ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 689 สมบัติของตระกูลที่ล้มสลาย
โบราณสถานแห่งนี้มีซากของเผ่าปีศาจเหมันจำนวนมากตายเกลือนกลาดไปหมด
ซู่เสี่ยวไป่สามารถมองเห็นได้ทุกที่ที่เขามองไป แต่ไม่สามารถดูดกลืนหรือหมุนเวียนร่างพวกนี้ได้ อีกทั้งทั้งหมดพึ่งจะตายมาได้สักพักหนึ่ง น่าจะเป็นเผ่าปีศาจเหมันที่หลบหนีเข้ามาในโบราณสถานแห่งนี้
ซื่อหลิงเดินตามมาก็ได้พูดขึ้น
“พวกนี้ยังไม่ตายเลยทีเดียว แต่เรียกว่ากึ่งเป็นกึ่งตายวิญญาณไม่อยู่ระหว่างภพใดเลย จ้าวภัยพิบัติเป่ยเมยมักจะควบคุมพวกมันเป็นสมุน แล้วอันที่จริงที่นางพูดว่านายท่านเป็นสิ่งมีชีวิตจากโลกชั้นต่ำนั้น หากเทียบกันจริงๆ แล้วเผ่าพันธ์ของนางนั้นต่ำกว่าท่านเสียอีก เพียงว่ามีโชคลาภวาสนาได้เป็นจ้าวภัยพิบัติขั้น 9”
“ที่จริงตัวตนของเผ่าพันธ์นี้ไม่น่าจะรอดจากการถูกกลุ่มมหาอำนาจมาได้เลยด้วยซ้ำ พวกมันอ่อนแอจนไม่อาจจะขัดขืนได้ ต่างจากนายท่านที่สามารถจัดการได้ทุกสิ่ง นายท่านสุดยอดกว่าเป็นไหนๆ”
“หยุด…..เลิกประจบประแจ้งข้าสักที อย่าลืมเรามาเพื่อหาสมบัติ ไม่ได้มาเที่ยวเล่น”
“แน่นอนนายท่าน ข้าน้อยไม่ลืม”
ซื่อหลิงหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ ของมันออกมา และเริ่มอ่านจารึกที่เขียนไว้บนผนังของโบราณสถานแห่งนี้ มันใช้เวลาไม่นานก็สามารถถอดใจความได้ทั้งหมด
“สถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนต้องห้ามของต้นตระกูลจ้าวภัยพิบัติทงเทียน ต่อมาถูกศัตรูที่มีความแค้นต่อจ้าวภัยพิบัติทงเทียนโจมตี และกวาดล้างทั้งตระกูล ทำให้ทั้งตระกูลทงเทียนนั้นได้เอาสมบัติทั้งหมดฝั่งไว้ที่นี่ แต่ก็น่าเสียดายเล็กน้อยนายท่าน…..มันเขียนว่ามีแค่ครึ่งเดียวอีกครึ่งถูกทำลายไปหมดแล้ว”
ซู่เสี่ยวไป่พูดกับตัวเองเบาๆ
“ตระกูลทงเทียน…..อา จริงสินะมันมีเขียนไว้ในบันทึกของจักรวรรดิพระแม่ศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลที่เคยรุ่งโรจน์ แต่กลับล้มสลายลง หลังจากจ้าวภัยพิบัติทงเทียนตาย”
จักรวรรดิระดับสูงมากมายนั้นมักจะจารึกประวัติศาสตร์หลายเหตุการณ์ ซึ่งซู่เสี่ยวไป่ไม่จำเป็นต้องอ่าน เพราะบางประวัติศาสตร์มันก็เขียนเอาไว้ในตำราวิชาที่เขาโยนเข้าไปในพื้นที่ฝึกวิชาในคลิกเดียว ทำให้เขารับรู้เรื่องราวไปด้วย
พวกเผ่าปีศาจเหมันพยายามที่จะขโมยสมบัติที่สถานที่แห่งนี้เก็บซ่อนอยู่ออกไป แต่ก็ไม่สามารถทำได้ และกลายเป็นซากเดนกึ่งเป็นกึ่งตายแบบนี้
ที่จริงสมบัติพวกนี้ตระกูลทงเทียนต้องการให้ลูกหลานมาเป็นคนรับเอาไป แต่สุดท้ายก็กลายเป็นซู่เสี่ยวไป่ที่เข้ามาตัดหน้าไปเสียก่อน
ซื่อหลิงเดินเข้าไปตามทาง และค้นของไปทั่วจนไปเจอกับหีบไม้หีบหนึ่ง เมื่อเปิดออกมันก็เจอวิชาโบราณไม่กี่สิบวิชาเท่านั้น แต่ไม่เจอวิชาภัยพิบัติสักวิชาเดียว
แต่แล้วตอนนั้นเองร่างของมันก็ถูกลำแสงปริศนาที่พุ่งออกมาจากหีบดีดจนตัวปลิวออกไป
ก่อนที่จะมีโครงกระดูกคนประกอบร่างขึ้น ในเบ้าตาของมันนั้นส่องแสงจ้าที่ดูน่าเกรงขาม
“ที่แห่งนี้เป็นของตระกูลทงเทียน!! มีเพียงผู้สืบทอดและสิ่งมีชีวิตสูงสุดเท่านั้นถึงผ่านไปได้”
ไม่คิดไม่ฝันว่าเวลาเนิ่นนานขนาดนี้ ผู้พิทักษ์หอสมบัติยังคงอยู่อีก
“ก็แค่กระดูกผุๆ ของตระกูลที่ล้มสลายไปแล้ว”
ซู่เสี่ยวไป่พูดพร้อมกับโบกมือไม่ให้ค่ากับสิ่งนี้
“ที่แห่งนี้เป็นของตระกูลทงเทียน!! มีเพียงผู้สืบทอดและสิ่งมีชีวิตสูงสุดเท่านั้นถึงผ่านไปได้”
ตัวกระดูกยังพูดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
ซู่เสี่ยวไป่ถึงสนใจและถามขึ้น
“แล้วสิ่งมีชีวิตสูงสุดคืออะไร”
“ตระกูลทงเทียนของข้าแสวงหาสิ่งมีชีวิตสูงสุด และมีเพียงผู้ที่มีพรสวรรค์ของสิ่งมีชีวิตสูงสุดเท่านั้นที่จะผ่านสถานที่แห่งนี้ได้”
กระดูกตอบกลับมา
ซู่เสี่ยวไป่ตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะปล่อยดาราจักรชีวิตทั้ง 12 ออกมาภายนอกร่าง
เขาไม่รู้ว่าพรสวรรค์ของสิ่งมีชีวิตสูงสุดคืออะไร และในสายตาของตระกูลทงเทียนสิ่งนี้พอจะเทียบได้กับสิ่งมีชีวิตสูงสุดหรือไม่
เมื่อกระดูกผู้พิทักษ์เห็นดาราจักรชีวิต แสงไฟในเบ้าตาของมันก็สั่นไหว และเปลี่ยนเป็นสีเขียว ก่อนที่มันจะเดินเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าซู่เสี่ยวไป่
“ท่านผู้สูงส่ง ข้าน้อยขอมอบทุกสิ่งของตระกูลทงเทียนแด่ท่าน”
ซู่เสี่ยวไป่ไม่รู้ว่าจะรู้สึกแบบไหนดี หัวเราะหรือหนักใจดี ไม่คิดว่ามันจะบังเอิญขนาดนี้
ปรากฏว่าสิ่งที่ตระกูลทงเทียนตามหามาตลอดและต้องการคือดาราจักรชีวิตที่ 12
ในไม่ช้า กระดูกผู้พิทักษ์ก็ได้ส่งวิชาระดับภัยพิบัติให้กับซู่เสี่ยวไป่โดยตรง
“-ติ๊ง!! ได้รับวิชาระดับภัยพิบัติ-”
เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบ ทำให้เขารู้ทันทีว่าสิ่งที่เขาคิดถูกต้อง
วิชาที่ได้รับนั้นเป็นการถ่ายทอดโดยตรงไม่จำเป็นต้องฝึกฝนอีกแล้ว และเป็นสุดยอดวิชาอย่างไม่ต้องสงสัย
และเมื่อมองไปยังศิลากาลเวลาเพียงได้รับวิชาเดียวทำให้รอยร้าวปิดอีกหนึ่งจุด
เมื่อซู่เสี่ยวไป่กับซื่อหลิงค้นสมบัติจนหมดแล้ว ก็กลับไปยังโบราณสถานที่ผนึกเก้ามังกรมายาสูงสุดไว้อีกครั้ง
พวกเขากลับมาเพื่อดูว่าเฉี่ยวเห้อดูดกลืนร่างของมังกรเก้ามายาสูงสุดเรียบร้อยแล้วรึยัง
เมื่อมาถึงร่างของเฉี่ยวเห้อก็ส่งกลิ่นไอที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงรัศมีพลังที่แตกต่างเวลานี้มันได้อยู่ในเขตแดนเดียวกับจ้าวภัยพิบัติขั้น 9 แล้ว
“ยินดีด้วย เฉียวเห้อ”
ซู่เสี่ยวไป่เข้าไปทักเฉียวเห้อทันที เมื่อมันได้บรรลุพลังและดูดกลืนร่างกระดูกหมด
การเติบโตหนึ่งขั้นของเฉี่ยวเห้อนั้นน่าอัศจรรย์อย่างมาก เพียงแค่การดูดกลืนซากกระดูกของบรรพชนเท่านั้น นี้ก็ถือว่าเป็นพลังพิเศษของเผ่าพันธ์นี้เหมือนกัน
“ข้า….ได้สืบทอดองค์ความรู้ และความทรงจำทั้งหมดจากบรรพชนแล้ว….และยังสามารถเรียนรู้ความสามารถของบรรพชนได้อีกด้วย”
…..
เฉี่ยวเห้อน้ำตาไหลพรากเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าซู่เสี่ยวไป่
“นายท่าน!!! ตอนนี้นายท่านไม่ต่างจากบิดามารดาที่ให้กำเนิดข้าแล้ว เฉี่ยวเห้อราวกับได้เกิดใหม่ตั้งแต่พบนายท่าน! ข้าน้อยนั้นรู้สึกทราบซึ้งยิ่งนัก”
เฉี่ยวเห้อคุกเข่าและคำนับให้ซู่เสี่ยวไป่ไม่รู้กี่ครั้ง แสดงออกถึงความเคารพบูชาอย่างที่สุด
นั้นก็ไม่แปลกเพราะพวกมันเป็นเผ่าปีศาจจากยุคแรกเริ่ม และเมื่อจักรพรรดิปีศาจตายไป ชะตากรรมของพวกมันก็มีแต่ตายกับถูกผนึกเท่านั้น ไม่อาจจะมีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากแบบนี้
ถ้าซู่เสี่ยวไป่ไม่เจอมันก่อน ปานี้มันคงตายไปแล้ว
“ในเมื่อแกสืบทอดพลังของบรรพชนมาได้แล้ว นั้นก็แปลว่าแกแข็งแกร่งขึ้นด้วยสินะ”
ซู่เสี่ยวไป่พูดอย่างพอใจ
…..
เฉี่ยวเห้อพยักหน้า
“ไม่ใช่เพียงแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย แต่แข็งแกร่งขึ้นแบบก้าวกระโดด!! ตอนนี้ด้วยพลังและวิชาของบรรพชนของข้า ข้าสามารถปล่อยพลังโจมตีข้ามดินแดน ข้ามภพ ข้ามจักรวรรดิได้เลย”
“พลังของแกจะบ้าบอเกินไปแล้ว”
ซู่เสี่ยวไป่อดไม่ได้ที่จะชื่นชม เมื่อได้เห็นว่าปีศาจที่เขาชุบเลี้ยงมานั้นแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน
ความจริงแล้วซื่อหลิงเองก็แข็งแกร่งขึ้นด้วย จากผลของการที่เฉี่ยวเห้อแข็งแกร่งขึ้น พวกมันมีชะตาที่ผูกกันเหมือนซู่เสี่ยวไป่กับเฉี่ยวเห้อยิ่งผู้เป็นนายแข็งแกร่งลูกน้องก็แข็งแกร่งตามไปด้วย
“ฮะๆ ต้องขอบคุณความเมตตาจากนายท่าน ในอนาคต ข้าจะทำให้อาณาจักรหนึ่งปฐพียิ่งใหญ่ให้จงได้
ซื่อหลิงก็พูดขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน แต่ด้วยท่าทางในร่างของมนุษย์ของมัน ทำให้ซู่เสี่ยวไป่รู้สึกหมั่นใส้จึงเตะเบาๆ ใส่ไปที
หลังจากเจ้านายและข้ารับใช้แข็งแกร่งขึ้น ทั้งหมดก็เริ่มออกสำรวจพื้นที่ของจักรวรรดิปีศาจเหมันอีกครั้ง และก็ไม่พอวิชาภัยพิบัติระดับสูงอีกแล้ว แต่พบวิชาระดับภัยพิบัติระดับทั่วไปนับพัน
แต่ด้วยวิชาที่ซู่เสี่ยวไป่บรรลุไปตอนนี้มากถึง 8,000 วิชานั้นก็มากพอที่จะทำให้ขอบเขตพลังของเขาเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
นอกจากนี้เขายังยึดจักรวรรดิปีศาจเหมันมาเป็นของตัวเองอีกด้วย และทำให้อาณาจักรหนึ่งปฐพีใหญ่ขึ้น และทุกคนอยู่ภายใต้อำนาจสั่งการของซู่เสี่ยวไป่เพียงผู้เดียว หากเทียบกับจักรวรรดิระดับสูงที่อยู่รอบๆ อาณาจักรหนึ่งปฐพีก็เหมือนยักษ์ใหญ่ที่ยืนอยู่ในดงคนแคระ!