บทที่ 122 สิ่งที่ข้าได้เห็นด้วยสองตาของข้าเอง….
บทที่ 122 สิ่งที่ข้าได้เห็นด้วยสองตาของข้าเอง….
ทะเลทรายทางตอนใต้
ที่แห่งนี้ถูกทิ้งร้าง
ไม่เพียงเพราะมีสัตว์อสูรทุกชนิดในทะเลทราย!
ที่นี่ออร่าปราณปั่นป่วนสุดๆ!
ถ้าผู้เชี่ยวชาญมาต่อสู้กันที่นี่ พื้นที่นี้จะกลืนกินปราณในร่างกายตลอดเวลา
ในขณะเดียวกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะดูดซับปราณจิตวิญญาณจากโลกภายนอก!
สิ่งนี้นำไปสู่ความจริงที่ว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อสู้ที่นี่เป็นเวลานาน!
คนธรรมดาไม่สามารถจัดการกับสัตว์อสูรที่นี่ได้เลย!
การบ่มเพาะในที่แห่งนี้ ประสิทธิภาพจะต่ำมาก!
และในขณะนี้
ขุมพลังทั้งหมดของแดนใต้มาที่นี่เพื่อผนึกการก่อตัว และพวกเขาต้องรักษาปราณวิญญาณสำรองไว้ในร่างกายเสมอ!
"ทุกคน มาเริ่มกันเลย"
หลังจากกล่าวจบ ฉินเทียนหนานมองไปที่หลู่ชางเฉินและกล่าวว่า "อย่าลืมรักษาค่ายกลให้คงที่ หากมีการเปลี่ยนแปลง ให้เจ้าเสริมความแข็งแกร่งให้ค่ายกลทันที"
เสริมพลังให้ค่ายกล?
หลู่ชางเฉินพยักหน้า
ทันใดนั้น ทุกคนก็เริ่มปลดปล่อยฐานการบ่มเพาะของตน!
ค่ายกลปิดผนึกถูกเปิดใช้งาน!
กระแสแห่งปราณผนึก เริ่มรวมตัวกันในช่องแคบๆเหล่านั้น!
พื้นที่นี้ไม่เสถียรอย่างมาก!
ถ้าเจ้าต้องการเข้าไป เจ้าต้องใช้ค่ายกลปิดผนึก เพื่อทำให้มั่นคง!
ถ้าค่ายกลผนึกสามารถทำงานได้เต็มที่เมื่อไหร่ ก็สามารถเข้าไปในพื้นที่ด้านในได้ เพื่อดูว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในนี้บ้าง!
...
อีกด้านหนึ่ง
ในอดีตที่ตั้งของอาณาจักรหยุนหวง(เมฆาหงส์ชาด)
ในห้องโถงใหญ่
ต่อหน้าหงหยิงและหยุนหมิง มีชายร่างสูงยืนอยู่
และบนหัวของชายผู้นั้น มีวิญญาณลวงตาลอยไปมา
หากสังเกตให้ดี จะพบว่าใบหน้าของวิญญาณดวงนี้ช่างคล้ายกับใบหน้าของชายคนนั้นทุกประการ!
และวิญญาณดวงนี้
กำลังผสานเข้ากับร่างกายอย่างช้าๆ!
ไม่นานนัก
จิตวิญญาณรวมเข้ากับร่างกายอย่างสมบูรณ์
ในเวลานี้ ชายร่างสูงลืมตาขึ้น!
มองไปที่หงหยิงที่อยู่ตรงหน้า ความปีติยินดีปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา!
ทันใดนั้น เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงต่อหน้าหงหยิง และกล่าวด้วยความเคารพว่า
"ฝ่าบาท!"
หงหยิงยิ้มและพยักหน้า “หยุนจ้าน เจ้ายังอ่อนแออยู่ ลุกขึ้นเถิด”
ชายร่างสูงคือหยุนจ้าน!
เป็นผู้บังคับบัญชากองพลเก้าสวรรค์ของอาณาจักรหยุนหวง!
ความแข็งแกร่งในการต่อสู้เป็นรองแค่หงหยิงและมหาเสนาบดีของนางอีกคนเท่านั้น
(จีนใช้คำว่า 大国师 Dàguóshī ซึ่งแปลว่าท่านอาจารย์ใหญ่หรือปรมาจารย์ใหญ่ ในที่นี้หงหยินเป็นจักรพรรดินี ขอใช้คำว่ามหาเสนาบดีแล้วกันนะครับเพื่อให้คำออกมาสวย)
"ขอบคุณ ฝ่าบาท!"
หยุนจ้านยืนขึ้นอย่างตื่นเต้น มองไปที่หยุนหมิงที่อยู่ข้างหลังหงหยิงและกล่าวด้วยรอยยิ้ม: "ดูเหมือนว่าพี่น้องที่เหลือก็หลุดพ้นจากการผนึกเช่นกันนะ"
หยุนหมิงหัวเราะเสียงดัง: "แน่นอน"
"ดี!"
หยุนจ้านตบไหล่หยุนหมิง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เราจะสู้ด้วยกันอีกครั้ง!"
"แน่นอนอยู่แล้ว!"
หงหยิงชำเลืองมองไปรอบๆ และถาม "ท่านมหาเสนาบดีถูกผนึกอยู่ที่ไหน"
ได้ยินคำดังกล่าว
รอยยิ้มบนใบหน้าของหยุนจ้านจางลงเล็กน้อย และเขากล่าวอย่างจริงจังว่า: "ท่านมหาเสนาบดีไม่ได้ถูกผนึกโดยกลุ่มคนนอกเขตแดนสวรรค์ แต่เลือกที่จะผนึกตัวเอง"
"หืม?"
หงหยิงผงะเล็กน้อย
นางรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับสถานที่ปิดผนึกของกองพลเก้าสวรรค์
มีแต่ข่าวเกี่ยวกับมหาเสนาบดีเท่านั้น ที่หงหยิงไม่รู้
หยุนจ้านอธิบายว่า: "หลังจากที่เราถูกผนึก ท่านมหาเสนาบดีก็ผนึกตัวเองในวังของท่าน ในขณะเดียวกัน เขาก็เปลี่ยนวังของท่านให้กลายเป็นดินแดนลับ!"
"ตามความคิดของท่านมหาเสนาบดี หลังจากที่เราถูกผนึก โลกนี้จะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!"
"เราใช้พลังของทั้งทวีป แต่เราก็ไม่ประสบความสำเร็จในการต่อสู้ ด้วยกองพลเก้าสวรรค์และฝ่าบาทเพียงลำพัง อาจเป็นเรื่องยากมากที่จะต่อสู้กับ เส้นทางสวรรค์อีกครั้ง..."
หงหยิงพยักหน้า
ท่านมหาเสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่
ในอาณาจักรหยุนหวง เขาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางทหาร
คอยให้คำแนะนำสำหรับหงหยิง!
เป็นบุคคลที่พิจารณาทุกสิ่งอย่างรอบคอบอย่างยิ่ง
หยุนจ้านกล่าวต่อ: "ดังนั้นท่านมหาเสนาบดีจึงปิดผนึกตัวเอง และสร้างดินแดนลับ และสร้างมรดกนับไม่ถ้วน!"
"จุดประสงค์คือเพื่อดูว่าหลังจากผ่านไปหลายปี จะมีใครบ้างที่สามารถเข้าสู่ดินแดนลับและได้รับมรดกเหล่านั้น"
หงหยิงเข้าใจ
การเคลื่อนไหวของท่านมหาเสนาบดีไม่เพียงเพื่อรักษามรดกโบราณไว้ในดินแดนลับเท่านั้น!
เขายังอยากจะดูว่ามีใครในโลกนี้ที่สามารถนำมาใช้ได้ไหม หลังจากที่พวกเขาหลุดจากผนึกมาอย่างสมบูรณ์!
สะสมพลังเพื่อต่อสู้กับเส้นทางสวรรค์อีกครั้ง!
"ดินแดนลับนั้นอยู่ที่ไหน?"
หยุนจ้าน คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า: "ในแดนใต้"
"ตามเวลา ดินแดนลับนั้นควรจะถือกำเนิดขึ้นในเร็วๆ นี้"
...
ในด้านอื่น ๆ.
ภูมิภาคตะวันตก
ในภูมิภาคนี้ ไม่เหมือนอีกสี่ภูมิภาค ที่กองกำลังมีความสลับซับซ้อน
ที่นี่มียักษ์ตัวเดียวเท่านั้น!
นั่นคือนิกายพุทธะ
ในภูมิภาคตะวันตก นิกายพุทธะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง!
ในขณะเดียวกัน มันก็ลึกลับมากเช่นกัน
ขณะนี้ ชายผู้หนึ่งถือตะกร้าหนังสือมาถึงเมืองฝอเฉิง(เมืองพุทธะ)
เมืองฝอเฉิงเป็นที่ตั้งของนิกายพุทธะ!
ในเมืองฝอเฉิง
มีร้านอาหาร.
ไม่ใช่ว่าในเมืองจะมีแต่ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหมด
ยังมีนักพรตหรือผู้เชี่ยวชาญอื่นๆอีกด้วย
บัณฑิตผู้หนึ่งสะพายตะกร้าหนังสือไว้ด้านหลัง เดินเข้าไปในร้านอาหาร
หาที่นั่งลง
ข้างเขา มีคนกล่าวถึงเรื่องนี้อยู่สามหรือห้าคน
"ได้ยินว่ามีพุทธบุตรเกิดในนิกายพุทธะ!"
"ข้าเคยได้ยินมาว่า พุทธบุตรองค์นี้ดูเหมือนจะเป็นพุทธองค์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่กลับชาติมาเกิด และตั้งแต่เกิดมาก็ได้รับแสงสว่างจากธรรมแห่งพุทธะ!"
"ตอนนี้ การปฏิบัติธรรมของพุทธบุตรผู้นี้ก็ก้าวหน้าไปมาก กล่าวกันว่าสามารถเทียบเคียงกับพุทธองค์บางองค์ในนิกายพุทธะได้"
"และพุทธบุตรผู้นี้ดูเหมือนจะบำเพ็ญตนอยู่ในโลกของปุถุชน และคอยสั่งสอนธรรม"
เมื่อได้ยินเช่นนี้
บัณฑิตลุกขึ้นยืน และเดินไปที่ด้านข้างของฝูงชน
"พุทธบุตรสืบทอดนิกายพุทธะ สามารถกำจัดผู้ไม่เห็นด้วยด้วยได้หรือไม่?"
ได้ฟังคำกล่าวของบัณฑิต
สีหน้าของคนพวกนั้นเปลี่ยนไปทันที!
ต้องรู้ก่อนว่า.
ในดินแดนตะวันตก แม้แต่ในเมืองฝอเฉิงแห่งนี้ การกล่าวให้ร้ายนิกายพุทธะถือเป็นเรื่องต้องห้าม!
"ทำไมบัณฑิตท่านนี้ถึงกล่าวแบบนั้นล่ะ?"
"โปรดกล่าวอย่างระมัดระวัง!"
บัณฑิตไม่ได้รู้สึกอย่างไร แต่กล่าวต่อไปว่า: "คนที่นับถือนิกายพุทธะและลัทธิเต๋า พวกเขาควรใจกว้างและให้อภัย พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะฟังสิ่งเลวร้ายได้เลยหรือ?"
ท่ามกลางฝูงชน
มีชายผู้หนึ่งส่ชุดคลุมทั้งตัว เขาเป็นนายน้อยของตระกูลหนึ่งในเมืองฝอเฉิงแห่งนี้
ตระกูลหนิง!
เป็นหนึ่งในตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองฝอเฉิง ยกเว้นนิกายพุทธะ
หนิงหมิงกล่าวเตือนว่า: "ท่านบัณฑิต กล่าวสิ่งนี้ต่อหน้าพวกเราไม่เป็นไร แต่ท่านไม่สามารถกล่าวต่อหน้าผู้ศัทธาพุทธะเหล่านั้นได้"
การแสดงออกของบัณฑิตไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่เขาส่ายหัวและกล่าวว่า "สิ่งที่ข้าเห็นด้วยตาทั้งสองของข้า คือมีนักบวชนิกายพุทธะผู้หนึ่ง เฝ้าดูสัตว์อสูรฉีกทึ้งผู้คนในหมู่บ้านเล็กๆบนภูเขาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ด้วยเพราะปถุชนผู้นั้นไม่ศรัทธาในพุทธองค์ เขายืนอยู่เฉยๆ โดยไม่ช่วยเหลือ”
"ทำไมข้ากล่าวถามไม่ได้ล่ะ?"
"เป็นไปได้ไหมที่ผู้ที่อยู่นิกายพุทธะเป็นเช่นนี้ทุกคน"
หนิงหมิงและคนอื่น มีใบหน้าเคร่งขรึม
ประโยคที่กล่าวมานี้ มีโทษเพียวประการเดียว
สังหารและลงโทษ!
หากคนในนิกายพุทธะได้ยินคำเหล่านี้ พวกเขาคงนำบัณฑิตผู้นี้ไปยังนิกายพุทธะ!
เขาคงโชคร้ายมากกว่าโชคดี!
เพราะในภูมิภาคตะวันตก ในเมืองฝอเฉิงแห่งนี้ นิกานพุทธะคือสวรรค์!
มีคนนับไม่ถ้วนที่เชื่อในพุทธองค์ และพวกเขาถือว่านิกายพุทธะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์!
หนิงหมิงกล่าวอีกครั้ง: "ท่านบัณฑิต นี่ ดีกว่าที่จะไม่กล่าวอะไรเกี่ยวกับนิกายพุทธะ"
บัณฑิตปฏิเสธที่จะฟังและต้องการกล่าวอีกครั้ง
จู่ๆก็มีคนเข้ามา
"เจ้ามีเจตนาอะไร! ถึงได้ใส่ร้ายนิกายพุทธะ!"
หนิงหมิงและคนอื่นๆ ถอยกลับไป
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมกับบัณฑิตผู้นี้
หนิงเฉินซินมองไปที่คนเหล่านี้ และกล่าวอย่างเฉยเมย: "ข้าพเนจรไปในโลก เดิมทีข้ามีความคาดหวังต่อนิกายพุทธะและผู้ปฏิบัติธรรม แต่ข้าต้องเฝ้าดูฉากนี้อย่างช่วยไม่ได้"
"บางสิ่งที่ข้าเห็นด้วยตาทั้งสองข้างคือการใส่ร้าย?"
"สิ่งที่เจ้าเห็นได้ด้วยตาทั้งสองข้าง?" คนจากนิกายพุทธะมีสีหน้างุนงง
หนิงเฉินซินพยักหน้า และกล่าวว่า: "ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่สามารถให้คำตอบข้าได้ ดังนั้นเซียวเซิงผู้นี้ วางแผนที่จะไปยังนิกายพุทธะ เพื่อดูและตั้งคำถาม เพื่อแก้ปัญหาความสับสนในใจของข้า"