ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 318 วิวัฒนาการถ้วนหน้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 320 มาแล้วมาอีก

MDB ตอนที่ 319 เพลิงมังกร


ลมกระโชกแรงพัดเอาฝุ่นและทรายปลิวว่อน

สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือวิธีควบคุมพายุทรายนี้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเหล่าผู้คุ้มกันหรือหลินจินเลย

ในขณะเดียวกัน สิงโตภูเขาที่ยืนอยู่ท่ามกลางตาพายุนั้นไม่เพียงแค่ขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นหนึ่งขนาดเท่านั้น แต่ยังขยายใหญ่ขึ้นกว่าขนาดเดิมหลายเท่า ก่อนการเปลี่ยนแปลง เจ้าสิงโตมีขนาดค่อนข้างเล็ก อาจกล่าวได้ว่ามันเล็กกว่าหมาป่าเสียอีก ไม่มีข้อโต้แย้งว่ามันตัวเล็กเมื่อเทียบกับกระทิง

แต่ตอนนี้สิงโตภูเขาตัวนี้มีขนาดใหญ่กว่ากระทิงไปแล้ว!

ใครจะจินตนาการได้ว่ามันยากแค่ไหนที่ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์วิเศษตัวใหญ่ขนาดนี้ สัตว์วิเศษตัวอื่นที่อยู่รอบ ๆ ถอยหนีด้วยความกลัว ในขณะที่เหล่าผู้คุ้มกันตกใจจนเกินคำบรรยาย

ในที่สุดก็มีคนตั้งสติได้

“ระดับสาม! มันเป็นสัตว์วิเศษระดับสามจริงด้วย ๆ! มีแค่ระดับสามเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงขนาดร่างกายของมันได้!

ข้าเคยเห็นหัวหน้าตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองของเรานำสัตว์วิเศษระดับสามของเขาออกมา และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น! ข้าคิดว่ามันเท่มากตอนที่เขาขี่หลังของสัตว์วิเศษเหมือนม้า!”

เสียงผู้คุ้มกันนั้นดูตื่นเต้นมาก

ราวกับว่าสัตว์เลี้ยงของเขาเองที่วิวัฒนาการ

คนอื่น ๆ ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน พวกเขาต่างหันไปมองผู้คุมจางเพื่อดูว่าฝ่ายหลังรู้สึกอย่างไร

ตลอดชีวิตของเขา นอกจากการแต่งงานและการมีลูกแล้ว ไม่มีอะไรที่ทำให้ผู้คุมรู้สึกตื่นเต้นไปมากกว่านี้แล้ว

ไม่ เขาไม่ได้ดีใจขนาดนี้ด้วยซ้ำตอนที่ลูกชายของเขาเกิดมา

สัตว์วิเศษระดับสาม

สิงโตภูเขาของเขาวิวัฒนาการจริง ๆ

นี่ต้องเป็นความฝันใช่ไหม?

ผู้คุมจางขยี้ตาและหยิกแขนของเขา ทุกอย่างพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเป็นเรื่องจริง

หลังจากช่วงเวลาแห่งความปีติยินดี ผู้คุมจางก็สงบลงก่อนที่เขาจะตระหนักถึงบางสิ่งที่สำคัญ

ท่านชายหลินรักษาคำพูดของเขา เขาได้เลื่อนระดับสัตว์เลี้ยงของพวกเขาทั้งหมด นั่นเป็นเวทมนตร์แบบไหนกัน?

เขาแน่ใจว่าไม่มีผู้ประเมินคนไหนในประเทศชางที่เขาจากมามีความสามารถที่เหนือโลกเช่นนี้

หลังจากเดินทางไปทั่วประเทศ ผู้คุมจางได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง  และเขารู้ว่าวันนี้พวกเขาได้พบกับผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงแล้ว อาจเป็นเพราะเหตุนี้ที่เขาเริ่มมองข้ามเรื่องที่หลินจินกินสมุนไพรไปก่อนหน้านี้

ทำไมเขาจะทำไม่ได้?

เพราะอย่างน้อย ๆ ผู้คุมจางและกลุ่มของเขา ต่างได้รับของขวัญที่สำคัญกว่าเห็ดหลินจือชิ้นนั้นไปมาก

มันไม่มีค่าเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเขาได้รับมา

ผู้คุมจางก้าวไปข้างหน้าทันทีและคำนับหลินจินด้วยความเคารพ

“พวกเรากองคาราวานจีอันแห่งเมืองรี้ด ขอขอบคุณสำหรับพระคุณอันเหลือเชื่อของท่าน!”

“ขอขอบคุณสำหรับพระคุณของท่าน”

เมื่อสติสัมปชัญญะกลับคืนมา เหล่าผู้คุ้มกันก็ออกมาคำนับหลินจินเช่นกัน

สำหรับพวกเขาแล้ว การวิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงของพวกมันถือเป็นพระคุณอย่างมาก บางทีจากนี้ไปชะตากรรมของพวกเขาอาจเปลี่ยนไป ชะตากรรมของครอบครัว พ่อแม่ และลูกของพวกเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

หลินจินนำเข็มเงินกลับมาและโบกมือเล็กน้อย

“มันเป็นสิ่งที่ข้าต้องทำ เนื่องจากข้าได้นำเห็ดหลินจือของของพวกท่านมาโดยพลการ ดังนั้นพวกท่านไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก”

หลินจินไม่ชอบการได้รับความช่วยเหลือ และเขาหมายความตามที่เขาพูด นั่นคือเหตุผลที่เขาตัดสินใจช่วยเหลือกองคาราวานติดอาวุธเหล่านี้

แน่นอนว่าสำหรับหลินจินแล้ว หนี้ของเขาที่มีต่อผู้คุ้มกันเหล่านี้ถือว่าได้รับการชำระคืนแล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้คุ้มกันเหล่านี้เป็นเพียงคนส่งของเท่านั้น ผู้ที่สูญเสียจริง ๆ คือลูกค้าของพวกเขา และหลินจินต้องรับรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร เผื่อว่าพวกเขาจะบุกมาทุบประตูบ้านเขา

ดังนั้นหลินจินจึงถามพวกเขาถึงรายละเอียดเพิ่มเติม

คราวนี้ผู้คุมจางและคนอื่น ๆ ตอบคำถามของเขาด้วยความเคารพ

“ผู้ว่าจ้างของเราคือตระกูลเฉียวขอรับ พวกเขาเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองรี้ดขอรับ!”

หลินจินจดจำไว้ในใจ เขารู้จักเมืองรี้ด มันอยู่ห่างจากเมืองเมเปิ้ลค่อนข้างไกล เนื่องจากเขายังไม่มีนกอินทรี เขาจึงไม่สามารถไปที่นั่นได้ในทันที

บางทีเขาอาจจะอ่านความคิดของหลินจินได้ ดังนั้น ผู้คุมจางที่เพิ่งได้รับผลประโยชน์มหาศาลจึงเสนอว่า

"ผู้ประเมินหลินเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ทางกองคาราวานจีอันจะรับผิดชอบส่วนหนึ่งเช่นกัน เนื่องจากเราได้รับอะไรมากมายจากท่านชาย เราจะไปอธิบายสถานการณ์ให้ตระกูลเฉียวฟัง ข้าแน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ติดตามเรื่องนี้อีกต่อไป”

หลินจินพยักหน้า

นั่นจะดีที่สุด แต่เขารู้ว่าปัญหาจะไม่ได้รับการแก้ไขด้วยคำอธิบายง่าย ๆ จากผู้คุมจาง อย่างมากที่สุด เขาต้องเดินทางไปเมืองรี้ดในอีกไม่กี่วันต่อมา

เพื่ออะไร?

มีแนวโน้มสูงที่พวกเขาจะไม่ติดตามเรื่องนี้หลังจากช่วยสัตว์เลี้ยงของพวกเขาวิวัฒนาการ

“นั่นฟังดูดีเหมือนกัน ข้าคงต้องรบกวนท่านแล้ว ผู้คุมจางได้โปรดบอกพวกเขาว่าข้าจะไปเยี่ยมพวกเขาในอีกไม่กี่วันนี้” หลินจินพูดด้วยรอยยิ้มขณะเตรียมจะจากไป

คืนนี้เป็นคืนที่มีเหตุการณ์สำคัญมากมาย และเขาเพิ่งได้รับสิ่งล้ำค่ามา เขาจึงต้องกลับมาย่อยพวกมันผ่านการบ่มเพาะ

พูดจบหลินจินก็หายไปในพริบตาและบินจากไป

หลินจินยังคงสามารถใช้เมฆานำพาได้ แต่ในระยะสั้น ๆ เท่านั้น แน่นอนว่าสำหรับกลุ่มผู้คุ้มกัน เขาดูเหมือนอมตะในตำนานทุกประการ

แม้ว่าหลินจินจะไปแล้ว แต่เหล่าผู้คุ้มกันก็ยังไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่าสัตว์เลี้ยงของพวกเขาวิวัฒนาการแล้ว

ผู้คุมจางยังยิ้มกว้างถึงใบหู

“วันนี้เราพบโชคลาภจากเหตุร้าย อย่างไรก็ดี เราเสียสิ่งของไปเพียงหนึ่งรายการเท่านั้น ดังนั้นเราจะเดินทางต่อไป พี่ซู พี่ช่วยนำพวกเราไปที่เมืองหลวงแทนข้าที ตอนนี้สัตว์เลี้ยงของทุกคนวิวัฒนาการแล้ว ข้ามั่นใจว่าการเดินทางจะเสร็จสิ้นในเวลาไม่นาน แม้จะมีปัญหาเกิดขึ้น แต่ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าทุกคนจะสามารถจัดการมันได้”

หลังจากหยุดชั่วคราว ผู้คุมจางก็กล่าวต่อว่า “สำหรับข้า ข้าจะกลับไปที่เมืองรี้ดหลังจากนนี้ เพื่ออธิบายเหตุการณ์ให้ตระกูลเฉียวรับทราบ

ผู้ประเมินหลินเป็นคนที่น่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง เมื่อตระกูลเฉียวรู้เรื่องนี้ ข้าค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่สร้างปัญหาให้เรามากเกินไป เราควรจะก้าวผ่านปัญหานี้ไปได้”

ผู้คุมจางได้พิจารณาสิ่งต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วนอย่างชัดเจน

ผู้คุ้มกันคนอื่น ๆ พยักหน้าเห็นด้วยกับคำแนะนำของเขา

ดังนั้น พวกเขาจึงแยกย้ายกันเดินทางต่อไปในยามค่ำคืน ในทางหนึ่ง กองคาราวานยังคงมุ่งหน้าต่อไปยังเมืองหลวง ในอีกทางหนึ่ง ผู้คุมจางได้เดินทางกลับไปยังเมืองรี้ดเพียงลำพัง

ตัดภาพกลับมาที่หลินจิน เมื่อกลับมายังบ้านหลังเล็กของเขาในเมืองเมเปิ้ล เขาเข้าไปในตัวบ้านและนั่งสมาธิทันที

สิ่งของที่เขาได้รับมาในค่ำคืนนี้ มันล้ำค่าจนไม่อาจประเมินค่าได้

นอกจากขนอีกาทองคำที่เขาสามารถขัดเกลาและมอบให้โกลดี้ได้แล้ว เขายังมีเลือดจากมังกรเหินเวหาซึ่งถูกปลาดุกกินเข้าไปก็น่าทึ่งพอ ๆ กัน

จากตัวอย่างเลือดที่เขาได้รับ ทำให้เขาสามารถศึกษารายละเอียดของมังกรเหินเวหาได้

มังกรอัคคี ระดับห้า มีธาตุไฟและมีสายเลือดที่ทรงพลัง ภายในพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ มีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับมังกรอัคคี รวมถึงวิธีการต่าง ๆ เพื่อช่วยให้มันวิวัฒนาการ

แต่น่าเสียดายที่สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังนั้นได้กลายเป็นอาหารมื้อกลางวันของสัตว์ร้ายที่น่าสะพรึงกลัวอีกตัวหนึ่งไปแล้ว หลินจินไม่สามารถบอกได้ว่าปลาดุกยักษ์ตัวนั้นคืออะไร แต่เนื่องจากมันสามารถกลืนสัตว์วิเศษระดับห้าได้ทั้งตัว อย่างน้อย ๆ มันต้องเป็นสัตว์วิเศษระดับหก

เลือดนี้มีประโยชน์อย่างเหลือเชื่อสำหรับหลินจิน เขาสามารถมอบมันให้กับเสี่ยวฮั่วได้โดยตรงเพื่อเสริมร่างเปลวไฟของกายาแห่งธรรมของมันได้ นอกจากนี้ หลินจินสามารถนำบางส่วนไว้สำหรับตัวเขาเองเพื่อบ่มเพาะคาถาที่ทรงพลังได้อีกด้วย

จากจารึกเครื่องรางที่เขาได้รับมาจากหวู่เฉียน หลินจินได้เรียนรู้เกี่ยวพวกมันตั้งหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น เครื่องรางขุนเขาสวรรค์นั้นเป็นแขวงหนึ่งของเครื่องรางเบญจปฐพี

ตอนนี้หลินจินวางแผนที่จะสร้างเครื่องรางเบญจอัคคี

ขั้นตอนการสร้างเครื่องรางเบญจอัคคีนี้ เขาไม่ต้องการใช้มันลงบนกระดาษ หลินจินต้องการนำมันเข้ามาในดวงจิตของเขา และเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการ เขาก็สามารถเรียกมันด้วยพลังวิญญาณของเขา

หลินจินสามารถเรียนรู้อย่างเฉพาะเจาะจงได้โดยการเปรียบเทียบวิธ๊การจากคัมภีร์ดาบศักดิ์สิทธิ์และเมฆานำพา

โดยเครื่องรางเบญจอัคคีที่หลินจินคิดขึ้นมานั้นไม่ได้ไม่มีตัวตนอย่างแน่นอน แต่มันก็ยังเป็นคาถาที่ดีอยู่ดี

หลินจินทำการค้นคว้าต่อจนถึงรุ่งสางก่อนที่ผลลัพธ์จะเริ่มแสดงออกมาในที่สุด

เขาเพ่งจิตของไปเบื้องหน้า ทันใดนั้นเองก็มีเถ้าไฟเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนนิ้วของเขา

เถ้าไฟนี้เป็นเพียงเปลวไฟธรรมดาที่มีสีผสมกัน มันไม่บริสุทธิ์เลย

จากนั้น หลินจินก็พึมพำเบา ๆ ว่า

“เพลิงมังกร!”

คราวนี้เขาใช้เลือดมังกรหยดนั้น

*พรี่บ!*

สิ่งเจือปนทั้งหมดถูกขจัดออกจากเปลวไฟเมื่อเปลี่ยนเป็นสีเขียว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด