ตอนที่แล้วบทที่ 1025 (146) การรุกล้ำ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 1027 (148) พ่อเป็นเสือแล้วลูกจะเป็นหมาได้อย่างไร?  

บทที่ 1026 (147) ทัศนคติของแมงมุมขาว(ตอนฟรี)


บทที่ 1026 (147) ทัศนคติของแมงมุมขาว

“ขอบคุณจริงๆนะคะคุณชายจี้... เรื่องที่คุณชายจี้คือคนที่ช่วยชีวิตฉันน่ะค่ะ และยังช่วยถึงสองครั้งด้วย พูดกันตามหลัก ฉันควรจะตอบแทนคุณที่ช่วยชีวิตฉันอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง” แมงมุมขาวพูดเบาๆ น้ำเสียงของเธออ่อนโยน แต่ในความอ่อนโยนนั้นแฝงไปด้วยความเข้มแข็งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเธอ

จี้เฟิงโบกมือและพูดด้วยรอยยิ้ม “เธอไม่จำเป็นต้องถือเรื่องนี้เป็นหนี้บุญคุณหรือต้องตอบแทนอะไรฉัน การช่วยชีวิตเธอทั้งสองครั้งฉันไม่ได้ช่วยฟรีๆ ฉันเองก็ได้รับผลประโยชน์กลับมาเช่นกัน ดังนั้นเธอไม่จำเป็นต้องขอบคุณด้วยซ้ำ”

แน่นอน จี้เฟิงรู้เรื่องหนี้ชีวิตทั้งสองครั้งที่แมงมุมขาวพูดถึง ครั้งแรก เป็นตอนที่แมงมุมขาวแฝงตัวมาเป็นอาจารย์ที่สหพันธ์มหาวิทยาลัย แต่ถูกหมายหัวและลอบโจมตีโดยมนุษย์ดัดแปลงขั้นสูง ซึ่งถูกจี้เฟิงจับตัวไว้ได้ในระหว่างนั้น

และครั้งที่สอง แมงมุมขาวที่รอดพ้นจากการลอบสังหารของมนุษย์ดัดแปลงขั้นสูงนั้นมีระเบิดชีวภาพฝังอยู่ในร่างกาย และพร้อมที่จะระเบิดทุกเมื่อ จี้เฟิงได้จัดการและเอามันออกมา นี่เป็นอีกครั้งที่เขาได้ช่วยชีวิตเธอ

ในความเป็นจริง ก็อย่างที่จี้เฟิงพูด โดยทั่วไปแล้ว การช่วยเหลือแมงมุมขาวทั้งสองครั้ง เขาได้รับผลประโยชน์กลับมา ครั้งแรก แมงมุมขาวได้มาตกอยู่ในมือพวกเขา และครั้งนี้สอง มันแลกมากับหานเซิ่น ดังนั้นจึงบอกว่าเขาไม่ได้ช่วยเธอฟรีๆ

แมงมุมขาวอดไม่ได้ที่จะเม้มปากและหัวเราะเบาๆ “คุณชายจี้นี่เป็นคนซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาดีจังเลยนะคะ!”

จี้เฟิงส่ายหัวด้วยรอยยิ้มและโบกมือ “ไม่เกี่ยวว่าฉันเป็นคนซื่อสัตย์หรืออะไรหรอก ฉันแค่พูดความจริง... แล้วเธอล่ะ คิดจะมาอยู่เคียงข้างฉันหรือเปล่า? เธอไม่จำเป็นต้องรู้สึกกดดันใดๆทั้งสิ้น เอาตามที่เธอต้องการ ตัดสินใจได้เมื่อไหร่ ก็มาคุยกับฉันได้เสมอ”

“คุณชายจี้ อย่างที่ฉันเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ ฉันควรจะตอบแทนบุญคุณคุณชายจี้ แต่...” แมงมุมขาวส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่นและไม่ได้พูดอะไรต่อ

“แต่อะไรเหรอ?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้มบางๆ

เขารู้ว่าแมงมุมขาวคงไม่ตัดสินใจไปกับเขาง่ายๆ ต่อให้คำพูดฟังดูดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ถ้าหากท้ายประโยชน์ถูกต่อด้วยคำว่า ‘แต่’ คำที่พูดก่อนหน้าทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ

แมงมุมขาวพูดเกริ่นมาก่อนว่าเธอควรจะต้องตอบแทนบุญคุณเขา กล่าวง่ายๆคือเธอควรจะติดตามเขาไป แต่ในตอนสุดท้าย เธอมีคำว่า ‘แต่’ ... ซึ่งมันแปลได้ว่า ‘ไม่ไป!’

อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงยังต้องการที่จะฟังเหตุผลของเธอ

แมงมุมขาวมองจี้เฟิงด้วยสายตามที่มีความหมาย ริมฝีปากสีแดงระเรื่อเปิดอ้าออกและเอ่ยถามทันทีว่า “คุณชายจี้ ถ้าฉันไปกับคุณจริงๆ คุณจะรับประกันได้มั้ยว่าคุณจะรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่กับฉัน?”

“แน่นอน!” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรให้ต้องอึดอัดหรือไม่สบายใจ นายจ้างจะสงสัยลูกจ้างที่ตัวเองเลือกมากับมือไปทำไม...”

“คุณสามารถไว้วางใจฉัน 100% ได้หรือเปล่า?” แมงมุมขาวขัดจังหวะเขาและถามอีกครั้ง

“....” จี้เฟิงถึงกับสะอึกและไม่สามารถตอบออกไปได้ในทันที

สีหน้าของแมงมุมขาวเศร้ามองลงเล็กน้อยและกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “เป็นไปตามคาด” เธอส่ายหัวเล็กน้อย จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆและพูดว่า “คุณชายจี้ แม้ว่าคุณจะไม่ได้พูดมันออกมา แต่ฉันก็เข้าใจดีว่าการที่ฉันเข้าร่วมกับกองพลปฏิบัติการพิเศษเพื่อทำภารกิจ ผลที่ตามมาคือพวกเขาทั้งหมดถูกวางยาพิษ แต่มีฉันเพียงคนเดียวที่ไม่เป็นอะไรเลย นี่ไม่ใช่เรื่องปกติอย่างแน่นอน”

“อะแฮ่ม... แล้วยังไง?” จี้เฟิงกระแอมไอแล้วตีหน้าซื่อถามออกไป

แมงมุมขาวพูดต่อไป “มนุษย์ดัดแปลงสองคนที่พวกเราพบในภายหลัง พวกเขารู้จักชื่อของคุณ และดูเหมือนว่าพวกเขากำลังรอคุณอยู่ ฉันเกรงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นส่วนหนึ่งที่พวกเขาเตรียมการเอาไว้เพื่อรอจัดการกับคุณ... หรือจัดการพวกเราทั้งหมดพร้อมกันในคราวเดียว แล้วมีกี่คนที่รู้ว่าคุณและเซียงหยงซานมีมิตรภาพที่ลึกซึ้งเช่นนี้?”

“มันก็ไม่ใช่ความลับอะไรซักหน่อยนี่ อย่างน้อยๆทุกคนที่รู้จักฉันก็รู้!” จี้เฟิงหัวเราะ “หรือคนอื่นที่อยากจะตรวจสอบฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากที่พวกเขาสืบหาข้อมูล พวกเขาก็จะรู้ได้เหมือนกันว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเซียงหยงซานไม่ใช่ความลับ”

“แต่ฉันเป็นคนนอกเพียงคนเดียวที่รู้ว่าเซียงหยงซานกำลังปฏิบัติภารกิจนี้อยู่ และคุณเป็นคนที่จะช่วยเขาได้!” แมงมุมขาวกล่าว

จี้เฟิงแทบสำลัก จะมีอะไรชัดเจนไปมากกว่านี้อีก? สิ่งที่แมงมุมขาวพูดนั้นสมเหตุสมผลจริงๆ และเป็นเพราะเหตุผลเหล่านี้ที่ทำให้เขาและเซียงหยงซานสงสัยในตัวแมงมุมขาวก่อนหน้านี้

ที่สำคัญกว่านั้น แมงมุมขาวฉลาดมาก ในมุมมองของเธอ เธออ่านได้ขาดถึงความน่าสงสัยในตัวเธอจริงๆ...

“ดังนั้น ฉันจึงกลายเป็นบุคคลที่น่าสงสัยและไม่น่าไว้วางใจที่สุดไม่ใช่เหรอคะ?” แมงมุมขาวพูดอย่างสงบนิ่งและใจเย็น ราวกับกำลังพูดเรื่องของคนอื่น แต่จี้เฟิงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่อ้างว้างในคำพูดเหล่านี้ของเธอ

“คุณชายจี้ จากทั้งหมดนี้ สิ่งที่คุณควรทำคือการคิดอย่างรอบคอบไม่ใช่หรือ? และการวางคนอย่างฉันที่ยังไม่ได้รับการคลายข้อสงสัยเหล่านี้ไว้ใกล้ตัวคุณคงไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก สำหรับคุณแล้ว ฉันคิดว่ามันไม่คุ้มค่าเลยที่จะเอาตัวคุณและคนข้างกายคุณมาเสี่ยง... ทหารเหล่านี้ก็เช่นกัน ดังนั้น ฉันคิดว่าความเสี่ยงนี้ควรปล่อยให้กัปตันเซียงเป็นคนรับไว้คนเดียวก็พอ” แมงมุมขาวส่ายหัวและพูดเบาๆ

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะเงียบและต้องยอมรับว่าสิ่งที่แมงมุมขาวพูดนั้นมีเหตุผล

ไม่ต้องพูดถึงความสามารถของเธอที่ได้รับการยอมรับจากกองทัพ แค่บอกว่าเธอกำลังตกอยู่ในสถานะผู้ต้องสงสัย ก็เป็นเรื่องยากมากที่ทหารจะปล่อยตัวเธอออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปล่อยเธอให้มาเป็นคนของเขา ยิ่งยากเข้าไปใหญ่!

ในความเป็นจริง ถ้าจี้เฟิงยืนกราน แน่นอนว่าเขาสามารถทำให้แมงมุมขาวมาอยู่กับเขาได้ แต่เมื่อพิจารณาจากทัศนคติในปัจจุบันของแมงมุมขาวแล้ว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นไปไม่ได้ที่แมงมุมขาวจะยอม อย่างน้อยก็จนกว่าเธอจะไขความสงสัยนี้ให้กระจ่าง

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะวิตกเล็กน้อย ทำไมแมงมุมขาวถึงไม่สบายใจเมื่ออยู่กับเขา.. แต่กลับสบายใจเมื่ออยู่เคียงข้างเซียงหยงซาน?

หรือเมื่อเทียบกับเซียงหยงซานแล้ว ความไว้วางใจที่เธอมีต่อเขาและเซียงหยงซานแตกต่างกันมาก?

‘แต่ฉันช่วยชีวิตเธอไว้นะ!’ จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะบ่นอยู่ในใจ และความกระตือรือร้นที่จะคว้าตัวแมงมุมขาวมาเป็นคนของเขาก็จางหายไปมากทีเดียว สิ่งที่เขาต้องการคือคนที่ซื่อสัตย์ต่อเขาอย่างแท้จริง คนของเขาจะต้องมีความภักดีอย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่แค่เชื่อฟังคำสั่ง!

แม้ว่าแมงมุมขาวจะมีความสามารถครบครันและเป็นบุคคลที่หาได้ยาก แต่สุดท้ายแล้ว ความไว้วางใจและความเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญ เขาต้องคิดให้รอบคอบ

เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ จี้เฟิงก็ส่ายหัวและพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ให้คิดซะว่าเมื่อครู่นี้ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไปก็แล้วกัน อย่างไรก็ตาม ฉันได้บอกเซียงหยงซานไปแล้วว่าร่างกายของเธอแตกต่างจากคนอื่นๆ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่านี่คือเหตุผลที่คุณไม่ถูกวางยาและความสงสัยในตัวคุณจะน้อยลง นอกจากนี้ เดี๋ยวพวกเขาจะมีการตรวจสอบดูอีกครั้งว่าร่างกายของคุณจะได้รับผลกระทบต่อสารพิษหรือเปล่า... เอาล่ะ ฉันยังมีเรื่องที่ต้องไปทำ ลาก่อน”

“ขอบคุณค่ะ คุณชายจี้ ลาก่อน..” แมงมุมขาวพยักหน้า

ไม่มีความจำเป็นที่จี้เฟิงจะอยู่ต่อ เขาโบกมือและกล่าวลาอีกครั้ง “ลาก่อน”

หลังจากพูดจบ เขาก็เดินจากไปพลางคิดในใจ ‘ดูเหมือนว่าการช่วยชีวิตแมงมุมขาวจะยังไม่เพียงพอ หากเรายังไม่ได้ทำงานร่วมกัน คงเป็นไปได้ยากที่จะบ่มเพาะความเข้าใจและไว้วางใจซึ่งกันและกันอย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความภักดี เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหาซื้อหรือแลกมันมาด้วยการช่วยเหลือไม่กี่ครั้ง... นี่คือสิ่งที่จะต้องจัดการในอนาคต ค่อยๆมองหาโอกาส ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน’

“คุณชายจี้!” ในขณะนั้นเอง เสียงของแมงมุมขาวก็ดังมาจากทางด้านหลัง “รอให้ไป๋จูคนนี้ได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง แล้วถ้าตอนนั้นคุณชายจี้ยังเต็มใจที่จะให้ฉันไปทำงานกับคุณ ฉันก็ย่อมไม่ปฏิเสธ”

จี้เฟิงหันกลับมาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะรอวันนั้น”

จากนั้นเขาก็ก้าวเดินต่อไปและออกจากค่ายทหาร

เมื่อมองไปยังแผ่นหลังที่องอาจของจี้เฟิง ริมฝีปากของแมงมุมขาวก็อ้าออกเล็กน้อยราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเธอก็ลังเลและไม่ได้พูดออกไป แววตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน จากนั้นเธอก็ถอนหายใจเบาๆและหันหลังกลับ

จี้เฟิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย แมงมุมขาวมีทัศนคติอย่างไรกันแน่? เธอปฏิเสธเขาแม้ว่าเขาจะช่วยชีวิตเธอถึงสองครั้ง แต่ในทันทีเธอก็พูดให้ความหวัง..

........

หลังจากที่ออกมาจากค่ายทหาร จี้เฟิงก็ตัดสินที่จะกลับไปที่บ้านก่อนเพื่อไปหาพ่อกับแม่ของเขา แต่พ่อของเขาไม่อยู่บ้าน ในขณะที่เซียวซูเหม่ย แม่และอาสะใภ้สามดูเหมือนเพิ่งจะกลับมา

จี้เฟิงส่ายหัวอยู่ในใจอย่างช่วยไม่ได้ แต่แล้วดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น

ชุดที่แม่และอาหญิงสวมในวันนี้ค่อนข้างทันสมัย แม่ของจี้เฟิงสวมเสื้อผ้าลำลองพอดีตัวและรองเท้าหนัง ผมของเธอเป็นลอนเบาๆจากการถูกดัด นอกจากนี้เนื่องจากเธอฝึกยิมนาสติกมาเป็นเวลาพอสมควร บุคลิกท่าทางและผิวพรรณของเธอนั้นยอดเยี่ยมมาก ออร่าพุ่งกระจายไม่ต่างจากขุนนางที่สง่างามหรือว่าสุภาพสตรีผู้สูงศักดิ์เลย

ส่วนอาสะใภ้สามก็แต่งตัววัยรุ่นเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เธอเกล้าผมเป็นมวยสูง ดูแล้วเป็นหญิงวัยกลางคนที่สวยและดูอ่อนกว่าวัยเช่นกัน

“แม่ อาสะใภ้สาม วันนี้แต่งตัวกันสวยพริ้งเชียวนะครับ ออกไปข้างนอกคงไม่มีใครคิดว่าจะมีลูกตัวโตขนาดนี้แล้ว คงนึกว่าเป็นสาวๆวัยสามสิบ!” จี้เฟิงหัวเราะ

“ไอ้เจ้าเด็กบ้านี่! พูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระ!” อาหญิงคนที่สามหัวเราะและดุเขา และถึงแม้จะรู้ว่าจี้เฟิงพูดแซวเธอ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะมีความสุขกับคำเยินยอเล่นๆนั้น

เซียวซูเหม่ยเองก็หัวเราะและดุเขาเช่นกัน “พูดอะไรไม่ได้มีหลักความจริงเลย แม่แก่ปูนนี้แล้วจะเหมือนสาวสามสิบได้ยังไง! แม้แต่แม่กับอาสะใภ้ เจ้าเด็กเวรนี่ก็ยังไม่เว้น กล้าพูดจาเยาะเย้ย สงสัยต้องโดนซักตุ้บสองตุ้บถึงจะดีขึ้น... ว่าแต่ลมอะไรถึงได้หอบเจ้าเด็กตัวดีมาอย่างกะทันหันแบบนี้ได้เนี่ย?”

บอดี้การ์ดหญิงที่อยู่ข้างๆไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ แต่มุมปากของเธอกระตุกเล็กน้อย นั่นเป็นการเผยให้เห็นถึงความรู้สึกลึกๆของเธอว่าเธอเองก็รู้สึกขบขันกับสิ่งที่จี้เฟิงพูด

จี้เฟิงหัวเราะเบาๆและพูดว่า “ไม่มีลมอะไรทั้งนั้นแหละครับ ผมเพิ่งกลับมาจากจัดการธุระ ก็เลยอยากกลับบ้านมาหาแม่ ไม่ได้เจอตั้งนาน คิดถึงแม่สุดๆไปเลย”

เมื่อได้ยินลูกชายพูดเช่นนี้ ดวงตาของเซียวซูเหม่ยก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ตั้งแต่อุ้มท้องและคลอดจี้เฟิงมา เธอกับลูกไม่เคยห่างกันเลย และตอนนี้เขาแยกไปอยู่ที่เจียงโจว หายหน้าหายตาไปทีก็นานหลายเดือน ในฐานะคนเป็นแม่ เธอจะไม่คิดถึงลูกชายของเธอได้อย่างไร?

จี้เฟิงรู้ทันทีว่าเขาอาจกำลังดึงดราม่า เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “อ้อ แม่ครับ! แล้วพ่ออยู่ไหนล่ะครับ? ผมกลับมายังไม่เห็นพ่อเลย”

“เขาจะอยู่ไหนทำอะไรได้อีกนอกจากทำงานอยู่ที่ทำงานน่ะสิ!” เซียวซูเหม่ยถอนหายใจเบาๆและส่ายหัว “พ่อของเจ้ายุ่งตลอดทั้งวัน กลับบ้านมาก็มืดค่ำ ตกดึกก็ยังถูกปลุกด้วยโทรศัพท์อีก แม้แต่กินข้าวก็แทบไม่มีเวลาจะกิน ต้องคอยพูดเกลี้ยกล่อมอยู่เรื่อย!”

จี้เฟิงยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ช่วยไม่ได้นี่ครับ ด้วยตำแหน่งของพ่อในตอนนี้ เรื่องงานมันสำคัญและยุ่งวุ่นวายมากจริงๆ พ่อคงไม่สามารถแก้ไขอะไรในเรื่องนี้ได้ หลายสิ่งหลายอย่างต้องการการตัดสินใจจากพ่อ แต่หลังจากนี้อีกสองปี อะไรๆก็น่าจะดีขึ้นกว่านี้มาก... ว่าแต่พ่อยุ่งขนาดนี้ สุขภาพของเขาโอเคหรือเปล่า?”

“อืม พ่อของลูกสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีอะไรผิดปกติ จริงๆแล้วคงต้องขอบคุณยิมนาสติกของลูกนั่นแหละนะ บางครั้งพ่อของลูกเหนื่อยเกินกว่าจะกลับบ้าน แต่พอเขาฝึกซ้อมสักหนึ่งหรือสองชั่วโมง เขาก็เหมือนได้พลังฟื้นคืนมาเลยล่ะ” เซียวซูเหม่ยกล่าว

“แต่ฉันไม่ได้ทำแบบนั้น ฉันฝึกตามอารมณ์!” อาหญิงคนที่สามที่อยู่ข้างๆเซียวซูเหม่ยพูดขึ้น “เสี่ยวเฟิง ยิมนาสติกของเธอนี่เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยรักษาสุขภาพสินะ? ผลลัพธ์ของมันดีมากจริงๆ!”

“ถ้ามันได้ผล อาสามก็ควรต้องฝึกมันอย่างต่อเนื่องนะครับ” จี้เฟิงเตือน

สุขภาพกาย สุขภาพจิต และความปลอดภัยของพ่อแม่ญาติพี่น้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุด จี้เฟิงให้ความสำคัญกับสิ่งนี้มาก เขารู้ว่าเขาจะต้องเสียใจอย่างมากเมื่อต้องพบกับความสูญเสีย และจะพูดอะไรในเวลานั้นก็สายเกินไปแล้ว...

...จบบทที่ 1026 ~

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด