บทที่ 18
บทที่ 18
“ฮู่ว ... ฮู่ว .... นี่เจ้าเป็นตัวบ้าอะไรกันแน่?” หลังจากถล่มโจมตีอย่างหนัก แพนด้านอนแผ่กับพื้น ใบหน้าดูสิ้นหวัง
ถึงแม้ว่ามันจะแข็งแกร่งมาก พลังปราณในตัวยังมีเหลือเฟือ แต่ตอนนี้เหนื่อยใจอย่างยิ่ง เพราะเจ้าสิ่งน่าชังตนนี้ ฆ่าไม่ได้เลย!
เจ้าเป็นปีศาจหรือไร?
ณ ตอนนี้ ใจแพนด้าค่อยๆสงบลง
“ก็บอกแล้วไง ข้าคือสายเลือดของเทพผู้ยิ่งใหญ่ เป็นอมตะ เริ่มกลัวรึยัง? มากับข้าสิ ไม่งั้นข้าจะเล่นกับเจ้าจนกว่าจะพอใจ” ฉินห่าวนอนกอดแขนข้างหนึ่งของแพนด้าด้วยสีหน้าสบายๆ
สิ่งมีชีวิตภายในประตูยังคงเงียบ ไม่รู้ว่าตกใจหรือยังไง แต่ตอนนี้มันพยายามลบตัวตนให้เหมือนไม่มีอยู่
“เป็นไปไม่ได้ ข้าเคยผ่านอะไรต่างๆนาๆมาก็มาก แต่ไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะมาก่อน อีกอย่างข้าไม่ใช่สายเลือดโบราณ” แพนด้าคำรามเสียงดัง ท่าทีคับข้องใจ หากรู้แบบนี้ จ้างให้มันก็ไม่คิดมีปัญหากับฉินห่าว
“เอ๋?” ฉินห่าวตะลึง ตกลงเจ้าไม่ใช่เลือดโบราณหรือ? งั้นหมายความว่าก่อนหน้านี้ที่พูดมามันก็แค่ขี้โม้ข้าน่ะสิ
“แต่ช่างมัน เจ้ามีสองทางเลือก ยอมมากับข้า ไม่งั้นก็ตีข้าให้ตาย” ฉินห่าวเล่นเป็นคนพาล
“ข้า ข้าไม่มีวัน ...บัดซบเอ๊ย!” แพนด้าสบถ ตัวมันคือสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ทว่านับแต่เกิดมา มันไม่เคยเห็นคำขอที่หน้าด้านและไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อนเลย
เจ้าจะยอมไปกับข้าไหม? ไม่ไปก็ฆ่าข้าให้ตาย?
ก็เจ้าไม่ยอมตายไง! นี่แหละปัญหา!!
“เอาข้าไปแล้วเจ้าจะได้อะไร? ข้าไม่มีความรู้อะไรเลย ทำได้แค่กินอย่างเดียว”
“ไม่เป็นไร ข้าเลี้ยงดูเจ้าเอง”
“ข้า...ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากไป แต่เป็นข้าที่ไปไม่ได้ รู้หรือไม่ พื้นที่เสี่ยงนี้คือผนึก ข้าถูกผนึกที่นี่ เจ้าเห็นไอ้ตัวเหม็นข้างในไหม? เจ้าหมอนั่นโชคร้ายยิ่งกว่า ถูกขังไว้ข้างในประตู”
ลูกตาของแพนด้ากลอกไปมา ก้มศีรษะลงอย่างหดหู่
“จะจริงเร้อ? ถ้าเจ้าไม่โกหกก็จงสาบาน!”
ฉินฮ่าวไม่เชื่อ สัตว์ร้ายที่มีพลังรบระดับนี้จะถูกผนึกได้ยังไง? เว้นเสียแต่ว่าจะมีผู้บำเพ็ญเพียรในขอบเขตข้ามทัณฑ์สวรรค์หรือมหายานเป็นคนผนึกพวกมัน
รู้ไว้เถอะว่าการผนึกนั้นยากกว่าการฆ่ามาก
“ข้าสาบานต่อสวรรค์และปฐพี ข้าถูกผนึกไว้ที่นี่ หากข้าโกหก ขอให้กลายเป็นเถ้าธุลี”แพนด้ายกอุ้งเท้าขึ้นโดยไม่ลังเล
ครืนนนน!!
ท้องฟ้าข้างนอกมีเสียงสายฟ้า คำสาบานสำเร็จ!
“...”
ฉินห่าวกลายเป็นโง่งม เขาไม่นึกว่านี่จะเป็นเรื่องจริง งั้นต่อไปจะทำยังไงดี?
“แค่ก แค่ก งั้นเจ้าไม่มีวิธีดีๆที่จะออกไปจากที่นี่เลยหรือ?” ฉินฮ่าวคิดแล้วพูด
“ก็พอมี นั่นคือข้าต้องลดฐานบำเพ็ญเพียร แต่มันไม่มีทางเกิดขึ้น เราอสูรเทพไม่มีวันตกต่ำกว่ามนุษย์!” แพนด้าโบกอุ้งมือ พูดอย่างเด็ดขาด
“ตกต่ำกว่าก็ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องไม่ดี อันที่จริงข้าพอมีฝีมือทำอาหารอยู่บ้าง เอาเป็นข้าจะเลี้ยงดูเจ้าด้วยอาหารอย่างดีเป็นไง? เจ้าจะได้ไม่ต้องกินแต่ไม้ไผ่เดิมๆอีกต่อไป” ฉินห่าวนึกขึ้นได้ว่าเขาเพิ่งได้รับความสามารถมามากมาย
“นั่น... นั่นก็ไม่ได้อยู่ดี” แพนด้าน้ำลายไหล แต่ยังคงปฏิเสธ
“งั้นก็น่าเสียดาย สงสัยข้าคงได้กลับไปกินไผ่บิสกิตสตอรเบอร์รี่ , ไผ่คัพเค้ก , ไผ่ชุบแป้งทอดคนเดียวเสียแล้ว ไอ้หยา! พอนึกถึงรสชาติกรุบกรอบของไผ่ชุบแป้งทอดแล้ว ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
แน่นอน ฉินฮ่าวไม่เคยกินไผ่ชุบแป้ง ของแบบนั้นมันใช่สิ่งที่มนุษย์กินได้หรือ? แต่ยังไงก็กะจะโกหกอยู่แล้วจึงไม่ใส่ใจ เพียงส่ายหัว หันหลังกลับและจากไป
“ช้าก่อน พูดให้ชัดเจนก่อนไป ไผ่บิสกิตสตรอเบอร์รี่คืออะไร แล้วไผ่ชุบแป้งทอดนั่นมันอะไรกัน?”
แพนด้ารีบหยุด
“พูดไปเจ้าก็ไม่รู้ เพราะยังไงเจ้าก็ไม่ได้กินมัน”
“ข้าอยากกินมัน! ข้าออกไปไม่ได้ แต่เจ้าทำมันให้ข้าได้ ... ข้าจะยอมแลกเปลี่ยนมันกับพวกโอสถหรืออาวุธวิเศษที่เก็บไว้!” แพนด้ากัดฟัน กล่าวด้วยความเจ็บปวดใจ
“เข้าท่าดีนี่ งั้นโอสถหนึ่งก้อนต่อไผ่บิสกิตสตรอเบอร์รี่ 1 ชิ้น ไผ่ชุบแป้งทอด 2 ชิ้นต่ออาวุธวิเศษ 1 ชิ้นเป็นไง? ว่าแต่เจ้ามีของในมือเท่าไหร่?”
ฉินห่าวหยุดฝีเท้าชั่วคราว ดวงตาเป็นประกาย แม้ว่าโอสถจะไม่มีประโยชน์สำหรับเขา แต่มันมีประโยชน์สำหรับนิกาย
นี่ช่วยไม่ได้ ก็ใครใช้ให้นิกายยากจนกันเล่า ฮ๊าาา!
มีศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ขาดการบำรุงบ่มเพาะมากมาย
“เจ้ามีเท่าไหร่?”
“ข้าจะให้เจ้าดูหลังจากเห็นอาหารของเจ้าก่อน”แพนด้าก็ไม่โง่เช่นกัน ดั่งวลีที่ว่าอย่าคลายเหยี่ยวของคุณตราบใดที่ยังไม่เห็นกระต่าย
“งั้นก็เตรียมของไว้เยอะๆได้เลย ข้าขอไปเตรียมตัวก่อน” ฉินห่าวกล่าว รีบวิ่งออกมาข้างนอก แม้ว่าจะไม่มีบิสกิต ไม่มีสตรอเบอร์รี่ในโลกนี้ แต่ก็สามารถหาอะไรมาทดแทนได้
ส่วนเครื่องปรุงสำหรับชุบแป้งทอด มีวัถุดิบหลายอย่างที่ใช้แทนกันได้ที่เขาเคยเห็นมาแล้วไม่มากก็น้อย