MDB ตอนที่ 320 มาแล้วมาอีก
ในที่สุด หลินจินก็เข้าใจว่าคาถาเพลิงมังกรใช้งานได้อย่างไร
เปลวเพลิงไม่เพียงสามารถใช้เพื่อโจมตีเท่านั้น แต่ยังให้ผลที่น่าอัศจรรย์ระหว่างการอัดเม็ดยาอีกด้วย
จากสิ่งที่เขาประสบพบเจอมา นั่นไม่ใช่ผลประโยชน์ทั้งหมดที่หลินจินได้รับ หลังจากถูกลงทัณฑ์จากอาณาจักรเก้าสวรรค์สองครั้ง ปริมาณพลังวิญญาณของหลินจินก็เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า
พลังวิญญาณของเขาตอนนี้มีมากกว่าหนึ่งร้อยก้อนแล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด แต่หลินจินก็ประเมินคร่าว ๆ ว่าพลังวิญญาณของเขามีประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบหรือสามสิบก้อน
การที่สามารถครอบครองพลังวิญญาณระดับนี้ได้นั้นมันเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัว
หลินจินไม่รู้ว่าที่อื่นเป็นอย่างไร แต่เขามั่นใจว่าในสมาพันธ์นักบวชแห่งเมืองเมเปิ้ลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หรืออาจารย์ แม้กระทั่งเย่หยู่โจว ก็ไม่มีมีพลังวิญญาณมากเท่ากับเขา
ด้วยพลังวิญญาณที่มากมายขนาดนี้ ทำให้หลินจินใกล้เคียงกับผู้อมตะโบราณ แถมเขายังเก็บเครื่องรางอัคคีไว้ในดวงจิตของเขาได้
หลินจินดำเนินการต่อไป เขาหยิบเอาขนอีกาทองคำออกมา
“นกในตำนาน อีกาทองคำ ระดับเจ็ด คุณสมบัติธาตุไฟบริสุทธิ์…”
รายละเอียดของอีกาทองคำได้ถูกบันทึกไว้ในพิพิธภัณฑ์แล้ว อีกาทองคำเป็นนกในตำนานอย่างแท้จริงซึ่งแตกต่างจากโกลดี้ที่เป็นสัตว์วิเศษที่มีเพียงสายเลือดของมันเท่านั้น
ในเวลาเดียวกัน หลินจินก็ได้ยินเสียงระฆังดังมาจากพิพิธภัณฑ์
“บันทึกสัตว์หายากสามร้อยตัวเรียบร้อยนแล้ว ได้รับรูปแบบพลังงานอสูรส่วนที่สี่เป็นรางวัล”
หลินจินเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมา
ในที่สุดเขาก็ได้รับมัน
ขั้นตอนการได้รับรูปแบบพลังงานอสูรนั้นง่ายในตอนแรก แต่ความยากเพิ่มขึ้นตามระดับที่เพิ่มขึ้นตาม หลินจินรอส่วนที่สี่มานาน และในที่สุดมันก็มาถึง
นับเป็นโชคลาภครั้งแล้วครั้งเล่า
หลินจินเรียกหาชางเอ๋อร์ทันที และสั่งให้เธอจับตัวโกลดี้มาด้วย
ภายในลานกว้าง นอกจากหลินจินแล้ว มีเพียงชางเอ๋อร์เท่านั้นที่สามารถจับโกลดี้ได้ทุกเมื่อที่เธอต้องการ
‘โกลดี้ถูกชางเอ๋อร์ฝึกให้เชื่องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?’
หลินจินคิดไม่ตก บางทีอาจเป็นช่วงที่หลินจินไปที่เมืองหลวง ในฐานะผู้ดูแลบ้าน ชางเอ๋อร์ต้องใช้กลอุบายของเธอเองเพื่อบรรลุผลสำเร็จนี้
“อาจารย์หลิน โกลดี้มาแล้วเจ้าค่ะ” ชางเอ๋อร์โค้งคำนับให้กับหลินจินโดยมีโกลดี้อยู่ในอ้อมแขนของเธอ
หลินจินพยักหน้า
"นั่งลงก่อน"
ชางเอ๋อร์วางโกลดี้ลง และนั่งข้างเขาเงียบ ๆ
“ชางเอ๋อร์ ข้าจะอ่านส่วนที่สี่ของรูปแบบพลังงานอสูรให้เจ้าฟัง เจ้าต้องจดจำและนำไปฝึกฝน ถ้ามีอะไรที่เจ้าไม่เข้าใจ เจ้าก็สามารถถามข้าได้ทุกเมื่อ”
หลินจินไม่มีเวลาคัดลอกเนื้อหาของรูปแบบพลังงานอสูรส่วนที่สี่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากชางเอ๋อร์มีความทรงจำที่ไม่ธรรมดา เธอจึงสามารถจดจำทุกคำได้อย่างง่ายดายหลังจากฟังเพียงครั้งเดียว
ดวงตาของชางเอ๋อร์เป็นประกายเมื่อสิ้นคำของหลินจิน
เธอได้เรียนรู้สามส่วนแรกของรูปแบบพลังอสูรและฝึกฝนพวกมันเรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุนี้ เธอจึงรู้ว่าวิธีการฝึกฝนนี้วิเศษมากเพียงใด
ชางเอ๋อร์ติดอยู่ที่ระดับปัจจุบันของเธอเป็นเวลานานแล้ว แม้ว่าเธอจะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในด้านคาถา แต่ระดับการฝึกฝนของเธอก็ยังเหมือนเดิมตั้งแต่เธอได้พบกับหลินจิน
ดังนั้น ชางเอ๋อร์จึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าเธอคงจะบ่มเพาะรูปแบบพลังงานอสูรส่วนที่สี่ไว้ทันที ถ้าเธอได้รับมันไป ในขั้นตอนสุดท้ายของการบ่มเพาะของเธอ ตำรานี้จะเป็นแรงผลักดันสุดท้ายสำหรับวิวัฒนาการขั้นต่อไปของเธอ
“อาจารย์หลิน ข้าขอไปเก็บตัวเพื่อฝึกฝนมันก่อนเจ้าค่ะ”
ชางเอ๋อร์ดูเหมือนหมดความอดทน
หลินจินเข้าใจความตื่นเต้นของเธอ เขาจึงพยักหน้า นอกจากนี้เขายังบอกเธอว่าไม่ต้องไปช่วยงานที่สมาคมในอีกสองสามวันข้างหน้า เธอต้องมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนที่บ้านเท่านั้น
หลังจากชางเอ๋อร์จากไป หลินจินและโกลดี้ก็จ้องหน้ากัน
โกลดี้นั่งสบายบนเบาะ รอการบรรยายของหลินจิน
หลินจินมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นครั้งแรก ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ถึงเวลาแล้ว ดวงอาทิตย์เพิ่งขึ้นและความมืดกำลังจางหายไป ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะมอบขนนกนี้ให้กับแก”
เห็นได้ชัดว่าเจ้าไก่ไม่เข้าใจสิ่งที่หลินจินพูด แต่มันก็ไม่ว่าอะไรเพราะมันเชื่อใจในตัวหลินจิน
ขนของอีกาทองคำนั้นทรงพลังเกินไปสำหรับโกลดี้ หลินจินไม่สามารถมอบให้มันในเวลากลางคืนหรือเวลาอื่น ๆ ในระหว่างวันได้ หากเป็นตอนเที่ยงยิ่งไม่ได้ใหญ่ เนื่องจากพลังงานของดวงอาทิตย์จะรุนแรงที่สุดจนโกลดี้อาจไม่สามารถแบกรับได้ ต้องเป็นช่วงรุ่งสางก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นเท่านั้นที่โกลดี้จะทนต่อพลังของมันได้
แม้จะเป็นเพียงขนนก หากทุกอย่างเรียบร้อยดี โกลดี้อาจแปลงร่างเป็นอีกาทองคำของแท้เลยก็เป็นได้
และนี่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับหลินจิน
ในแง่ของอัตราการเติบโต แม้แต่เสี่ยวฮั่วก็เทียบไม่ได้กับโกลดี้ แค่คิดถึงความสามารถในการควบคุมอีกาทองคำในอนาคต หลินจินก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
ไม่ว่าพวกเขาจะเจอศัตรูที่แข็งแกร่งเพียงใด โกลดี้ก็จะสามารถแผดเผาอีกฝ่ายให้กลายเป็นเถ้าธุลีได้ทันที
สิ่งที่หลินจินต้องทำต่อไปนั้นสำคัญมาก แต่ก็ค่อนข้างง่ายเช่นกัน
นั่นคือเขาต้องปลูกถ่ายขนนกนี้ลงบนตัวโกลดี้
ด้วยการทำสิ่งนี้และการบำรุงเลี้ยงที่มันได้รับอย่างสม่ำเสมอ โกลดี้ควรจะสามารถรวมเข้ากับพลังของขนนกได้อย่างสมบูรณ์ในระหว่างการวิวัฒนาการครั้งต่อไปของเขา การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นในช่วงนั้นด้วย
แน่นอนว่ามีความเสี่ยงที่จะล้มเหลวอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวไม่ได้มีความหมายสำหรับหลินจิน โกลดี้จะยังคงเป็นโกลดี้ แต่ถ้าพวกเขาทำสำเร็จ หลินจินจะสามารถควบคุมอีกาทองคำในตำนานได้
การปลูกถ่ายขนนกเป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความเชี่ยวชาญของหลินจินในเทคนิคการหาชีพจร ใช้เวลาเพียงครู่เดียวจึงจะเสร็จ โกลด์ดี้รู้สึกไม่สบายเล็กน้อยในระหว่างกระบวนการ
เนื่องจากขนนกที่ปักอยู่บนหลังของมัน และเจ้าไก่มองไม่เห็น มันจึงไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ส่วนหลินจิน แม้เขาจะนอนไม่ได้มาทั้งคืน แต่เขาก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ตรงกันข้ามในขณะที่เขารู้สึกกระฉับกระเฉงด้วยซ้ำ
เขาไปที่คอกสัตว์วิเศษเพื่อทำการรักษาซอมบี้คธูลู จากนั้นกินอาหารเช้าที่เสี่ยวอู่จัดเตรียมไว้ให้ จากนั้น เขาก็มาถึงสมาคมประเมินสัตว์วิเศษตรงเวลา
ในตอนบ่าย จั่วเหวินถีงเข้ามาพบเขา
จากท่าทางของเขา ดูเหมือนว่าฉู่เหวินจีและทิลลี่จะปลอดภัยดี
“หัวหน้าหลิน เนื่องจากวันนี้เป็นวันดี ข้าจึงอยากเลี้ยงอาหารกลางวันท่าน” จั่วเหวินถังประกาศอย่างมีความสุขเมื่อมาถึง เนื่องจากมีบุคคลภายนอก เขาจึงเรียกหลินจินว่าหัวหน้าหลิน และหลินจินก็เรียกเขาว่าพ่อบ้านจั่วเช่นเดียวกัน
ทั้งหมดนี้คือความคิดของจั่วเหวินถัง เขาไม่ต้องการให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ใกล้ชิดของเขากับหลินจิน ท้ายที่สุด แผนการตอนนี้คือการหลีกเลี่ยงความสงสัยโดยไม่จำเป็น
หลินจินรู้ว่าจั่วเหวินถังมีเรื่องจะบอกเขา ดังนั้นเขาจึงตอบรับคำเชิญ ครั้งนี้ จั่วเหวินถังไม่ได้พาเขาไปยังสถานที่หรูหราเช่นโถงตระการตา พวกเขาไปที่ร้านอาหารเก่าแก่ในเมืองเมเปิ้ลแทน พวกเขาจองห้องส่วนตัวไว้เพื่อสั่งอาหารและเหล้าบ่ม
“น้องหลิน ข้าต้องขอขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่าน ข้าได้จัดแจงทุกอย่างในชั่วข้ามคืน และรีบกลับมาที่นี่ให้ทันเวลา
ตามที่คาดไว้ เจ้าเมืองไป่ถามข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย และข้าก็ตอบเขาไปอย่าง 'สัตย์จริง'
หากเจ้าเมืองไป่มาถามท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้โปรดอย่าเปิดเผยอะไรกับเขา”
เห็นได้ชัดว่าความรู้สึกผิดของการโกหกเริ่มทำให้จั่วเหวินถังเป็นกังวล
หลินจินยิ้ม “แน่นอน ข้าจะไม่แพร่งพรายอะไรออกไปอย่างเด็ดขาด ขอให้พี่จั่วไม่ต้องเป็นกังวล”
"ข้าเชื่อใจท่าน" จั่วเหวินถังรินเหล้าให้หลินจินหนึ่งถ้วย “แต่ข้าไม่คิดว่าโถงตระการตาจะยอมปล่อยให้เหตุการณ์นี้จบลงง่าย ๆ และตอนนี้หนึ่งในราชาของดินแดนตะวันตกเสียชีวิตลงแล้ว ข้าคิดว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่หลังจากนี้”
หลินจินมีสีหน้าเมินเฉยอย่างน่าประหลาดใจในขณะที่เขาพูดคำว่า
“ไม่ต้องกังวล พวกเขาไม่ทางรู้แน่นอน เพราะคนตายไม่มีสิทธิ์พูด!”