เล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 1 บทที่ 19: นับของที่เก็บมาได้
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
เล่มที่ 1 บทที่ 19: นับของที่เก็บมาได้
.
(วอลสัน)
ต้องใช้เวลาอีกสองชั่วโมงกว่าท้องฟ้าจะมืด ซึ่งเป็นเวลาที่ข้าจะต้องกลับไปหาเด็กคนอื่น
...โอ้ พอพูดถึงเรื่องเวลาแล้ว ข้าก็อยากจะพูดถึงว่าโลกนี้คำนวณเวลาได้แตกต่างกันกับโลกเก่ามาก ครึ่งชั่วโมงคือหนึ่ง 'หน่วยเวลา' ซึ่งสามารถบันทึกไว้ได้ด้วยเวทมนตร์พิเศษ
ก็เหมือนกับ Tick ในเกมมายคราฟ แต่ในโลกใบนี้ทุกครึ่งชั่วโมงจะนับว่าเป็น 1 ลูปหรือ 1 Tick
ชื่อของหน่วยเวลาที่จริงไม่ได้เรียกว่า Tick จริงๆ หรอก
แต่ว่าตัวข้ามี [แผนที่ขนาดเล็ก] ซึ่งมีฟังก์ชันเวลา 24 ชั่วโมงบอกให้ด้วย ดังนั้นข้าจึงสามารถรู้เวลาได้อย่างรวดเร็ว
ตามปกติโลกมีเวลาถึงหกโมงเย็น แต่โลกใบนี้มีถึงเจ็ด ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะข้าเติบโตจนชินกับมันแล้ว โดยส่วนตัวแล้ว ข้าคิดว่ามันเหมือนกับสภาพโลกที่ "มีแสงแดดมากขึ้นในฤดูร้อนและฤดูหนาวที่น้อยลง" อะไรเช่นนี้ เหมือนกับทวีปโซนเอเชีย
ถึงอย่างไรก็ตาม! ก่อนที่เราจะกลับไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ข้าอยากพาทั้งเกรซและเมล่อนกลับไปที่ฐานลับก่อน
เราจบลงด้วยการฆ่าตัวต่อทั้งหมด 35 ตัว
นอกเหนือจากน้ำผึ้งที่ได้มาแล้ว ยังมีของที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกมากมายที่เราสามารถเก็บมาได้ เช่นตัวต่อยี่สิบเจ็ดตัวบวกกับตัวต่อยราชินีขนาดยักษ์อีกหนึ่งตัว
นอกจากนี้ยังมีเยื่อปีกแมลงหกสิบชิ้น สี่ชิ้นมาจากราชินียักษ์
ข้าคงต้องหาเวลามาศึกษาอะไรพวกนี้แล้ว คุณภาพของพวกมันดีมาก เพราะมันมาจากมอนสเตอร์ขั้นสูง
เมล่อนได้เรียนรู้ทักษะที่เรียกว่า [เสริมแรงทางกายภาพ] จากการเดินทางครั้งนี้
ในทางเทคนิคแล้ว มันเป็นเวทย์มนตร์ที่ไม่มีธาตุมาข้องเกี่ยว แต่เราก็สามารถนำธาตุเข้ามาผสมได้ด้วย
ตราบใดที่ทักษะนี้ทำงาน มันจะกินมานาอย่างต่อเนื่อง
เพราะนางเพิ่งเรียนรู้มันในวันนี้ ทักษะนี้จึงเพียงระดับ 1 เท่านั้นและเพิ่มพลังน้อยมาก
...พอกลับมาที่ฐานและข้าบอกให้นางฝึกหุ่นไม้ในขณะที่เปิดใช้งาน [เสริมแรงทางกายภาพ] มันก็ทำให้ข้าพูดไม่ออกเลยทีเดียว นางโจมตีไม่กี่ที หุ่นไม้ก็แตกสลายออกเป็นชิ้นๆ
บางทีมันเป็นเพราะมันสึกหรออยู่แล้ว แต่ไม่ใช่สิ เจ้านี้มันหุ่นไม้ตัวใหม่เลยนะ! มันเพิ่งจะเข้ารับหน้าที่ได้สัปดาห์เดียวเอง!
แต่หลังจากใช้ [กระดานหิน] ก็มีบางอย่างที่ข้าเพิ่งรู้
ค่าสถานะการโจมตีของเมล่อนสูงผิดปกติประมาณสองเท่าของข้า
...และนางมีระดับต่ำกว่าข้าถึง 12 ระดับไม่ใช่เหรอ!?
นี่คือความแตกต่างระหว่าง [นักสู้] และ [สามัญชน] ใช่ไหม? อ๊าา รู้สึกแย่จังเลย!
...ด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ข้าก็พยายามขจัดความรู้สึกไม่ดีนี้ออกไป
“เมล่อน นี่คือหุ่นตัวใหม่ หรือจะเรียกว่า [หุ่นเหล็ก] ก็ได้มั้ง?” ข้าวางหุ่น "เหล็ก" ตัวใหม่ลงบนพื้น
ในแง่ของโครงสร้างและระบบ มันก็เหมือนกับหุ่นไม้ทั่วไป ยกเว้นว่ามันทำมาจาก "เหล็กดำ" ของข้า
“นายท่าน...ท่านไม่จำเป็นต้องทำเพื่อข้าจริงๆ...”
"แต่ข้าต้องทำ ดังนั้นเพื่อให้ความพยายามของข้าไม่สูญเปล่า จงพยายามดีที่สุดและฝึกให้หนักที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้ ตกลงไหม?” บางทีข้าคงต้องจดบันทึกจำนวนหุ่นที่เมล่อนทำพังเสียแล้ว จะได้เอาไว้ใช้เป็นหน่วยวัดพลังในอนาคต หนึ่ง!
สอง... สาม...
ขณะนี้มีหุ่นแตกไปแล้วสามตัว นางจะเชือดมันไปอีกกี่ตัวกันนะ...? ล้อเล่นน่า
(หลายปีต่อมา เมื่อข้านึกย้อนกลับไปในอดีต ข้าก็ไม่น่าคิดเป็นลางเลย)
ดังนั้นด้วยวัตถุประสงค์ในการฝึกความสามารถของการเพิ่มมานาและเพิ่มระดับทักษะ ข้าจึงให้เมล่อนฝึกฝนกับหุ่นด้วย [การเสริมแรงทางกายภาพ] อย่างต่อเนื่อง
ต่อไปคือเกรซ
วันนี้นางได้เรียนรู้ทักษะการเคลื่อนย้ายที่เป็นเอกลักษณ์ของสายพันธุ์ [เอนเดอร์แมน] หรือที่เรียกว่า [กระโดดข้ามมิติ]
บาทหลวงมาร์บอนได้ปกปิดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานะของเกรซในเผ่า [เอนเดอร์แมน] และซ่อนค่าสถานะที่แท้จริงของนางไป แต่ถ้าเกรซต้องการ นางก็สามารถใช้ [กระดานหิน] เพื่อดูมันได้
หรือบางคนที่มีทักษะเช่น [สายตากว้างไกล] ก็จะสามารถมองเห็นทะลุภาพลวงตาที่มาร์บอนสร้างขึ้นได้
ข้าขอย้อนความไปหน่อย กลับมาที่เรื่อง [เอนเดอร์แมน] ก่อน
ในโลกนี้ คาถาที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางในอวกาศ/มิติ ล้วนมีขนาดใหญ่และยากมาก ต้องใช้บทสวดที่ยาวและค่าร่ายที่สูง ไม่ใช่ว่าพวกมันหายากมาก เพราะบางเมืองใหญ่มีการขนส่งขนาดใหญ่ด้วยการเคลื่อนย้ายระดับสูง แต่เพราะมันยากมาก จึงมักไม่ค่อยมีใครนำมันมาใช้ในการต่อสู้สักเท่าไร
นอกจากนี้มันยังต้องการพรสวรรค์และความเข้ากันได้กับเวทมนตร์ประเภทนี้ ดังนั้นแม้มันจะหาได้ไม่ยาก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเช่นกัน
มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยที่ใครจะใช้เวทมนตร์แบบนี้ได้
แต่ [กระโดดข้ามมิติ] ไม่มีมานาที่ต้องใช้ ไม่จำเป็นต้องร่ายคาถาและเกรซก็สามารถใช้ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
มันมีระยะเวลาหน่วงการใช้อยู่ที่ 0.5 วินาที ซึ่งมันก็แค่พริบตาเดียว ทว่ามันมีขีดจำกัดอยู่ที่ระยะ 128 เมตร
แต่สำหรับเกรซ มันก็ดีมากพอแล้ว นางสามารถเทเลพอร์ตไปรอบๆ ซ้ำๆ เหมือนกับผียังได้เลย
...ข้าถึงกับอ้าปากค้าง โอ้ แม่เจ้า นี่เป็นทักษะโกงชัดๆ
นอกจากนี้นางยังยังได้เรียนรู้ทักษะแบบติดตัวที่มีชื่อเรียกว่า [เมล็ดคอรัส] ซึ่งมาพร้อมกับทักษะใช้งานที่มีชื่อว่า [คอรัสเบ่งบาน]
ในโลกนี้ หากเจ้าต้องการเรียนรู้ทักษะโดยไม่เคยใช้มันมาก่อน [กระดานหิน] ก็จะไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆ แก่เจ้าได้ เราไม่สามารถใช้มันเพื่อดูได้ว่าสองทักษะนี้มีความสามารถเช่นไร
[ดอกคอรัส] เป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่เติบโตในจุดจบของโลกมายคราฟ สถานที่ที่เต็มไปด้วยเอนเดอร์แมนและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ เอนเดอร์
ไม่คิดเลยว่านี่จะกลายเป็นทักษะจริงๆ
ไว้เราค่อยมาทดสอบทักษะนั้นกันในอนาคตแล้วกัน ยังไงมันก็ต้องเป็นทักษะที่โกงอยู่แล้ว... * ฮึกๆ*
“...วอลสัน ที่นี่” เกรซเอื้อมมือไปที่หลังคอของนางและปลดสร้อยคอที่นางสวมติดตัวมาตลอด
มันคือสร้อยคอไข่มุกเอนเดอร์ของนาง ข้าจำได้ว่ามันเป็นแค่เชือกที่ผูกกับไข่มุกเอนเดอร์เท่านั้น
แต่พอข้าดูอีกที ไหงมันมีไข่มุกเอนเดอร์อยู่สองลูกกัน เอ๊ะ? เอ๊ะ?
เรารีบดูด้วย [กระดานหิน] และเห็นว่าสร้อยคอนี้เป็นอุปกรณ์เสริมที่สามารถเติบโตไปพร้อมกับผู้ใช้ ซึ่งมันมักจะถูกเรียกกันว่า [อุปกรณ์เติบโต]
มันเป็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่สามารถเติบโตได้ ตราบใดที่ผู้ใช้ยังคงเติบโตต่อไป ข้าได้ยินมาว่าเหล่าเอลฟ์มักจะสร้างสิ่งของเช่นนี้ขึ้น
เอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีทักษะเผ่าที่มีชื่อว่า [เอลเวนิส] อันย่อมาจาก "เอลเวไนเซชัน" มันเป็นทักษะที่สามารถเปลี่ยนไอเท็มให้เป็น [อุปกรณ์เติบโต] ส่วนตัวของพวกเขาเองได้
แต่ทักษะนี้สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวต่อชีวิตเท่านั้น
ตัวอย่างเช่นมีนักธนูเอลฟ์คนหนึ่งที่พบธนูที่เขาชอบมาก ด้วยการใช้ [เอลเวนิส] บนคันธนู คันธนูจะกลายเป็นอาวุธส่วนตัวของเขาที่แข็งแกร่งขึ้นพร้อมกับเขา
[อุปกรณ์เติบโต] เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากจริงๆ ข้าอ่านมันในหนังสือ แต่ไม่เคยคิดว่าข้าจะเห็นมันด้วยตาของข้าเอง
ในกรณีของเกรซ ตราบใดที่นางยังคงเติบโต สร้อยคอก็ดูเหมือนจะสร้างไข่มุกเอนเดอร์มากขึ้นในลักษณะที่คล้ายกับการแบ่งเซลล์
สิ่งที่คิดว่าเป็นของตกแต่งในตอนแรกกลับกลายเป็นว่าจะไม่ใช่เสียแล้ว
น่าแปลกที่มันไม่ได้คล้ายกับไข่มุกเอนเดอร์จากมายคราฟอย่างที่ข้าคิด
ในความเป็นจริง ไข่มุกเอนเดอร์ เหล่านี้ดูเหมือนจะทำหน้าที่เหมือน "จุดอ้างอิง" มากกว่า
ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ระยะการเคลื่อนย้ายของเกรซคือ 128 เมตร แต่ด้วยไข่มุก ทำให้สามารถไปไกลเกินกว่านั้นได้
ไม่ว่านางจะอยู่ไกลแค่ไหน นางก็สามารถเลือกที่จะเทเลพอร์ตไปยังที่ที่ไข่มุกอยู่ได้ สมมติว่านางอยู่ต่างประเทศและนางต้องการกลับบ้าน หากมีไข่มุกอยู่ในบ้านของนาง นางก็สามารถกลับมาได้ทันที
แต่คนที่ไม่ใช่เกรซยังสามารถใช้ไข่มุกได้ ทว่ามันจะทำงานต่างกัน ข้าสามารถโยนไข่มุกและเคลื่อนย้ายไปยังที่ที่ไข่มุกลงจอดได้เช่นเดียวกับในมายคราฟ พอไข่มุกกลับมายังมือของข้า ข้าถึงจะสามารถใช้มันซ้ำๆ ได้
ว้าว สิ่งนี้อาจจะก่อให้เกิดการปฏิวัติโลกใบนี้ได้เลยเชียวนะ
“... อันนี้ให้เจ้า” เกรซหยิบไข่มุกเม็ดใหม่มาให้ข้า
...รู้สึกว่าเกรซพยายามจะบอกอะไรบางอย่างแก่ข้าหรือเปล่านะ? นี่ไม่ใช่ของขวัญธรรมดาๆ แหง
ช่างเถอะ ข้าขอรับด้วยความยินดีแล้วกัน
__________________________
ขณะที่ทุกคนนั่งอยู่เป็นวงกลมบนพื้น เราก็จัดระเบียบสิ่งต่างๆ และทบทวนการผจญภัยของเรากัน
ข้าถามเกรซเกี่ยวกับการใช้เวทย์มนตร์ของนาง
ความเร็วของคาถา [ใบมีดวายุ] เกี่ยวข้องกับอากาศโดยรอบ ดังนั้นหากฝ่ายตรงข้ามคล่องแคล่วก็สามารถหลบได้เลย และเมื่อข้าเห็นว่า [ศรแห่งความมืด] บินได้เร็วขึ้นมาก ข้าก็สงสัยจริงๆ ว่าทำไมเกรซถึงไม่ใช้คาถา [ใบมีดความมืด]
แต่แล้วเกรซก็บอกข้าเพิ่มเติมถึงเรื่องของเวทมนตร์ โดยพื้นฐานแล้วคาถาเป็นสิ่งที่ได้มาจากเหล่าธาตุในชั้นบรรยากาศหรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นคำพูดที่ธาตุทักทอมาให้กับผู้ใช้
คาถาวิเศษเกือบทั้งหมดที่ส่งต่อกันมาคือคาถาที่ยัง "ไม่คิด"
คิดเสียว่าเป็นการสั่งอาหารด้วยภาษาต่างประเทศแล้วกัน ถึงพวกเจ้าจะจำภาษาต่างประเทศมาเพื่อสั่งอาหาร แต่เจ้าก็คงไม่รู้ความหมายของคำพูดพวกนั้นอยู่ดี แล้วถ้าเกิดเจ้าอยากลองทำอาหารสัญชาติอื่นให้กับเชฟคนละภาษาล่ะ?
ลองนึกถึง "ข้าต้องการคุกกี้ที่มีช็อกโกแลตชิปที่อบภายในเตาอบเป็นเวลาสามสิบนาทีแล้วทำให้เย็นลงบนถาด" เป็นภาษาอื้นดู
จากนั้นก็ลองคิดว่า "ข้าต้องการไฟที่มีรูปร่างในลูกบอลที่ส่งไปยังเป้าหมายของข้าอย่างรวดเร็ว"
การ 'ดัดแปลง' คาถาจำเป็นต้องเข้าใจภาษาของวิญญาณให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น คำศัพท์และไวยากรณ์เป็นสองอุปสรรคมากมายในการใช้เวทมนตร์
นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการเรียนรู้การใช้เวทมนตร์ด้วย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคาถาจึงยังคงถูกจดจำและไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่
ไม่เพียงแต่ไม่รู้ว่าคาถาจะสร้างอะไรขึ้นมา แต่ยังต้องระวังเรื่องมานาด้วย หากไม่มีมานาเพียงพอในคาถาที่ไม่อาจเข้าใจ ก็อาจจะมีอันตรายเกิดขึ้นได้
“.. อืม ข้าคิดว่าข้าได้ยินใครบางคนพูดก่อนว่า 'จินตนาการคือเวทมนตร์' ไม่ใช่เหรอ?” ข้านึกย้อนกลับไปถึงคำพูดหลายคำในหนังสือที่ข้าเคยอ่านขณะอยู่บนโลก
“...ข้าชอบวิธีคิดแบบนั้น คงจะต้องศึกษาให้มากกว่านี้” เกรซพยักหน้า ข้ามีความมั่นใจในตัวนางมากว่านางจะทำได้อย่างแน่นอน ถ้ามีใครทำได้ คนผู้นั้นก็คงจะเป็นเกรซ
สรุปแล้ว ทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ วันนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก
แต่...ศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดรอบๆ ป่าและภูเขามีระดับประมาณสี่สิบหรือมากกว่านั้น ถ้าเราแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ มันก็จะทำให้ยากที่จะไปให้สูงขึ้น
ข้าติดอยู่กับระดับ 25 มาสองเดือนแล้ว ในที่สุดข้าก็มาถึงระดับ 26 ในวันนี้
เมื่อเห็นท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ข้าก็รีบคว้าเกรซและเดินทางกลับไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
แน่นอนว่าข้าไม่ลืมที่จะคว้าถุงสไลม์ขนาดใหญ่และแกนเมือกไปด้วย! เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนยังไง? คนงี่เง่าเหรอ?
ข้าต้องนำมันมามากกว่าร้อยลูกอยู่แล้ว ยิ่งเอามาเยอะสิยิ่งดี
แต่ปรากฎว่าเด็กคนอื่นๆ ทั้งหมดกลับได้คนละสิบกว่าลูกเท่านั้น
...ช่างน้อยนิดนัก...ส่วนทางข้า...
มิตตี้ เจ้าเด็กงี่เง่าที่อายุมากกว่าเราสองคนสองปีก็พูดอะไรบางอย่างเช่น "เจ้าเอาแต่พึ่งพาเกรซ" และอะไรก็ไม่รู้พร้อมกับท้าดวลข้า
ไว้ข้าจะจัดการเจ้าทีหลังแล้วกัน