MDB ตอนที่ 319 เพลิงมังกร
ลมกระโชกแรงพัดเอาฝุ่นและทรายปลิวว่อน
สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือวิธีควบคุมพายุทรายนี้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเหล่าผู้คุ้มกันหรือหลินจินเลย
ในขณะเดียวกัน สิงโตภูเขาที่ยืนอยู่ท่ามกลางตาพายุนั้นไม่เพียงแค่ขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นหนึ่งขนาดเท่านั้น แต่ยังขยายใหญ่ขึ้นกว่าขนาดเดิมหลายเท่า ก่อนการเปลี่ยนแปลง เจ้าสิงโตมีขนาดค่อนข้างเล็ก อาจกล่าวได้ว่ามันเล็กกว่าหมาป่าเสียอีก ไม่มีข้อโต้แย้งว่ามันตัวเล็กเมื่อเทียบกับกระทิง
แต่ตอนนี้สิงโตภูเขาตัวนี้มีขนาดใหญ่กว่ากระทิงไปแล้ว!
ใครจะจินตนาการได้ว่ามันยากแค่ไหนที่ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์วิเศษตัวใหญ่ขนาดนี้ สัตว์วิเศษตัวอื่นที่อยู่รอบ ๆ ถอยหนีด้วยความกลัว ในขณะที่เหล่าผู้คุ้มกันตกใจจนเกินคำบรรยาย
ในที่สุดก็มีคนตั้งสติได้
“ระดับสาม! มันเป็นสัตว์วิเศษระดับสามจริงด้วย ๆ! มีแค่ระดับสามเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงขนาดร่างกายของมันได้!
ข้าเคยเห็นหัวหน้าตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองของเรานำสัตว์วิเศษระดับสามของเขาออกมา และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น! ข้าคิดว่ามันเท่มากตอนที่เขาขี่หลังของสัตว์วิเศษเหมือนม้า!”
เสียงผู้คุ้มกันนั้นดูตื่นเต้นมาก
ราวกับว่าสัตว์เลี้ยงของเขาเองที่วิวัฒนาการ
คนอื่น ๆ ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน พวกเขาต่างหันไปมองผู้คุมจางเพื่อดูว่าฝ่ายหลังรู้สึกอย่างไร
ตลอดชีวิตของเขา นอกจากการแต่งงานและการมีลูกแล้ว ไม่มีอะไรที่ทำให้ผู้คุมรู้สึกตื่นเต้นไปมากกว่านี้แล้ว
ไม่ เขาไม่ได้ดีใจขนาดนี้ด้วยซ้ำตอนที่ลูกชายของเขาเกิดมา
สัตว์วิเศษระดับสาม
สิงโตภูเขาของเขาวิวัฒนาการจริง ๆ
นี่ต้องเป็นความฝันใช่ไหม?
ผู้คุมจางขยี้ตาและหยิกแขนของเขา ทุกอย่างพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเป็นเรื่องจริง
หลังจากช่วงเวลาแห่งความปีติยินดี ผู้คุมจางก็สงบลงก่อนที่เขาจะตระหนักถึงบางสิ่งที่สำคัญ
ท่านชายหลินรักษาคำพูดของเขา เขาได้เลื่อนระดับสัตว์เลี้ยงของพวกเขาทั้งหมด นั่นเป็นเวทมนตร์แบบไหนกัน?
เขาแน่ใจว่าไม่มีผู้ประเมินคนไหนในประเทศชางที่เขาจากมามีความสามารถที่เหนือโลกเช่นนี้
หลังจากเดินทางไปทั่วประเทศ ผู้คุมจางได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง และเขารู้ว่าวันนี้พวกเขาได้พบกับผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงแล้ว อาจเป็นเพราะเหตุนี้ที่เขาเริ่มมองข้ามเรื่องที่หลินจินกินสมุนไพรไปก่อนหน้านี้
ทำไมเขาจะทำไม่ได้?
เพราะอย่างน้อย ๆ ผู้คุมจางและกลุ่มของเขา ต่างได้รับของขวัญที่สำคัญกว่าเห็ดหลินจือชิ้นนั้นไปมาก
มันไม่มีค่าเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเขาได้รับมา
ผู้คุมจางก้าวไปข้างหน้าทันทีและคำนับหลินจินด้วยความเคารพ
“พวกเรากองคาราวานจีอันแห่งเมืองรี้ด ขอขอบคุณสำหรับพระคุณอันเหลือเชื่อของท่าน!”
“ขอขอบคุณสำหรับพระคุณของท่าน”
เมื่อสติสัมปชัญญะกลับคืนมา เหล่าผู้คุ้มกันก็ออกมาคำนับหลินจินเช่นกัน
สำหรับพวกเขาแล้ว การวิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงของพวกมันถือเป็นพระคุณอย่างมาก บางทีจากนี้ไปชะตากรรมของพวกเขาอาจเปลี่ยนไป ชะตากรรมของครอบครัว พ่อแม่ และลูกของพวกเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
หลินจินนำเข็มเงินกลับมาและโบกมือเล็กน้อย
“มันเป็นสิ่งที่ข้าต้องทำ เนื่องจากข้าได้นำเห็ดหลินจือของของพวกท่านมาโดยพลการ ดังนั้นพวกท่านไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก”
หลินจินไม่ชอบการได้รับความช่วยเหลือ และเขาหมายความตามที่เขาพูด นั่นคือเหตุผลที่เขาตัดสินใจช่วยเหลือกองคาราวานติดอาวุธเหล่านี้
แน่นอนว่าสำหรับหลินจินแล้ว หนี้ของเขาที่มีต่อผู้คุ้มกันเหล่านี้ถือว่าได้รับการชำระคืนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้คุ้มกันเหล่านี้เป็นเพียงคนส่งของเท่านั้น ผู้ที่สูญเสียจริง ๆ คือลูกค้าของพวกเขา และหลินจินต้องรับรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร เผื่อว่าพวกเขาจะบุกมาทุบประตูบ้านเขา
ดังนั้นหลินจินจึงถามพวกเขาถึงรายละเอียดเพิ่มเติม
คราวนี้ผู้คุมจางและคนอื่น ๆ ตอบคำถามของเขาด้วยความเคารพ
“ผู้ว่าจ้างของเราคือตระกูลเฉียวขอรับ พวกเขาเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองรี้ดขอรับ!”
หลินจินจดจำไว้ในใจ เขารู้จักเมืองรี้ด มันอยู่ห่างจากเมืองเมเปิ้ลค่อนข้างไกล เนื่องจากเขายังไม่มีนกอินทรี เขาจึงไม่สามารถไปที่นั่นได้ในทันที
บางทีเขาอาจจะอ่านความคิดของหลินจินได้ ดังนั้น ผู้คุมจางที่เพิ่งได้รับผลประโยชน์มหาศาลจึงเสนอว่า
"ผู้ประเมินหลินเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ทางกองคาราวานจีอันจะรับผิดชอบส่วนหนึ่งเช่นกัน เนื่องจากเราได้รับอะไรมากมายจากท่านชาย เราจะไปอธิบายสถานการณ์ให้ตระกูลเฉียวฟัง ข้าแน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ติดตามเรื่องนี้อีกต่อไป”
หลินจินพยักหน้า
นั่นจะดีที่สุด แต่เขารู้ว่าปัญหาจะไม่ได้รับการแก้ไขด้วยคำอธิบายง่าย ๆ จากผู้คุมจาง อย่างมากที่สุด เขาต้องเดินทางไปเมืองรี้ดในอีกไม่กี่วันต่อมา
เพื่ออะไร?
มีแนวโน้มสูงที่พวกเขาจะไม่ติดตามเรื่องนี้หลังจากช่วยสัตว์เลี้ยงของพวกเขาวิวัฒนาการ
“นั่นฟังดูดีเหมือนกัน ข้าคงต้องรบกวนท่านแล้ว ผู้คุมจางได้โปรดบอกพวกเขาว่าข้าจะไปเยี่ยมพวกเขาในอีกไม่กี่วันนี้” หลินจินพูดด้วยรอยยิ้มขณะเตรียมจะจากไป
คืนนี้เป็นคืนที่มีเหตุการณ์สำคัญมากมาย และเขาเพิ่งได้รับสิ่งล้ำค่ามา เขาจึงต้องกลับมาย่อยพวกมันผ่านการบ่มเพาะ
พูดจบหลินจินก็หายไปในพริบตาและบินจากไป
หลินจินยังคงสามารถใช้เมฆานำพาได้ แต่ในระยะสั้น ๆ เท่านั้น แน่นอนว่าสำหรับกลุ่มผู้คุ้มกัน เขาดูเหมือนอมตะในตำนานทุกประการ
แม้ว่าหลินจินจะไปแล้ว แต่เหล่าผู้คุ้มกันก็ยังไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่าสัตว์เลี้ยงของพวกเขาวิวัฒนาการแล้ว
ผู้คุมจางยังยิ้มกว้างถึงใบหู
“วันนี้เราพบโชคลาภจากเหตุร้าย อย่างไรก็ดี เราเสียสิ่งของไปเพียงหนึ่งรายการเท่านั้น ดังนั้นเราจะเดินทางต่อไป พี่ซู พี่ช่วยนำพวกเราไปที่เมืองหลวงแทนข้าที ตอนนี้สัตว์เลี้ยงของทุกคนวิวัฒนาการแล้ว ข้ามั่นใจว่าการเดินทางจะเสร็จสิ้นในเวลาไม่นาน แม้จะมีปัญหาเกิดขึ้น แต่ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าทุกคนจะสามารถจัดการมันได้”
หลังจากหยุดชั่วคราว ผู้คุมจางก็กล่าวต่อว่า “สำหรับข้า ข้าจะกลับไปที่เมืองรี้ดหลังจากนนี้ เพื่ออธิบายเหตุการณ์ให้ตระกูลเฉียวรับทราบ
ผู้ประเมินหลินเป็นคนที่น่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง เมื่อตระกูลเฉียวรู้เรื่องนี้ ข้าค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่สร้างปัญหาให้เรามากเกินไป เราควรจะก้าวผ่านปัญหานี้ไปได้”
ผู้คุมจางได้พิจารณาสิ่งต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วนอย่างชัดเจน
ผู้คุ้มกันคนอื่น ๆ พยักหน้าเห็นด้วยกับคำแนะนำของเขา
ดังนั้น พวกเขาจึงแยกย้ายกันเดินทางต่อไปในยามค่ำคืน ในทางหนึ่ง กองคาราวานยังคงมุ่งหน้าต่อไปยังเมืองหลวง ในอีกทางหนึ่ง ผู้คุมจางได้เดินทางกลับไปยังเมืองรี้ดเพียงลำพัง
ตัดภาพกลับมาที่หลินจิน เมื่อกลับมายังบ้านหลังเล็กของเขาในเมืองเมเปิ้ล เขาเข้าไปในตัวบ้านและนั่งสมาธิทันที
สิ่งของที่เขาได้รับมาในค่ำคืนนี้ มันล้ำค่าจนไม่อาจประเมินค่าได้
นอกจากขนอีกาทองคำที่เขาสามารถขัดเกลาและมอบให้โกลดี้ได้แล้ว เขายังมีเลือดจากมังกรเหินเวหาซึ่งถูกปลาดุกกินเข้าไปก็น่าทึ่งพอ ๆ กัน
จากตัวอย่างเลือดที่เขาได้รับ ทำให้เขาสามารถศึกษารายละเอียดของมังกรเหินเวหาได้
มังกรอัคคี ระดับห้า มีธาตุไฟและมีสายเลือดที่ทรงพลัง ภายในพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ มีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับมังกรอัคคี รวมถึงวิธีการต่าง ๆ เพื่อช่วยให้มันวิวัฒนาการ
แต่น่าเสียดายที่สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังนั้นได้กลายเป็นอาหารมื้อกลางวันของสัตว์ร้ายที่น่าสะพรึงกลัวอีกตัวหนึ่งไปแล้ว หลินจินไม่สามารถบอกได้ว่าปลาดุกยักษ์ตัวนั้นคืออะไร แต่เนื่องจากมันสามารถกลืนสัตว์วิเศษระดับห้าได้ทั้งตัว อย่างน้อย ๆ มันต้องเป็นสัตว์วิเศษระดับหก
เลือดนี้มีประโยชน์อย่างเหลือเชื่อสำหรับหลินจิน เขาสามารถมอบมันให้กับเสี่ยวฮั่วได้โดยตรงเพื่อเสริมร่างเปลวไฟของกายาแห่งธรรมของมันได้ นอกจากนี้ หลินจินสามารถนำบางส่วนไว้สำหรับตัวเขาเองเพื่อบ่มเพาะคาถาที่ทรงพลังได้อีกด้วย
จากจารึกเครื่องรางที่เขาได้รับมาจากหวู่เฉียน หลินจินได้เรียนรู้เกี่ยวพวกมันตั้งหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น เครื่องรางขุนเขาสวรรค์นั้นเป็นแขวงหนึ่งของเครื่องรางเบญจปฐพี
ตอนนี้หลินจินวางแผนที่จะสร้างเครื่องรางเบญจอัคคี
ขั้นตอนการสร้างเครื่องรางเบญจอัคคีนี้ เขาไม่ต้องการใช้มันลงบนกระดาษ หลินจินต้องการนำมันเข้ามาในดวงจิตของเขา และเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการ เขาก็สามารถเรียกมันด้วยพลังวิญญาณของเขา
หลินจินสามารถเรียนรู้อย่างเฉพาะเจาะจงได้โดยการเปรียบเทียบวิธ๊การจากคัมภีร์ดาบศักดิ์สิทธิ์และเมฆานำพา
โดยเครื่องรางเบญจอัคคีที่หลินจินคิดขึ้นมานั้นไม่ได้ไม่มีตัวตนอย่างแน่นอน แต่มันก็ยังเป็นคาถาที่ดีอยู่ดี
หลินจินทำการค้นคว้าต่อจนถึงรุ่งสางก่อนที่ผลลัพธ์จะเริ่มแสดงออกมาในที่สุด
เขาเพ่งจิตของไปเบื้องหน้า ทันใดนั้นเองก็มีเถ้าไฟเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนนิ้วของเขา
เถ้าไฟนี้เป็นเพียงเปลวไฟธรรมดาที่มีสีผสมกัน มันไม่บริสุทธิ์เลย
จากนั้น หลินจินก็พึมพำเบา ๆ ว่า
“เพลิงมังกร!”
คราวนี้เขาใช้เลือดมังกรหยดนั้น
*พรี่บ!*
สิ่งเจือปนทั้งหมดถูกขจัดออกจากเปลวไฟเมื่อเปลี่ยนเป็นสีเขียว!