอิมอย่างเห็นได้ชัด
ระหว่างที่เบโอเนทบินผ่านท้องฟ้ามันได้ก่อให้เกิดปรากฏการณ์โซนิคบูม และถึงแม้ว่าในตอนนี้จะไม่ใช่ช่วงฤดูหนาวแต่มันก็มีหิมะสะสมอยู่บนยอดเขาเป็นจำนวนมาก
เมื่อหิมะได้ปะทะกับกระแสลมจากเบโอเนท มันก็ก่อให้เกิดเหตุการณ์หิมะถล่มกลืนกินพื้นที่ 1 ใน 3 ของกระโจมพวกเขาไปในทันที
เหล่าบรรดาชาวทูรอนด้านล่างมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความสยดสยอง ซึ่งตามความเชื่อของพวกเขาเหตุการณ์หิมะถล่มคือการที่พวกเขาได้รับบทลงโทษจากเทพเจ้า ที่สำคัญในครั้งนี้มันก็ดูเหมือนกับว่าพวกเขาจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงอีกด้วย
ภาพตรงหน้าถึงกับทำให้มูลิมพูดไม่ออก เพราะมันเห็นได้ชัดเลยว่าเซี่ยเฟยจงใจก่อให้เกิดเหตุการณ์หิมะถล่มลงมา และมันก็ทำให้เขาแอบดีใจที่หมู่บ้านของเขาไม่ได้ประสบกับความโชคร้ายแบบนี้ เพราะเมื่อเทียบกับการที่กระโจมถูกหิมะถล่มหายไป 1 ใน 3 แล้ว มันก็ทำให้การสูญเสียนักรบไปเพียงแค่ 2,100 คนดูเป็นความเสียหายเล็ก ๆ ไปเลย
เบโอเนทค่อย ๆ ร่อนลงจอดอย่างช้า ๆ พร้อมกับเซี่ยเฟยที่เดินลงมาจากยานอวกาศด้วยใบหน้าอันเย็นชา
“ไปเรียกยาอิมมาหาฉันเดี๋ยวนี้!” เซี่ยเฟยตะโกนเสียงดัง
นักสู้ทูรอนในหมู่บ้านใหม่ยังไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร พวกเขาจึงค่อย ๆ เดินเข้าหาเซี่ยเฟยอย่างช้า ๆ พร้อมกับถือหอกที่สามารถปล่อยแสงเลเซอร์ได้เอาไว้ในมือ
ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเย็นชา ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปหักคอนักรบตรงหน้าด้วยการออกแรงเพียงครั้งเดียว
กร๊อบ!
นักสู้ทูรอนพยายามพุ่งเข้าหาเซี่ยเฟยด้วยความโกรธ แต่จู่ ๆ ร่างของชายหนุ่มก็หายไปอีกครั้งและทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวขึ้นมาก็จะมีศพของนักสู้ทูรอนที่ถูกหักคออยู่ในมือ
ไม่มีใครมองเห็นว่าเซี่ยเฟยทำการเคลื่อนไหวได้อย่างไร และเมื่อพวกเขาต้องอยู่ต่อหน้ายอดนักสู้ที่มีความเร็วมากกว่า 10,000 เมตรต่อวินาที มันก็ทำให้ทุก ๆ การโจมตีของชนเผ่าทูรอนกลายเป็นเรื่องไร้ประโยชน์
กร๊อบ! กร๊อบ! กร๊อบ! …
เพื่อสร้างความหวาดกลัวในจิตใจของนักรบทูรอน เซี่ยเฟยจึงจงใจไม่ใช้อาวุธและทิ้งศพคอหักเอาไว้ตามทาง มันจึงทำให้สถานที่ที่เขาเดินผ่านไปถูกทิ้งเอาไว้ด้วยกองซากศพที่อยู่ด้านหลัง
ปกตินักรบทูรอนจะยอมจำนนได้ยากมากเว้นแต่ว่าพวกเขาจะเสี่ยงสูญเสียสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขาไปจริง ๆ แต่สิ่งที่เซี่ยเฟยได้แสดงออกมาทำให้ชายหนุ่มเปรียบเสมือนกับเทพเจ้าแห่งการสังหาร และถ้าหากว่าพวกเขายังไม่ยอมจำนนประชาชนในหมู่บ้านของพวกเขาก็คงจะถูกหักคอกันจนหมด
ในที่สุดนักสู้คนหนึ่งก็คุกเข่ายอมจำนนบนพื้นแต่เซี่ยเฟยก็ยังคงไม่หยุดการสังหาร เพราะเขาได้เรียนรู้แล้วว่าเผ่าทูรอนไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่สามารถไว้วางใจได้
เมื่อเวลาผ่านไปบนพื้นก็ถูกทิ้งไว้ด้วยกองซากศพนับพัน หัวหน้าหมู่บ้านอย่างยาอิมจึงไม่สามารถทนรับความเสียหายได้ เขาจึงก้าวเท้าออกมานอกกระโจมและคุกเข่ายอมจำนนแทบเท้าของเซี่ยเฟย
“นายท่านข้าชื่อยาอิมเป็น 1 ใน 8 ผู้นำของชนเผ่าทูรอน ข้าขอวิงวอนให้นายท่านช่วยไว้ชีวิตคนของข้าด้วย” ยาอิมกล่าวพร้อมกับหยดน้ำตาที่เริ่มหลั่งไหลออกมาเป็น 2 สาย
“แกคือยาอิมใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
“ขอรับนายท่าน”
“มากับฉันแล้วเอาคริสตัลสีดำของแกมาด้วย”
—
ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปอีกนานหลายปี แต่มันก็ยังคงมีตำนานจอมกระหายเลือดเซี่ยเฟยในเรื่องเล่าของชาวทูรอน
ว่ากันว่าจอมกระหายเลือดรายนี้ขับยานเหล็กลงมาจากท้องฟ้าและสังหารชาวทูรอนมากกว่า 100,000 คนในวันเดียว จากนั้นเขาก็พิชิตหมู่บ้านทั้งแปดและทำให้ทุกคนต้องยอมศิโรราบแทบเท้าของเขา
วิธีการที่จอมกระหายเลือดเซี่ยเฟยใช้นั้นง่ายมากคือการสังหารทุกคนที่ขวางทาง และเมื่อมันได้มีซากศพกองทับถมกันเป็นภูเขา มันก็ทำให้แม้แต่นักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่เหลือความกล้าที่จะต่อต้านอีกต่อไป
เมื่อไหร่ก็ตามที่เด็กไม่ยอมนอนพ่อแม่ของเขาก็จะขู่ว่าจอมกระหายเลือดเซี่ยเฟยกลับมาแล้ว ซึ่งมันก็จะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกหวาดกลัวและพยายามอธิฐานขอว่าอย่าให้จอมกระหายเลือดกลับมายังดาวดวงนี้อีกเลย
แน่นอนว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเล่าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
—
ย้อนกลับมาในปัจจุบันผู้นำทั้งแปดของชนเผ่าทูรอนต่างก็ยืนเรียงแถวรอฟังคำสั่งของชายหนุ่มด้วยร่างที่สั่นเทา โดยในแววตาของทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ซึ่งในตอนนี้มันก็ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของชายหนุ่มตรงหน้าอีกต่อไป
“นี่คือยานรบของบรรพบุรุษพวกแกที่ยังมีสมองของหนอนยักษ์อยู่ในนั้นใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังภูเขาสูงที่อยู่ตรงหน้า
ผู้นำเผ่าทั้งแปดต่างก็พยักหน้ารับซ้ำ ๆ โดยไม่มีใครกล้าโกหกเลยแม้แต่น้อย
เมื่อพิจารณาจากขนาดของภูเขา ในอดีตมันก็ควรจะเป็นยานรบที่มีขนาดไม่ด้อยกว่ายานบัญชาการในปัจจุบัน และมันก็ทำให้เขาไม่สามารถจินตนาการได้จริง ๆ ว่ามันมีสิ่งมีชีวิตร่างยักษ์ขนาดนี้ได้ยังไง
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้” เซี่ยเฟยสั่ง
ผู้นำเผ่าแต่ละคนเริ่มใส่คริสตัลสีดำลงไปในช่อง จากนั้นพวกเขาก็ใช้พลังพิเศษเพื่อถ่ายเทพลังงานเข้าไปในคริสตัล
ทันใดนั้นกำแพงภูเขาก็ขยับออกไปด้านข้างพร้อมกับเสียงดังสนั่น เผยให้เห็นทางเดินทอดยาวที่ด้านหน้าเต็มไปด้วยความมืดมิด
เซี่ยเฟยยังไม่รีบร้อนที่จะเดินเข้าไปแต่หยุดรอสักครู่เพื่อให้อากาศได้มีการถ่ายเท จากนั้นเขาก็ทำการติดตั้งเซเลสเชียลมูนเอาไว้ที่แขนขวาก่อนที่เขาจะออกเดินไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าที่มั่นคง
***************
วีรกรรมของพี่เฟยถึงกับกลายตำนานหลอกเด็กของชาวทูรอนกันเลยทีเดียว โหดสุดๆไปเล้ยยย