ตอนที่ 288 โฉมหน้าของบรรพชนเผ่าจิ้งจอก(ตอนฟรี)
พอเห็นท่าทางไม่พอใจของอวี่เหรินเอ๋อร์ อวี่หยวนก็ตระหนักว่าเขามาผิดเวลา
“แค่ก ข้าขอตัวออกไปก่อนนะ?”
ใบหน้าสวยของอวี่เหรินเอ๋อร์ยิ่งแดงก่ำ นางแทบอยากหารูมุด
ซูสือไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี“ไม่มีปัญหา ลุงอวี่ ถ้าท่านมีอะไร ท่านพูดมาตรงๆเลย”
อวี่หยวนกระแอมลำคอ“บรรพชนขอให้ซูเซิ่งจื่อไปพบ”
“บรรพชน?”
ซูสือตกตะลึงตอนได้ยิน
บรรพชนของเผ่าจิ้งจอกอยากเจอเขา?
อวี่หยวนพยักหน้า“ถ้าเซิ่งจื่อสะดวก ก็ไปกับข้าได้เลย”
ซูสือพยักหน้า“ไปกัน”
เขาหยิกแก้มของอวี่เหรินเอ่อร์“เดี๋ยวข้ากลับมาหา”
“อืม”
อวี่เหรินเอ๋อร์พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
อวี่หยวนแสร้งทำเป็นไม่เห็นนาง ยื่นมือไปและพูด’เซิ่งจื่อ เชิญ”
ทั้งสองเดินออกห้อง
ออกห้องนอน ข้ามสวน ตามทางไปจนถึงสวนหลัง
ระหว่างทาง อวี่หยวนไม่พูดสักคำ
ซูสือมองตาเขา“ถ้าท่านลุงอวี่อยากพูดอะไร ก็เชิญเลย”
อวี่หยวนลังเลและถาม“ความสัมพันธ์ระหว่างซูเซิ่งจื่อกับเหรินเอ๋อร์ ข้าสงสัยว่าจักรพรรดินีมารและจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ว่าอะไรหรือไม่?”
ซูสือเก่งไปทุกด้าน
พรสวรรค์โดดเด่น สถานะสูงส่ง เขากับอวี่เหรินเอ๋อร์ยังชอบพอกัน
ต่อให้มีสาวงามเต็มไปหมดรอบตัวเขา มันก็ไม่เป็นอะไร
สิ่งเดียวที่เขากังวลคือสองผู้ยิ่งใหญ่เบื้องหลังซูสือ
จักรพรรดินีมารขุมนรกทั้งเลือดเย็นและโหดเหี้ยม นิสัยแบบเผด็จการ
เหนือสิ่งอื่นใด เพราะซูสือบาดเจ็บ นางเลยฆ่าทั้งเผ่าเสือ
ถ้าอวี่เหรินเอ๋อร์โกรธอีกฝ่าย ผลที่ตามมาคงจินตนาการไม่ได้!
ไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์
หลังเหตุการณ์เผ่าเสือ พวกเขาผลักชายแดนเหนือไปสามร้อยลี้ ซึ่งเกือบทำให้เกิดสงครามระหว่าคนเถื่อนและหลินหลาง
และสมาชิกราชวงศ์ที่เหลือหนึ่งเดียวก็โดนโทษประหาร
มันสามารถเห็นได้ถึงท่าทีนางที่มีต่อเผ่าคนนอก!
“จักรพรรดินีหลินหลางหัวเหล็ก ไม่สามารถทนเห็นการทรยศในสายตาได้ ถ้านางรู้ว่าเซิ่งจื่อสมคบกับคนนอก ข้าไม่รู้ว่านางจะตอบสนองยังไง”
อวี่หยวนไม่เคยปล่อยให้อวี่เหรินเอ๋อร์ไปหลินหลางเพราะเหตุผลนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะคำของบรรพชน เขาคงไม่ปล่อยนางไประหว่างปีใหม่
“กลายเป็นว่าท่านลุงอวี่กังวลเรื่องนี้’
ซูสือพูด“ไม่ต้องห่วง ฝ่าบาทไม่ถือสา ความสัมพันธ์ของข้ากับอวี่เหรินเอ๋อร์..นางไม่ขัด”
“จริงหรือ?”
อวี่หยวนตกตะลึง ไม่อยากเชื่อ“จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ไม่ถือสาที่ท่านสมคบกับคนนอกจริงรึ?”
ซูสือพยักหน้า“มันเป็นการตกลงโดยปริยาย”
ถ้านางพูดค้าน มันก็จะประกาศว่านางคือคนขี้หึง
อวี่หยวนถอนหายใจ“ดีแล้ว”
หลังแก้ไขข้อกังวลใจได้ ทั้งตัวเขาก็ผ่อนคลาย
“เรื่องแบบนี้นางยังไม่ถือสา ดูเหมือนลูกเขยซูสือจะมีตำแหน่งพิเศษในใจฝ่าบาทสินะ”
พอมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของอวี่หยวน ซูสือก็ส่ายหัวอย่างขบขัน
จู่ๆก็เปลี่ยนสรรพนามจาก’เซิ่งจื่อ’เป็น’เขย’?
สมกับเป็นจิ้งจอกเฒ่า สมองฉับไวมาก
แต่ซูสือก็เข้าใจ
ไม่ว่าจะเป็นใคร พ่อคนไหนก็คงไม่อยากให้ลูกสาวไปเสี่ยงอันตราย
ก่อนพวกเขาจะได้คุยเพิ่ม ทั้งสองก็มาถึงสวนเงียบสงบ
สวนเต็มไปด้วยวัชพืชและดูเหมือนจะไม่ได้รับการดูแลมานานแล้ว บ้านตรงกลางยังมืดจนเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นว่าอะไรอยู่ข้างใน
อวี่หยวนหยุด”ลูกเขย เชิญ บรรพชนอยากพบเจ้าลำพัง’
“บรรพชนเผ่าจิ้งจอกอาศัยในสถานที่เช่นนี้?”
พอมองบ้านทรุดโทรมด้านหน้าเขา ซูสือก็ขมวดคิ้ว
นี่โทรมไปหน่อยมั้ง
เขาผลักประตู เดินเข้าไป
ทันทีที่เขาเข้าไป ประตูก็ปิดด้วยตัวมันเอง
ไม่มีใครในห้อง ผนังโดยรอบเป็นสีขาว ไม่มีโต๊ะหรือเก้าอี้ มีเพียงภาพวาดที่แขวนบนผนัง
เขาเดินไปดูใกล้ๆ
ภาพวาดเป็นทุ่งหญ้าสีเขียว ซึ่งดูเหมือนที่ราบเนินเขียว
ในทุ่ง จิ้งจอกขาวกำลังยืนโต้ลม แม้กระทั่งขนบนตัวก็ยังเห็นได้ชัด ราวกับมันกำลังปลิวไสวตามแรงลม
มันเต็มไปด้วยภาพของเต๋า
ตอนนี้ จิ้งจอกขาวในภาพวาดกำลังขยับ
มันค่อยๆหันมามองซูสือ“ซูเซิ่งจื่อ เชิญเข้ามา”
แสงบนภาพวาดไหววูบ และวังวนก็ค่อยๆปรากฏ
ซูสือยื่นนิ้วไปแตะมันเบาๆ
พริบตาต่อมา ทั้งตัวเขาก็พลันหายไป
ห้องกลับสู่ความเงียบ
วังวนบนภาพวาดหายไป และจิ้งจอกขาวก็หายไป
ซูสือค่อยๆหลับตา
เขาพบว่าตัวเองอยู่บนทุ่งเขียว
ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไร้ขอบเขต กว้างไกลสุดลูกตา และสายลมอ่อนโยน นำพามาซึ่งกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของหญ้าเขียว
“นี่คือที่ราบเนินเขียว?”
ทันใดนั้น ซูสือก็ตัดคำตอบนี้ไป
เพราะดวงตะวันและจันทราบนท้องฟ้าทำมุมฉากกัน
ดวงตะวันและจันทราปรากฏพร้อมกัน!
“ซูเซิ่งจื่อ นั่งลงสิ”
ซูสือได้ยินเสียงและหันไปมอง
บนทุ่งหญ้าไม่ไกล มีโต๊ะและเก้าอี้สองตัว
ผู้หญิงกำลังชงชาอย่างจริงจัง
ซูสือเดินไปและนั่งตรงข้ามนาง
อีกฝ่ายมีผมขาวหิมะยาวถึงเอว ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยเสน่ห์ แม้จะมีลายเส้นบางๆที่หางตานาง แต่มันกลับเพิ่มเสน่ห์ให้นาง
“ท่านคือบรรพชนเผ่าจิ้งจอก?”
ซูสือขมวดคิ้ว
หญิงสาวเงยหน้า จากนั้นซูสือถึงตระหนักว่ารูม่านตาของอีกฝ่ายเป็นสีเหลืองอ่อน ซึ่งมีจันทร์เสี้ยวสองดวงประทับในนั้น
“ทำไม ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดรึ?”
นางถามกลับ
ซูสือส่ายหัว“ไม่ ท่านดูไม่แก่เลย และเสียงก็ไม่ถูก”
เขานึกถึงเสียงที่ได้ยินตอนอยู่ในจวนสกุลซู มันเป็นเสียงของหญิงชราชัดๆ
แต่เสียงของหญิงสาวคนนี้ไพเราะ น่าฟัง เต็มไปด้วยเสน่ห์ล่อลวง
“เจ้าหมายถึงเสียงนี้รึ?”
หญิงสาวเปลี่ยนเสียง
หลังได้ยินเสียงนาง ซูสือก็หัวเราะ“ท่านจงใจปลอมด้วยการเปลี่ยนเสียง?”
หญิงสาวพูดด้วยใบหน้าจริงจัง“บรรพชนเฒ่าก็ควรดูเหมือนบรรพชนเฒ่าสิ และเสียงก็ควรแก่ชรา ซึ่งตรงกับตัวตนของข้ากว่า”
ซูสือส่ายหัว
บรรพชนเผ่าจิ้งจอกผู้นี้ดูเหมือนจะแตกต่างจากที่เขาคิดไว้
นางรินชาใส่ถ้วยชาด้านหน้าเขา“นี่คือการพบกันครั้งแรกของเรา ข้าชื่ออวี่หงหยิน”
ซูสือยกถ้วยชาขึ้นจิบ
ชาหวานละมุนมากในปากเขา จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นกระแสอบอุ่นที่ไหลไปทั่วตัวเขา เขาพบว่าพลังปราณในตัวเขาหนาแน่นขึ้น และเขาก็ทะลวงผ่านจากวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นปลายเป็นวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นสมบูรณ์ทันที!
ชาถ้วยนี้เท่ากับการบ่มเพาะครึ่งปี!
“ชาดี”
ซูสือพยักหน้า
อวี่หงหยินพูด“นี่คือของขวัญแรกพบจากข้า”
“ขอบคุณมาก ผู้อาวุโส”
ซูสือผลักถ้วยชาด้านหน้าเขา
อวี่หงหยินดูแปลกใจหน่อย“เจ้า..”
ซูสือพูด“เติมให้หน่อย”
อวี่หงหยิน“...”