ตอนที่ 296 ความลับของเผ่าอสูร (ฟรี)
ตอนที่ 296 ความลับของเผ่าอสูร
***เผ่าอสูรใช้เรียกสัตว์ที่มีสติปัญญา ดั่งเช่นวานรสวรรค์ก่อนหน้านี้นะครับ ถ้าไม่มีสติปัญญาจะเรียกสัตว์ร้ายนะครับ
การลอบสังหารของผู้ฝึกฝนขอบเขตศักดิ์สิทธิ์!
เรื่องของการประกาศิต
ตราบใดที่มีคนเห็น มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนเรื่องนี้ 100%
ดังนั้น …
ข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องโถงเฉิงหวู่ได้แพร่กระจายไปแล้ว
ในดินแดนจิตวิญญาณ
ผู้ฝึกฝนขอบเขตศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูง
ผลที่ตามมาของการตายของผู้ฝึกฝนขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ทำให้เกิดความปั่นป่วน
แต่เมื่อเทียบกับขอบเขตศักดิ์สิทธิ์…
ประกาศิตน่าตกใจยิ่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะ …
การปรากฏตัวของประกาศิตหมายความว่าการดำรงอยู่ขอบเขตสวรรค์ได้เคลื่อนไหวโจมตีนิกายหยวน
หากเป็นนิกายใหญ่ธรรมดาของดินแดนจิตวิญญาณ มันจะถูกทำลายในพริบตาหากเป้าหมายคือนักรบที่ทรงพลังระดับนั้น
อย่างไรก็ตาม นิกายหยวนแตกต่างออกไป
ฉินซู่เจียน ยอดปรมาจารย์ค่ายกล เป็นตัวตนที่แตกต่างออกไปอย่างน่าประหลาดใจ
นอกจากนี้ …
จากข่าวนี้ ทุกคนสังเกตเห็นสิ่งหนึ่ง
นั่นก็คือ …
จุดอ่อนเดียวของนักวางค่ายกลคือหากสร้างค่ายกลไม่สำเร็จ ก็จะไม่สามารถปลดปล่อยพลังเต็มที่ได้
ดังนั้น ถ้าต้องการจัดการกับยอดปรมาจารย์ ต้องมีพลังมากจนเกินพอที่จะจัดการกับค่ายกล หรือใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริงที่ว่าอีกฝ่ายยังสร้างค่ายไม่เสร็จและฆ่าโดยตรง
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า…
แม้แต่ประกาศิต ที่มีการโจมตีของขอบเขตสวรรค์ก็ไม่สามารถฆ่าฉินซู่เจียนได้
เขามีสิ่งประดิษฐ์เต๋าสองชิ้นเพื่อป้องกันตัวเอง
เขาอยู่ในตำแหน่งที่อยู่ยงคงกระพัน
ประกาศิต?!
ลอร์ดเป่ยหยุน เป็นคนแรกที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประกาศิต
ในห้องโถงใหญ่
ชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนนักวิชาการพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “การลอบสังหารด้วยประกาศิตไม่สามารถทำอะไรยอดปรมาจารย์ค่ายกลคนนั้นได้ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งขึ้นจริงๆ”
“ไม่ดีหรือไง? ยิ่งเขาแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อมณฑลเป่ยหยุนของเรามากเท่านั้น”
ลอร์ดเป่ยหยุนยิ้มอย่างเฉยเมย
“แต่ กู่ฉางชิงโง่จริงๆ!”
เรื่องของประกาศิต เพียงใช้สมองยืนยันโดยพื้นฐานแล้วก็รู้ว่าเป็นลอร์ดเฉียนซานที่เป็นทำ
ตอนนี้ ลอร์ดเฉียนซานแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรากฐานของเขา และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะยอดปรมาจารย์ค่ายกลสองคน
ตอนนี้ มณฑลเป่ยหยุนมียอดปรมาจารย์อีกคน
นี่เป็นภัยคุกคามที่มองไม่เห็นต่อลอร์ดเฉียนซาน
อย่างไรก็ตาม ยอดปรมาจารย์แตกต่างจากคนอื่นๆ
ในสนามรบ
ยอดปรมาจารย์ค่ายกลเป็นเหมือนเพชฌฆาต แม้แต่ผู้ฝึกฝนขอบเขตสวรรค์สองสามคนที่ร่วมมือกันก็อาจไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้
หากพวกเขาต้องการโจมตีลอร์ดเฉียนซาน…
เขาต้องจัดการกับยอดปรมาจารย์ทั้งสอง
หากลอร์ดเป่ยหยุนไม่มั่นใจว่าเขาสามารถดึงฉินซู่เจียนมาที่ฝ่ายของเขาได้ การกระทำของ ลอร์ดเฉียนซาน ก็เทียบเท่ากับการผลักดันฉินซู่เจียนไปยังราชสำนัก
“ท่านลอร์ด ฉินซู่เจียนจะรู้ว่าใครคือผู้ร้ายหรือไม่?”
“เจ้ากำลังประเมินเขาต่ำไป” ลอร์ดเป่ยหยุนส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า "มีบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องบอก เขาย่อมรู้โดยธรรมชาติ ข้าคิดว่าอีกไม่นานราชโองการของจักรพรรดิมนุษย์จะมาถึงอีกครั้ง ในเวลานั้น ข้าเกรงว่ามณฑลเป่ยหยุนของเราจะต้องส่งกองกำลังออกไปอีกครั้ง”
“กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังกู่ฉางชิงถูกซ่อนไว้อย่างดี คนของเราพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะสืบสวน แต่เราไม่พบเงื่อนงำที่เป็นประโยชน์มากนัก แต่เรากลับสูญเสียผู้เชี่ยวชาญประทับเทพ และผู้ฝึกฝนขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ไปสองสามคน
“จะมีกองกำลังใดอีกในอาณาจักรต้าจ้าวจะกล้าต่อต้านราชสำนัก?”
“ท่านลอร์ด ถ้าเป็นพวกอสูรก็ย่อมเป็นไปได้”
“นั่นก็เป็นไปได้” ลอร์ดเป่ยหยุน พยักหน้าและพูดอย่างเฉยเมยว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกมันถูกปราบปรามในเทือกเขาไร้สิ้นสุด และไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้มานานแล้ว พวกมันต้องการพุ่งเข้าใส่อาณาจักรต้าจ้าวมาโดยตลอดและปล้นเอาเลือดเนื้อของเรา ในแง่ของความแข็งแกร่ง พวกมันมีคุณสมบัติที่จะต่อกรกับราชสำนักได้”
"แต่ …"
ลอร์ดเป่ยหยุน เปลี่ยนหัวข้อและพูดอีกครั้งว่า “จักรพรรดิอสูรได้รับบาดเจ็บสาหัสจากจักรพรรดิมนุษย์ในตอนนั้น หลังจากผ่านไปหลายพันปี ไม่ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ยังเป็นคำถาม เป็นไปได้ไหมว่าอาการบาดเจ็บของจักรพรรดิอสูรจะหายเป็นปกติแล้ว?”
การกล่าวถึงจักรพรรดิอสูร เขามีสีหน้าเคร่งเครียดบนใบหน้า
เผ่ามนุษย์มีปรมาจารย์สูงสุดเช่นจักรพรรดิมนุษย์ และเผ่าอสูรก็มีจักรพรรดิอสูรเพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์ของพวกเขาเช่นกัน
ย้อนกลับไปในตอนนั้น จักรพรรดิมนุษย์สามารถปกครองโลก และสร้างรากฐานของอาณาจักรต้าจ้าวซึ่งกินเวลานานนับพันปี เพราะเขาต่อสู้กับเผ่าอสูรอย่างน่าเศร้า
ผลลัพธ์สุดท้าย
แม้ว่าจักรพรรดิอสูรจะพ่ายแพ้ เขาก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสและล่าถอยไปยังเทือกเขาไร้สิ้นสุดพร้อมกับเผ่าอสูร
แม้ว่าจักรพรรดิอสูรจะพ่ายแพ้ต่จักรพรรดิมนุษย์
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าจักรพรรดิอสูรอ่อนแอ
ในทางตรงกันข้าม
เพื่อให้สามารถต่อสู้กับจักรพรรดิมนุษย์ และแม้กระทั่งอยู่รอดหลังจากพ่ายแพ้ ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายก็ถึงระดับที่สั่นสะเทือนสวรรค์แล้ว
นั่นคือหากอาการบาดเจ็บของจักรพรรดิอสูรหายดีจริงๆ
เช่นนั้นเผ่าอสูรจะเป็นปัญหาใหญ่
“อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างที่ข้าไม่เข้าใจ ในเมื่อจักรพรรดิอสูรพ่ายแพ้ เหตุใดจักรพรรดิมนุษย์จึงไม่ถือโอกาสเข้าไปในเทือกเขาไร้สิ้นสุด และกำจัดเผ่าอสูรให้หมดสิ้นโดยไม่ทิ้งปัญหาในอนาคตไว้?”
“เผ่าอสูรมีมาตั้งแต่สมัยสร้างโลก มรดกของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่เราเผ่ามนุษย์สามารถเปรียบเทียบได้ เทือกเขาไร้สิ้นสุดเป็นแหล่งกำเนิดของพวกมัน มันไม่ง่ายเลยที่จะฆ่าพวกมันให้หมด”
ลอร์ดเป่ยหยุน ส่ายหัวและพูดว่า
“ถ้าพวกเราสามารถฆ่าเบิกทางเข้าไปในเทือกเขาไร้สิ้นสุดได้จริงๆ เผ่าอสูรก็จะไม่มีที่อยู่อาศัยอีก อย่างไรก็ตามมีบางสิ่ง…”
เขาไม่อยากพูดมากเกินไป
เขาเปลี่ยนหัวข้อและพูดอย่างใจเย็น “แต่จักรพรรดิมนุษย์เคยกล่าวไว้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่อาการบาดเจ็บของจักรพรรดิอสูรจะหายดี และเขาอาจเสียชีวิตแล้วก็ได้ในหลายปีมานี้ ส่งคนไปเฝ้าดูความเคลื่อนไหวเบื้องหลังกู่ฉางชิงต่อไป”
"ขอรับ!"
—
ฉินซู่เจียน ไม่สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกภายนอก
เรื่องที่ ลอร์ดเฉียนซานส่งคนมาลอบสังหารเขาสร้างความคับแค้นใจ
อย่างไรก็ตาม ลอร์ดเฉียนซานเป็นกองกำลังกบฏที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ เขามีกองทหารมากกว่าหนึ่งล้านนาย และผู้เชี่ยวชาญมากมายอยู่เคียงข้างเขา มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฉินซู่เจียนที่จะเผชิญหน้าด้วยตัวเอง
และ … ตอนนี้นิกายหยวนเพิ่งเริ่มรับสมัครศิษย์ ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องจัดการ เขาไม่สามารถจัดการหลายสิ่งหลายอย่างพร้อมกันได้ในขณะนี้
หลังจากสร้างหอค่ายกลแล้ว
ฉินซู่เจียน ใช้สถานะของเขาในฐานะยอดปรมาจารย์ค่ายกลเพื่อทดสอบ นักวางค่ายกลทั้งสิบสามคนอีกครั้ง
ในท้ายที่สุด มีคนหนึ่งได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าหอค่ายกล ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้รับสถานะของผู้อาวุโสฝ่ายใน
สำหรับความภักดีของคนๆ นั้น
เมื่อสถานะของเขาเปลี่ยนไป มันก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 70 จุดแล้ว
ตัวเลขนี้ไม่ถือว่าสูง อย่างไรก็ตาม มันก็เพียงพอแล้วสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน
ความภักดีมากกว่า 70 แต้ม
ตราบใดที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ก็แทบจะไม่มีโอกาสทรยศ เมื่อเวลาผ่านไป ความภักดีของเขาจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอน หากฉินซู่เจียน สังเกตเห็นว่าความภักดีของอีกฝ่ายยังคงลดลง ...
เช่นนั้นตำแหน่งของเขาในฐานะหัวหน้าหอก็ถือว่าสิ้นสุดลงเช่นกัน
สำหรับ ซู่จินที่ จางเทียนหยูพูดถึง …
ฉินซู่เจียนยังใช้ต้องเวลาในการสังเกตสถานการณ์
ท้ายที่สุด อีกฝ่ายมีพรสวรรค์อย่างมากในเต๋าค่ายกล และความรู้ของเขาเกี่ยวกับค่ายกลมีมากมาย แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงนักวางค่ายกลระดับกลาง แต่ความรู้ของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าระดับสูง
เมื่อเวลาผ่านไป ฉินซู่เจียนมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าอีกฝ่ายจะทะลวงไปยังรดับถัดไปได้
ที่สำคัญกว่า …
อายุของอีกฝ่ายไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ
เขาอยู่ในระดับห้าของขอบเขตจิตวิญญาณแล้ว ขั้นเหาะเวหาตั้งแต่อายุยังน้อย ในเวลาเดียวกัน เขาเป็นนักวางค่ายกลระดับกลาง ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ในการบ่มเพาะหรือค่ายกล เขาถือว่าเป็นหนึ่งในอัจริยะ
ดังนั้น, ฉินซู่เจียน จำชื่อ 'ซู่จิน' ได้อย่างแท้จริง
หากคนมีพรสวรรค์ดังกล่าวได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสม…
บางที นิกายหยวนอาจมีปรมจารย์ค่ายกลอีกคน
สำหรับยอดปรมาจารย์…
เขาไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถฝึกฝนยอดปรมาจารย์ได้
มันยากที่จะเป็นยอดปรมาจารย์ แม้ว่าฉินซู่เจียนเองจะเป็นยอดปรมาจารค่ายกล แต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถเลี้ยงดูคนอื่นให้ทัดเทียมกับเขาได้
และหลังจากสร้างหอค่ายกลแล้ว
เขายังย้ายนักวางค่ายกล 30 คนจากจวนเป่ยหยุนไว้ในนั้นด้วย
เขาสัญญากับเซียวฮงก่อนหน้านี้
ส่งคืนนักวางค่ายกลระดับสูงอย่างน้อยสองคนให้อีกฝ่ายภายในสามปี
คำที่ได้กล่าวไปแล้ว เขาม่มีทางเป็นไปได้ที่จะผิดสัญญา
30 คนส่วนใหญ่เป็นนักวาลค่ายกลระดับต่ำ และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นระดับกลาง ด้วยจำนวนนักวางค่ายกลระดับสูงในหอค่ายกล การสอนความรู้เกี่ยวกับค่ายกลจึงไม่ใช่เรื่องยาก
ในเวลาเดียวกัน
“ข่าวเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อคนในหอทั้งสาม การปรุงยา การตีเหล็ก และค่ายกลก็แพร่กระจายไปทั่วนิกาย
“ระดับต่ำหนึ่งร้อย ระดับกลางห้าร้อย ระดับสูงสองพัน และปรมาจารย์หนึ่งหมื่น นี่ดีจริงๆ!
“ฮ่าฮ่า ข้าอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับเด็กฝึกงานแล้ว และคะแนนประสบการณ์ของการกลั่นเม็ดยา อีกไม่นานข้าก็จะได้เลื่อนขั้นเป็นนักปรุงยาระดับต่ำ!”
“ข้าอยากรู้ว่า มันจะสายไปไหมที่จะเรียนรู้ค่ายกลในตอนนี้?”
เมื่อข่าวประกาศออกไป บางคนดีใจ ในขณะที่บางคนเสียใจ
สำหรับผู้เล่น หอทั้งสามนั้นคล้ายกับการมีอยู่ของคลาสรอง
การบ่มเพาะเป็นคลาสหลัก
สำหรับคลาสรอง ไม่มีความขัดแย้งระหว่างทั้งสอง
เมื่อหอทั้งสองถูกสร้างขึ้นครั้งแรก ผู้เล่นจำนวนมากได้เข้าร่วม และเรียนรู้ความรู้พื้นฐานบางอย่าง อย่างไรก็ตาม พวกเขาส่วนใหญ่เป็นเพียงเด็กฝึกงาน ไม่มีแม้แต่ระดับ
และตอนนี้ก็มีการประกาศรางวัลแบบนี้
เฉพาะคนที่อยู่ในระดับพื้นฐานอย่างน้อยที่สุดเท่านั้นที่สามารถเพลิดเพลินกับรางวัลดังกล่าวได้
ศิษย์นิกายหยวนหลายคนที่ติดอยู่ที่คอขวดตัดสินใจ และเตรียมที่จะฝ่าระดับในปัจจุบัน
หนึ่งต้องรู้ คะแนนสนับสนุน 100 แต้มดูเหมือนจะไม่มาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยเลย
ยิ่งกว่านั้น หยดน้ำเล็กๆ จำนวนมากทำให้เกิดมหาสมุทร
นั่นเป็นรายได้จำนวนมาก
ไม่ต้องพูดถึง…
รางวัลเป็นเรื่องรอง เมื่อคลาสรองถูกจัดระดับแล้ว ไอเทมที่ได้รับการสร้างจะอยู่บนโต๊ะอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าพวกมันจะถูกขายหรือมอบให้กับนิกาย พวกเขาก็สามารถได้รับคะแนนสนับสนุนจำนวนมากเป็นรางวัล
ในอีกด้านหนึ่ง
เมื่อทุกคนสนใจรางวัลใหม่
ในทางกลับกัน ฉินซู่เจียนได้ใช้ค่าชีวิตหนึ่งล้านแต้มเพื่อออกภารกิจขนาดใหญ่ให้กับผู้เล่นทุกคนในนิกายหยวนผ่านระบบ
รายละเอียดภารกิจ
“เมื่อท่านเข้าไปในมณฑลเฉียนซาน และสังหารผู้เชี่ยวชาญภายใต้ลอร์ดเฉียนซานได้จะได้รับรางวัลแตกต่างกันไปตามระดับของผู้เชี่ยวชาญที่ถูกสังหาร”
สำหรับผู้เล่น หลังจากที่พวกเขาเห็นการแจ้งเตือนภารกิจ พวกเขาก็ตกตะลึง
ดวงตาของพวกเขาทั้งหมดสว่างขึ้น และหัวใจของพวกเขาก็เร่าร้อนด้วยความหลงใหล
โดยเฉพาะภารกิจสุดท้าย
“หากท่านฆ่าผู้ฝึกฝนขอบเขตสวรรค์หรือยอดปรมาจารย์ค่ายกล ท่านจะได้รับรางวัลเป็นสิ่งประดิษฐ์เต๋าขั้นสอง และคะแนนสนับสนุนหนึ่งล้านแต้ม”
หลังจากเห็นสิ่งนี้
ทุกคนอยู่ในความโกลาหล
แม้ว่าภารกิจนี้จะยากมากและอาจถือได้ว่าเป็นภารกิจระดับมหากาพย์ แต่สำหรับผู้เล่นตราบใดที่มีการออกภารกิจ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ
อย่างมากที่สุดเป็นเรื่องของความน่าจะเป็น