ตอนที่แล้วเล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 1 บทที่ 21: ผลไม้ที่สุกงอม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 1 บทที่ 23: ซอมบี้นักล่าและผงกระดูก

เล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 1 บทที่ 22: การเก็บเกี่ยวที่ไม่ดี ลางร้าย


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

เล่มที่ 1 บทที่ 22: การเก็บเกี่ยวที่ไม่ดี ลางร้าย

(วอลสัน)

เราทุกคนมีความสุขกับงานเลี้ยงฉลองมาก

“...วอลสัน เจ้ากำลังเบียดข้านะ...”

“อ้าว ก็เจ้าเข้ามาทีหลังเองไม่ใช่เหรอ?”

ทั้งเกรซและข้ากำลังนอนอยู่บนขาของเมล่อน เพลิดเพลินกับความรู้สึกนุ่มนิ่มจากร่างกายของนาง

ในตอนแรกมีแค่ข้าคนเดียว แต่เกรซไม่ชอบที่ถูกทิ้ง ดังนั้นจึงตัดสินใจมาเข้าร่วมวงด้วย

เราทุกคนดูเหมือนพี่น้องหนุ่มสาวที่กำลังเรียกร้องความสนใจจากพี่สาวไม่มีผิด ซึ่งในทางเทคนิคแล้ว มันก็เป็นไปตามนั้น

เพราะเมล่อนอายุมากกว่าเราถึงสองปี

“ขอบคุณทั้งคู่นะสำหรับงานเลี้ยงที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้” เมล่อนยังคงยิ้มอยู่ และข้าก็สังเกตเห็นร่องรอยของน้ำตาที่ไหลออกมาจากมุมดวงตาของนาง

ข้ารู้สึกพอใจมาก ตราบใดที่นางยังคงยิ้ม

เมล่อนได้เริ่มสวมชุดเมล่อนที่ข้าให้เป็นของขวัญนาง ซึ่งในมือของนางก็เป็นถุงมือหนังกิ้งก่าด้วย

เกรซเป็นคนมอบถุงมือให้นาง ดูเหมือนว่านางจะใช้เงินทั้งหมดที่นางรวบรวมมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อซื้อมัน

ถุงมือทำจากผิวหนังของกิ้งก่าทะเลทราย ซึ่งไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคของเรา มันต้องใช้เงินค่อนข้างมากทีเดียว

เหตุผลที่เกรซคิดว่าเป็นของขวัญที่ดี เพราะนางสังเกตเห็นว่าเมลอนชอบที่จะต่อสู้ด้วยมือเปล่า

...ข้าน่าจะเอาถุงมือนี้มาเอนชานท์ด้วยแฮะ

______________________

แต่ว่าข้าคงต้องหยุดอารมณ์อันรื่นเริงไปเสียก่อน

เพราะสิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้อาจฟังดูไม่น่ารื่นเริงนัก

ข้าลักลอบนำอาหารจากฐานลับเข้ามาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก เนื่องจากเรามีการเก็บเกี่ยวที่ไม่ดีในปีนี้

แม้ว่าข้าจะไม่ชอบสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามากนัก แต่ข้าก็ยังถูกเลี้ยงดูมาและข้าจึงต้องการช่วยพวกเขา

ข้าไม่สามารถนำเนื้อสัตว์มาได้ และข้าต้องจำกัดจำนวนมันฝรั่งที่ข้าต้องนำมา มิฉะนั้นพวกเขาอาจจะสงสัย

ข้าได้นำอาหารสำรองของตัวเองมาช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งเป็นเหตุผลที่อาหารสำรองในฐานลับลดลงอย่างรวดเร็ว มันเกิดขึ้นมาหลายเดือนแล้ว

สิ่งที่เรามีอยู่ในฐานลับนั้นเพียงพอที่จะเลี้ยงดูเราสามคนได้อย่างไม่มีกำหนด แต่มันก็ไม่สามารถรักษาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไว้ได้นาน

ข้าได้พยายามเสริมเสบียงของเราโดยใช้ [ผงกระดูก] จำนวนมากเพื่อช่วยผลิตพืชผลมากขึ้น แต่วิธีนี้ต้องใช้ [ผงกระดูก] จำนวนมาก

และข้าแทบจะใช้ [ผงกระดูก] ไปจนหมดแล้ว

แหล่งที่มาของ [ผงกระดูก] มาจากกระดูก อาจเป็นกระดูกจากผีดิบหรือแม้แต่สัตว์ปกติ

แต่ถ้าข้าอยากได้กระดูกพวกนั้น ข้าก็ต้องไปล่าสัตว์ ซึ่งการไปล่าสัตว์ในยามที่การเก็บเกี่ยวไม่ดีนัก ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไร

การเก็บเกี่ยวที่ไม่ดียังทำให้ประชากรมอนสเตอร์ลดลง เนื่องจากอาหารที่ขาดแคลน ถ้าข้าออกไปล่ากระดูกให้เพียงพอที่จะเลี้ยงทุกคนได้ ข้าก็อาจจะฆ่าทุกอย่างในพื้นที่นี้ไป หากจะทำให้มีประสิทธิผล ต้องไม่ใช่วิธีการเช่นนี้

ซึ่งใครที่ไหนมันจะมีเวลามากพอไปล่ากระดูกช่วงเช้าและแอบลอบเอาอาหารเข้ายังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าช่วงดึกกัน? เรื่องนี้ดำเนินมาค่อนข้างนาน

อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่เรามีการเก็บเกี่ยวที่ไม่ดีในปีนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ ปีนี้เราไม่มีภัยแล้ง

เป็นเพียงเพราะแผ่นดินมีความอุดมสมบูรณ์น้อยลง

แต่เมื่อข้าพูดว่า "อุดมสมบูรณ์น้อยลง" มันไม่ได้เกิดจากการปลูกพืชมากเกินไป เพราะไม่ใช่แค่พื้นที่เพาะปลูกที่มีความอุดมสมบูรณ์น้อยลง แต่ทั้งภูมิภาคก็ประสบปัญหาเดียวกัน

พืชในป่าได้เหี่ยวเฉาไปหลายสิบชนิด ซึ่งโดยปกติแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลย

ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา

หมู่บ้านได้ส่งเงินให้นักผจญภัยเข้ามาตรวจสอบ "ค้นหาว่าเหตุใดมานาของแผ่นดินจึงหมดลง" คือสิ่งที่เขียนไว้บนป้ายภารกิจ

เนื่องจากข้าไม่ได้รู้เรื่องเวทย์มนตร์มากนัก ข้าจึงปรึกษาเกรซว่ามันหมายถึงอะไร นางจึงบอกข้าเพิ่มเติมถึงเรื่องนี้

โดยพื้นฐานแล้ว มานาในดินจะหายไปด้วยเหตุผลบางอย่าง เนื่องจากทุกชีวิตต้องการมานา ชีวิตที่อาศัยอยู่จากแผ่นดินจึงเริ่มลดลง

นักผจญภัยในท้องถิ่นของหมู่บ้านของเรากำลังเตรียมที่จะเริ่มการสืบสวน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าไปในภูเขาได้อีก

ส่วนใหญ่เป็นเพราะพวกเขากลัวหมาป่าวิญญาณและไม่ต้องการรุกล้ำดินแดนของอาร์กอน

...คงต้องขอบคุณอาร์คอน ที่ฐานลับของข้าไม่ได้ถูกค้นพบโดยการสืบสวน ก็เนื่องจากมันอยู่ในอาณาเขตของเขา

หมู่บ้านอื่นๆ ที่อยู่ใกล้กับหมู่บ้านของเรามากที่สุดก็อยู่ห่างออกไปสองวันในการเดินทางด้วยม้าและรถม้า หมู่บ้านแห่งนั้นมีนามว่าหมู่บ้านโทโทคุ

ทั้งซาดิน (หมู่บ้านของเรา) และหมู่บ้านโทโทคุอยู่ในส่วนที่ห่างไกลของอาณาจักร ทางตะวันออกของเราคือ "ป่าใหญ่แห่งนาคูลา"

นักผจญภัยต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านโทโทคุ จากนั้นก็เดินทางเข้าไปในป่าใหญ่แห่งนาคูลาเพื่อหลีกเลี่ยงอาร์กอน แต่หมู่บ้านโทโทคุไม่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์นี้เช่นเดียวกับเรา

ข้าเองก็ได้เริ่มการสืบเสาะเช่นกัน

ข้าสังเกตเห็นว่ายิ่งมันอยู่ใกล้กับฐานลับของข้ามากเท่าไหร่ การเหี่ยวแห้งและมานาก็ทรุดตัวแรงขึ้นเช่นกัน

หลังจากเฝ้าสังเกตมา 1 สัปดาห์ ข้าก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ เนื่องจากได้ข้อสรุปว่าต้นตอของปัญหาไม่ได้อยู่ในป่าของเราอย่างแน่นอน

_______________________________

*ฟึด ฟึด* ข้าซุกหน้าลงบนต้นขาของเมล่อนและเผลอสูดกลิ่นเข้าไป

กลิ่นสบู่ที่ข้าทำช่างหอมเหลือเกิน ข้าดีใจมากที่ข้ายังจำวิธีทำสบู่ได้

___________________________________

แต่จะว่าไป เรื่องป่าใหญ่แห่งนาคูลา

ในภาษาโบราณ "นาคูลา" หมายถึงความงามลึกลับและยังเป็นชื่อของผู้พิทักษ์ป่า

ป่ามีขนาดใหญ่พอที่จะครอบคลุม 5% ของภูมิภาคของเรา และแท้จริงแล้วมันแทบจะเหมือนกับท้องทะเลแห่งป่าไม้เลย

ทว่ามีเพียงเขตชานเมืองเท่านั้นที่จะนับได้ว่าเป็น 'ป่า' หากเดินทางมุ่งหน้าเข้าไป สิ่งที่พบก็จะมีแต่ป่ามากขึ้นเท่านั้น

มอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่ในป่านั้นแข็งแกร่งมาก พวกมันเป็นเป้าหมายในอุดมคติของข้าที่จะใช้ยกระดับ เสียดายแต่ว่ามันอยู่ไกลเกินไป

แม้ว่าฐานลับของข้าจะตั้งอยู่ในส่วนที่ลึกกว่าของป่า แต่ก็ยังเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของมันเท่านั้น อาร์คอนเองก็อาศัยอยู่ที่นี่

ถ้าเราลองเปรียบเทียบป่าใหญ่ของป่าใหญ่แห่งนาคูลากับส่วนที่ข้าอยู่ ตัวข้าก็เหมือนอยู่แค่พื้นผิวส่วนนอกเท่านั้น

ป่าใหญ่แห่งนาคูลาเต็มไปด้วยความลึกลับ

ข้าได้พิจารณาแล้วว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นในส่วนลึกของป่าแน่

ระยะทางค่อนข้างไกล แต่ข้าคิดว่ามันน่าจะจัดการได้ถ้าเราใช้ประโยชน์จากความสามารถของเกรซในการเทเลพอร์ต

แต่ข้าไม่ควรพึ่งพานางอย่างเดียว กฎข้อหนึ่งของการเข้าป่าคือการเตรียมตัว

ยิ่งเราเข้าใกล้ศูนย์กลางมากเท่าไร ก็จะมีพืชจำนวนมากที่บดบังการมองเห็นของเรา นอกจากนี้ ยังมีหนองน้ำที่เป็นอันตรายมากมายอยู่ด้วย

ในกรณีนี้ ความสามารถในการเคลื่อนย้ายของเกรซจะถูกจำกัดโดยสภาพแวดล้อมโดยรอบ นั่นคือเหตุผลที่ข้าพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการผจญภัยของเรา

สิ่งนี้ทำให้ข้าต้องเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าในการจัดการกับเกราะโซ่ที่ข้าต้องการมอบให้กับเมล่อน

___________________________

“นายท่าน มันจั๊กจี้นะ” เมล่อนเริ่มหน้าแดง แต่สีหน้าของนางก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก

เมล่อนดูจะเริ่มระวังในการแสดงอารมณ์ของนางออกมา ช่างน่าเอ็นดูเหมือนกับน้องสาวเลยแฮะ

“...วอลสัน เลิกกวนได้แล้ว”

...ข้าหวังเหลือเกินว่าเกรซจะหยุดเอาไม้มาเคาะหัวและข่มขู่ข้าเสียที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด