บทที่ 11 ท่านบรรพบุรุษ
เมื่อได้ยินเสียงนี้ หลินเป้ยหันศีรษะกลับมา และเห็นเด็กชายอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีมองมาที่เขาด้วยความเย้ยหยัน
ชายหนุ่มคนนี้คือบุตรชายคนที่สองของผู้ปาวุโสสอง ชื่อหลินเฉิง ซึ่งอยู่ในขอบเขตนักรบฝึกหัดขั้นแปด และเป็นผู้มีพรสวรรค์ในเกณฑ์ใช้ได้
แม้ว่าพรสวรรค์จะไม่ดีเลิศมาก แต่เขาก็หยิ่งยโสและทำให้สมาชิกเด็กๆหลายคนในตระกูลขุ่นเคือง
แต่เนื่องจากผู้อาวุโสสอง ทำให้ไม่ค่อยมีใครโต้แย้งเขา ดังนั้นเขาจึงคิดเอาเองเสมอว่าเขายิ่งใหญ่ และทุกคนต้องเชื่อฟังเขา
ในตอนนี้ ถังขยะหลินเป้ยมาที่หอตำรา ทำให้เขาก็อดไม่ได้ที่จะเย้นหยัน
แน่นอนว่า ถ้าเขาได้พบกับสมาชิกที่เก่งกาจของตระกูล หลินเฉิงก็จะสุภาพมากกว่านี้ เพราะเขาเองก็เป็นคนขลาดเขลาและขี้กลัว
สมาชิกหลายคนของตระกูลหลินแอบดูถูกหลินเฉิงในเรื่องนี้เช่นกัน
"โอ้? ข้าเป็นสมาชิกของตระกูลหลิน แล้วทำไมข้าถึงเข้าไปไม่ได้? ไม่มีกฎแบบนี้ในตระกูลใช่ไหม? เจ้าเป็นคนตัดสินใจในหอตำราหรือ?" หลินเป้ยมองไปที่หลินเฉิงกล่าวอย่างเฉยชา
ด้วยทัศนคติเช่นนี้ไม่ได้ทำให้หลินเฉิงจริงจังกับการเบ่มเพาะ เขาเป็นเพียงคนรวยรุ่นที่สองที่ใช้เวลาทั้งวันสร้างปัญหาข้างนอก
ถ้าเขาไม่มีชายชราที่ดี เขาคงถูกทุบตีตายไปนานแล้ว
ก็แค่พวกเก่งแต่ปาก!
“เจ้าคือคนไร้ค่า เจ้าคือเรื่องน่าขายหน้าของตระกูลหลิน เจ้าดูถูกตระกูลหลินเมื่อเจ้าเข้าไปในหอตำรา ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าคงขอลดระดับเป็นเด็กรับใช้ เจ้าแบกรับชื่อเสียงลูกหลานสายตรงของตระกูลหลิน เจ้ารู้ไหมว่ามีกี่คนที่กำลังหัวเราะเยาะตระกูลหลิน เจ้ารู้หรือไม่?” หลินเฉิงหัวเราะเยาะ
“แม้ว่าข้าจะฝึกไม่ได้ ก็ไม่มีกฎในการเข้าหอตำรา ข้าเบื่อและไม่อยากคุยกับเจ้าแล้ว” หลินเป่ยพูดเรียบๆ
หลังจากพูดจบ หลินเป้ยก็หันหลังกลับเพื่อเข้าไปในหอตำรา
เมื่อเห็นว่า หลินเป้ยไม่เชื่อฟัง และยังพยายามเข้าไปในหอตำรา มันทำให้ หลินเฉิงรู้สึกโกรธ
ต่อหน้าบางคนที่มีภูมิหลังอ่อนแอกว่าเขา ทุกคนจะเกรงกลัวและหลีกหนี
แต่ตอนนี้ เขาจะทนได้อย่างไรที่ถูกละเลยโดยขยะที่เป็นความอับอายของตระกูลหลิน?
“เจ้าแส่หาความตายเจ้าเข้าไปไม่ได้ ถ้าข้าไม่อนุญาต” หลินเฉิงระเบิดการโจมตีใส่หลินเป้ยโดยตรง
แน่นอน หลินเฉิงออมกำลังบางส่วน มิฉะนั้น หลินเป้ยอาจตายด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดของเขา ถ้าเขาฆ่าหลินเป้ยที่นี่มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่
แม้ว่า หลินเป้ยจะเป็นขยะ แต่ตัวตนของเขาคือสายตรงของตระกูลหลิน มันไม่เป็นปัญหาที่จะได้รับบาดเจ็บ แต่การฆ่า มันคืออีกเรื่องเลย
อย่างไรก็ตาม หากเจ้าตีหลินเป้ยและปล่อยให้หลินเป้ยนอนลงสักพัก มันจะไม่มีปัญหา นี่คือราคาที่มันต้องจ่าย ในฐานะที่ทำให้เขาขุ่นเคืองใจ
หลินเป้ยรู้สึกถึงลมแรงที่อยู่ข้างหลังเขา ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา
หลินเฉิงคนนี้น่ารำคาญจริงๆ!
หลินเป่ยตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นกัน เขาขยับไปทางซ้ายเพียงสองก้าว อย่างรวดเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของหลินเฉิง
แม้ว่าหลินเป้ยจะเป็นนักรบฝึกหัดขั้นสี่ แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นเหนือกว่าระดับเดียวกันมาก
นี่คือข้อได้เปรียบของตำราจ้านเทียนเจ๋ (ตำรามหาศึกแห่งสวรรค์)
ทุกครั้งที่หลินเป้ยเพิ่มระดับของเขาหนึ่งขั้น ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้น 1000 จิน ซึ่งเป็นสิบเท่าของผู้ฝึกตำราระดับต่ำ
ตอนนี้ขอบเขตของหลินเป้ยอยู่ที่ขั้นสี่ และความแข็งแกร่งของเขาคือ 4,000 จิน อาจกล่าวได้ว่ามันเทียบเท่ากับความแข็งแกร่งของนักรบแท้จริงในขั้นสองหรือสาม
พูดง่ายๆ ภายใต้นักรลฝึกหัด เขานั้นไร้เทียมทาน
มันเลยง่ายที่จะหลบหนีการโจมตีแบบนี้!
เมื่อเห็นหลินเป้ยหลบการโจมตีของเขาได้
ใบหน้าของหลินเฉิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ในที่สุด เขาทำโจมตีพลาด เซไปเล็กน้อย และพุ่งไปที่ด้านหน้าของหลินเป้ย
โชคดีที่เขาไม่ได้ออกแรงทั้งหมด ถ้าเขาออกแรงจนสุด เขาไม่สามารถจะต้านทานแรงของเขาไว้ได้ และเขาอาจล้มหน้าคว่ำ
เมื่อหลินเฉิงต้องการทรงตัวขึ้นจากการเสียหลัก หลินเป้ยแสดงอาการเย้ยหยันและเตะเขา
ทันใดนั้น หลินเฉิงก็รู้สึกว่าก้นของเขาถูกกระแทกอย่างแรง และเขาก็กระเด็นไปข้างหน้า กระแทกประตูของหอตำราจนเปิดออก
“ตูม” เสียงประตูถูกเปิดออกทำให้สมาชิกของตระกูลหลินที่อยู่ข้างในตื่นตระหนก
ทุกคนมองไปที่ประตูทีละคน ได้เห็นหลินเฉิงนอนอยู่บนพื้น ดูตลกมาก
นอกจากนี้ยังสามารถจินตนาการได้ว่า เป็นหลินเฉิงที่เปิดประตูออกมาในตอนนี้
เด็กสาวบางคนปิดปากและหัวเราะ
แต่หลินเป้ยยิ้มเบาๆ เดินผ่านลินเฉิงโดยตรงและเข้าไปในหอตำรา
ในเวลานี้มีสมาชิกของตระกูลหลินเพียงเจ็ดหรือแปดคนในศาลาหอตำรา และชายชราคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะอายุหกสิบเศษนั่งอยู่ข้างๆโต๊ะด้านหน้า
ชายชราคนนี้คือบรรพบุรุษของตระกูลหลิน ซึ่งมีความอาวุโสสูงกว่าหัวหน้าตระกูลหลินหนึ่งรุ่น
แม้ว่าการฝึกฝนของเขาจะเป็นเพียงขั้นที่สิบของระดับนักรบแท้จริง แต่สมาชิกของตระกูลหลินก็ไม่กล้าแสดงท่าทีหยาบคายต่อหน้าเขา
แม้แต่ผู้อาวุโสหลายคนยังต้องแสดงท่าทีสุภาพต่อหน้าเขา
มีข่าวลือว่าเขาอยู่ในวัยเก้าสิบปี
เขารับผิดชอบหอตำราของตระกูลหลินและบันทึกวิชาต่างๆ
สมาชิกทุกคนของตระกูลหลิน ตราบใดที่พวกเขาก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการบ่มเพาะ จะสามารถเลือกทักษะต่อสู้และตำราบ่มเพาะได้ฟรี
นี่คือโอกาสครั้งที่หนึ่ง!
หากเจ้าถึงขั้นห้าระดับนักรบฝึกหัด เจ้ามีโอกาสเลือกทักษะต่อสู้
นี่คือโอกาสครั้งที่สอง
และถ้าเจ้าถึงขั้นสิบระดับนักรบฝึกหัด เจ้ายังคงสามารถเลือกทักษะการต่อสู้ได้อีกหนึ่งทักษะ
รวมทั้งหมดสามครั้ง
หลังจากสามครั้งแล้ว หากเจ้าต้องการรับทักษะการต่อสู้เพิ่ม เจ้าต้องจ่ายค่าคัดลอกสำเนา 250 ตำลึง แน่นอนว่านี่เป็นเพียงราคาของทักษะการต่อสู้ระดับหนึ่งเท่านั้น
ราคานี้ต่ำกว่าราคาขายภายนอกครึ่งหนึ่ง สิ่งนี้ยังเป็นแหล่งรายได้หลักของตระกูลหลิน
หลินเฉิงลุกขึ้นมาและพูดด้วยความโกรธว่า "หลินเป้ยเจ้ากล้ามากที่โจมตีข้าโดยไม่คาดคิด"
หลินเฉิงปล่อยพลังทั้งหมดออกมาและฟาดหลินเป้ยด้วยฝ่ามือ ครั้งนี้เขาโกรธมากจนไม่ได้ตั้งใจที่จะยั้งมือไว้
หลินเป้ยทำให้เขาเสียหน้ามาก ขยะนี้กล้าแตะต้องเขา เขาอยากจะฆ่าหลินเป้ย
หลินเป้ยหลบอีกครั้ง แต่บังเอิญหลินเป้ยอยู่ข้างหน้าชายชรา ทำให้ฝ่ามือของหลินเฉิงพุ่งไปโดนชายชราที่นั่งอยู่
ใบหน้าของหลินเฉิงเปลี่ยนไปอย่างมาก และเขาต้องการที่จะหยุด
แต่เนื่องจากเป็นการโจมตีเต็มรูปแบบของเขา เขาจึงไม่สามารถหยุดได้
นี่คือโศกนาฏกรรม ช่างเป็นโศกนาฏกรรมจริงๆ หลินเฉิงรู้สึกอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา
เขาไม่รู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรหากเขาทำให้บรรพบุรุษบาดเจ็บ
“ไอ้สารเลวน้อย เจ้ากล้าทำอะไรในหอตำรา!” ชายชราตะโกนด้วยความโกรธ
ชายชราสบัดฝ่ามือกระแทกสวน!
“ตูม” ร่างของหลินเฉิงลอยไมด้านหลังหลัง และบินออกจากประตู
หลินเฉิงกระอักเลือด อวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ปัญหาไม่ร้ายแรงมาก
เพราะชายชราไม่ได้ทำอะไรโหดร้าย เขาแค่สอนบทเรียนเล็กๆน้อยๆ ให้เขา
ชายชรายืนอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าที่ดูเคร่งขรึม
แม้ว่าเขาจะแก่แล้ว แต่เขาก็ยังดูแข็งแรงดี และมันจะไม่มีปัญหาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสักสิบปีหรือมากกว่านั้น
หากชายชราสามารถก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์นักรบได้ ตราบใดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ ก็ไม่ยากที่จะมีชีวิตอยู่อีกสามสิบหรือสี่สิบปี
อย่างไรก็ตาม เขาแก่เกินไปและศักยภาพด้านพรสวรรค์ของเขาก็หมดลงแล้ว
และตระกูลหลินก็ไม่มีทรัพยาที่จะลงทุนกับชายชรา
“ท่านบรรพบุรุษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” หลินเฉิงรีบขอโทษ
“ฮึ่ม ไม่ว่าเจ้าจะจงใจหรือไม่ เจ้าไม่เห็นกฎเหรอ? กฎเขียนไว้ข้างประตูนานแล้ว ห้ามส่งเสียงดังในศาลาหอตำรา ข้าจะลงโทษเจ้า ตัดโอกาสกานได้รับทักษะต่อสู่ฟรี ในครั้งที่สาม ในอนาคต เจ้าจะต้องจ่ายเงินเพื่อคัดลอกทักษะต่อสู้” ชายชรากล่าว