CD บทที่ 376 โอ้ นั่นมันลุงสองไม่ใช่เหรอ?
ราว ๆ ตอนเที่ยง ในที่สุด ฝนก็หยุดตก ดวงอาทิตย์ซึ่งไม่ได้ออกมานานแล้วได้แสดงใบหน้าที่ยิ้มแย้มและนำความอบอุ่นมาสู่เมืองหลังฝนกระหน่ำตกมาหลายวัน
แต่ฤดูร้อนก็ยังเป็นฤดูร้อนอยู่วันยังค่ำ ดวงอาทิตย์เพิ่งขึ้นได้ไม่นาน อุณหภูมิก็เปลี่ยนไป ความอบอุ่นที่น่ารักกลายเป็นความร้อนระอุจนความชื้นไม่อาจทนไม่ได้
จ้าวหยู่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารกลางวันในร้านบะหมี่ซึ่งเปิดเครื่องปรับอากาศแล้ว เขานั่งใกล้หน้าต่าง มองออกไปที่เม็ดฝนบนกิ่งไม้ด้านนอก เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับคดีที่ซับซ้อน
สิ่งที่หลี่เหมิงฉีพูดทำให้เขาได้รับเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับเหยื่อในคดีหญิงสาวชุดโบราณ นั่นทำให้คดีแช่แข็งที่ดองไว้หลายปีได้มีความคืบหน้าในการสืบสวนแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่หลี่เหมิงฉีพูดมาก็ได้เปิดเผยความลึกลับอีกชั้นหนึ่งซึ่งปกปิดสิ่งแปลกปลอมในคดีนี้
จ้าวหยู่ได้เห็นรายงานชันสูตรของเหยื่อ ตามบันทึกนั้น ผู้หญิงคนนั้นเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ เธอคงถูกใครบางคนบีบคอจนตาย แต่รายงานชันสูตรระบุชัดเจนว่าเหยื่อไม่มีร่องรอยถูกล่วงละเมิดทางเพศ
ผู้หญิงคนนี้ที่มีนามแฝงว่า ‘เกอเกอ’ เธอมาจากไหนกันแน่? เธอถูกฆ่าเพราะเรื่องชู้สาวจริง ๆ เหรอ? และถ้าผู้หญิงคนนั้นทำธุรกิจแบบเดียวกับหลี่เหมิงฉี เธอน่าจะเป็นผู้ค้าโบราณวัตถุหรือเปล่า? แล้วชุดโบราณที่เธอใส่นั้นเป็นของสะสมของเธอเองหรือเปล่า?
น่าเสียดายที่ปู่ของหลี่เหมิงฉีเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว แล้วเธอก็พยายามอย่างเต็มที่ แต่เธอจำได้เพียงไม่กี่คนที่อาจรู้จักเกอเกอ ถึงแม้เธอจะนึกชื่อพวกเขาออก แต่เธอก็รู้จักเธอแค่นามแฝงหรือบางคนก็เสียชีวิตไปแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นจ้าวหยู่ก็ยังไม่หมดหวัง พอเขาออกจากเรือนจำ เขาโทรบอกเหลียงฮวนและจางจิงเฟิงทันทีเกี่ยวกับเบาะแสที่เขาได้รับมา เพื่อที่พวกเขาทั้งสองจะได้สืบสวนเรื่องนี้ต่อไป
แน่นอนว่า นอกเหนือจากการอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับผลการสอบสวนของเขาแล้ว จ้าวหยู่ยังขอให้จางจิงเฟิงตรวจสอบนายลีอีกด้วย
ดังเช่นคำกล่าวที่ว่า ‘รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง’ ก่อนที่เขาจะดำเนินการใด ๆ จ้าวหยู่จะต้องรู้ภูมิหลังของอีกฝ่ายโดยละเอียดเสียก่อน
จางจิงเฟิงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการหาคนอย่างแท้จริง ในขณะที่จ้าวหยู่เพิ่งทานอาหารกลางวันไปได้ครึ่งทาง ข้อมูลที่เกี่ยวกับนายลีก็ถูกส่งตรงมาที่โทรศัพท์มือถือของเขาแล้ว
ตามข้อมูล นายลีมีชื่อจริงว่าหลี่ซิวเซิงซึ่งลงทะเบียนเป็นพ่อค้าที่ถนนตลาดดอกไม้ด้วย หากมองโดยผิวเผินแล้ว เขาเป็นนักธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย
แต่หากได้ขุดลึกเข้าไปอีก ก็จะพบว่าทรัพย์สินภายใต้ชื่อของเขามีมูลค่ารวมมากกว่าสองพันล้าน รถยนต์หรูหรานับไม่ถ้วน และบ้านที่สวยงามจนต้องอ้าปากค้าง มันยากที่จะจินตนาการว่าคนที่เปิดร้านขายดอกไม้จะได้รับเงินจำนวนมากอย่างถูกกฎหมาย
จากนั้น จ้าวหยู่ก็เริ่มคิดอย่างจริงจัง เขาจะหาเบาะแสเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมสุสานจากนายลีได้อย่างไร?
‘ฉันควรจะแฝงตัวเข้าไปโดยแสร้งทำเป็นว่าเป็นคนรวยเพื่อซื้อโบราณวัตถุ แล้วใช้เป็นข้ออ้างในการตีสนิทดีมั้ย?’
‘หรือบางทีฉันอาจแกล้งทำเป็นโจร แล้วปลอมตัวไปบังคับเขาให้เล่าทุกอย่างโดยที่ฉันจ่อปืนไปที่หัวเขา...’
‘หรือฉันไม่ควรทำให้ทุกอย่างมันวุ่นวายเกินไป ฉันควรจะแอบเข้าไปในร้านดอกไม้ของเขาเพื่อสืบหาความลับ...’
‘จริงสิ ฉันมีกล้องวงจรปิดล่องหนอีกตัวอยู่ในแถบอุปกรณ์ของฉันไม่ใช่เหรอ? ทำไมฉันไม่ใช้มันเพื่อจับตาดูเขาล่ะ?’
แต่จากบทเรียนที่เขาได้เรียนรู้เมื่อคืนก่อน จ้าวหยู่รู้สึกว่าไม่ว่าเขาจะเลือกวิธีการสืบสวนแบบใด การไปที่สถานีตำรวจเพื่อทำเรื่องเบิกปืนก็ยังเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ถ้าเขามีปืนอยู่กับตัวในคืนก่อน มันก็คงไม่มีปัญหามากมายอย่างนี้
นอกจากนี้หลังจากการต่อสู้ในคืนก่อนเขารู้สึกเหนื่อยล้า หากเขาต้องต่อสู้กับเหล่าลูกน้องของนายลีอีกครั้ง เขาต้องพักผ่อนสักหน่อยเพื่อให้เขาฟื้นตัวอย่างเต็มที่
หลังจากกินข้าวเสร็จ จ้าวหยู่จึงกลับไปที่สถานีตำรวจทันที
ก่อนที่เขาจะทำเรื่องเบิกปืน เขาต้องเข้าไปในห้องทำงานก่อนเพื่อรายงานตัว และสอบถามความคืบหน้าของคดีฆาตกรรมสุสาน แต่สุดท้ายมันก็ไม่อะไรคืบหน้ามากนัก
เหมี่ยวอิงส่งทีมออกไปสืบหาเงื่อนงำต่าง ๆ แต่ก็ไม่มีใครได้เบาะแสอะไรมา รวมถึงเหตุการณ์ที่ตลาดดอกไม้ของจ้าวหยู่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาใจร้อนเกินไป
ในเวลานั้น เหมี่ยวอิงได้ออกไปทานอาหารกลางวัน จางเหยาฮุ่ยเข้ามาบอกจ้าวหยู่ว่าเหมี่ยวอิงได้ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของทีมสอบสวนของสำนักงานเทศบาลผ่านเส้นสายของเธอ
ทางทีมสอบสวนของสำนักงานเทศบาลได้ไปเยี่ยมเพื่อนและครอบครัวของนักโบราณคดีทั้งสามคนที่หายตัวไปเพื่อสอบถามว่าพวกเขารู้อะไรเกี่ยวกับการหายตัวไปของพวกเขาบ้าง แต่ถึงจะถามไปมาเท่าไหร่ก็ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาทั้งสามคนกำลังทำอะไรอยู่ในช่วงเวลานั้น
อย่างไรก็ดี ทั้งสามครอบครัวเล่าตรงกันว่าพวกเขาทั้งสามไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ว่ากันว่าตอนที่พวกเขาเข้าเคยเข้าไปในป่าลึกเพื่อสำรวจตามที่ต่าง ๆ เมื่อครั้งยังหนุ่ม ๆ พวกเขาพบเจอกับเหตุน้ำท่วมฉับพลันและเกือบเอาชีวิตไม่รอด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเขาทั้งสามก็อยู่ด้วยกันเสมอและกลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกันและกัน
เหมี่ยวอิงสันนิษฐานว่าในบรรดานักโบราณคดีทั้งสามคน อาจมีคนหนึ่งที่เจอปัญหาใหญ่ อาจทำให้อีกสองคนมาช่วยเขาแก้ปัญหา อย่างไรก็ตาม ไม่ใครรู้จริง ๆ มันอะไรขึ้นกับพวกเขากันแน่
แม้ว่าคดีจะไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก แต่ไวท์บอร์ดคู่ใจตัวเดิมกลับยืนอยู่ในสำนักงานอีกครั้งตามพื้นที่ต่าง ๆ ของมัน ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับคดีสุสานโบราณถูกเพิ่มโดยนักสืบหลายคน
อันที่จริง หลังจากการปรับเปลี่ยนก่อนหน้านี้ ห้องวิเคราะห์คดีได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่สมบูรณ์ แต่พวกนักสืบได้สร้างเป็นนิสัยและกิจวัตรไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงชอบที่จะพูดคุยเรื่องคดีรอบไวท์บอร์ดในห้องทำงานแทน
เนื่องจาก จ้าวหยู่มีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการ เขาจึงไม่สามารถดูรายละเอียดข้อมูลอื่น ๆ ได้ เขาตรงมาที่หน้าโต๊ะของจางจิงเฟิง เขาขอให้ช่วยตรวจสอบตำแหน่งที่แน่นอนของนายลีจากถนนตลาดดอกไม้ ถ้าเขาไม่ได้อยู่ที่ร้านดอกไม้ จ้าวหยู่ก็จะไปเสียเที่ยว
“เป็นไปไม่ได้!? ไม่อยากจะเชื่อเลย!”
จางจิงเฟิงตกตะลึงในขณะที่เขาตรวจสอบตำแหน่งโทรศัพท์มือถือของนายลี เนื่องจากนายลีปรากฏตัวที่นั่นในสถานีตำรวจหรงหยางของพวกเขาเอง
"เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่สถานีตำรวจ?” จ้าวหยู่รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องแปลกเช่นกัน
จางจิงเฟิงเคาะแป้นพิมพ์เพื่อค้นหาตำแหน่งที่แน่นอนของเขาอย่างรวดเร็ว “เขาเพิ่งออกจากแผนกสอบสวนคดีเศรษฐกิจ รอก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะรีบถามคนในแผนกนั้นก่อน!”
จางจิงเฟิงรีบติดต่ออีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็พบว่านายลีอยู่ที่นั่นมาเพื่อประกันตัวหลานชายของเขา
เมื่อจางจิงเฟิงถามชื่อและสถานการณ์ของหลานชายของเขา เขาก็พบว่าหลานชายของนายลีผู้ซึ่งมีนามแฝงว่าหลี่ซิวเซิง เขาก็คือหลี่เสี่ยวเว่ย และหลี่เสี่ยวเว่ยก็คือไส้กรอกอ้วน!
“เขาเป็นลุงสองของผู้ต้องหา!” ในที่สุด จางจิงเฟิงก็เชื่อมความสัมพันธ์ของทั้งสองได้ “หลี่ซิวเซิงเป็นลุงสองของหลี่เสี่ยวเว่ย เนื่องจาก พ่อของหลี่เสี่ยวเว่ยเสียชีวิต ดังนั้นลุงสองของเขาจึงมาที่นี่เพื่อประกันตัวหลานชายของเขา!”
แผนกสอบสวนคดีเศรษฐกิจยังบอกกับจางจิงเฟิงว่า เนื่องจากไส้กรอกอ้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่กำลังดำเนินอยู่มาก เขาจึงไม่สามารถประกันตัวชั่วคราวได้ คน ๆ นั้นจึงจากไปโดยไม่สามารถทำอะไรได้!
‘น่าสนใจ…’ จ้าวหยู่ไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างจริงจัง ใครจะรู้ว่าไส้หรอกอ้วนและหลี่ซิวเซิงเกี่ยวข้องกัน!
ลุงสองจัดการกับโบราณวัตถุของแท้ ในขณะที่หลานชายทำของปลอม มันเหมือนกับธุรกิจในเครือญาติ ใครจะรู้ว่าหลี่ซิวเซิงจะมีหลานชายหรือหลานสาวคนอื่นอีกบ้าง? บางทีในตลาดดอกไม้ มันอาจมีการซื้อขายใต้ดินเกิดขึ้นอีก…
ถ้าเป็นอย่างนั้น...
ฉันจะไปพบพวกเขา!
จากนั้น จ้าวหยู่รีบบอกจางจิงเฟิงให้ส่งตำแหน่งที่แน่นอนมาให้เขา จากนั้นเขาก็ไปที่คลังแสงเพื่อรับปืน หลังจากนั้นเขาก็ขับรถตำรวจไล่ตามหลี่ซิวเซิงไป...