นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 33 - แปลกประหลาด
ศาสตราจารย์คนนั้น แค่ยิ้มแล้วมองดูเดวิดเดินจากไป ไม่ได้รู้สึกถึงความรำคาญใจเลยแม้แต่น้อย
“เดวิด? อืม! เป็นเด็กที่น่าสนใจไม่น้อย!” เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะเริ่มหันไปมองเหล่าผู้ช่วยที่กำลังยืนอยู่ทั้งสองข้างของโต๊ะทำงาน
“วันนี้น่าจะสนุกกันมาพอแล้วล่ะ! ตอนนี้! ใครก็ได้บอกฉันมาหน่อย ว่าทำไมการพัฒนา ‘สลีทอายยีน’ ที่ควรจะเป็นเรื่องง่าย ๆ เป็นกระบวนการพื้นฐานเท่านั้น! ถึงได้มีอัตราประสบความสำเร็จต่ำขนาดนี้? มันเกิดบ้าอะไรขึ้น ทำไมฉันถึงไม่เห็นรายงายสักฉบับ? ที่ระบุว่าประสบความสำเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์?” เสียงแหบพร่านั้นกล่าวออกมาอย่างช้า ๆ ในตอนแรก แต่มันค่อย ๆ เร็วขึ้น และดังจนเหมือนฟ้าผ่าในตอนที่เขาพูดจบประโยค
เขาปากระดาษโฮโลแกรมในมือลงบนโต๊ะอย่างเกรี้ยวกราด ทำให้มันแตกกระจายกลายเป็นแสงหลากสี ก่อนจะหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ผู้ช่วยทุกคนที่ยืนอยู่ในที่นี้ ได้แต่ก้มหน้าลงมองมือที่กุมอยู่ด้านหน้าของตัวเองเท่านั้น ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์จะไม่พอใจความก้าวหน้าในการทดลองของพวกเขาจริง ๆ แต่วิธีที่แสดงออกมาต่างจากที่พวกเขาคาดเอาไว้ไม่น้อย โดยปกติแล้ว ถ้าศาสตราจารย์ท่านนี้โกรธขึ้นมาจริง ๆ เขาจะเงียบเสียมากกว่า และผลที่ตามมาหลังจากนั้นจะรุนแรงไม่ใช่น้อย ไม่ใช่อาละวาดออกมาแบบนี้ ซึ่งแสดงว่า เขายังไม่ได้มีอารมณ์โกรธมากเท่าไรเลย
..........
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เดวิดเดินพ้นออกมาจากห้องทดลองพลังงานเรียบร้อยแล้ว กำลังยืนอยู่ที่นอกประตู เงยหน้ามองดูไปรอบ ๆ
ถึงแม้ว่าเขาจะตื่นเต้นไม่น้อย ที่ความแข็งแกร่งของตัวเองนั้นเพิ่มขึ้น และอยากจะทดสอบพลังของตัวเองมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังรู้หน้าที่ และลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำอยู่พอสมควร
แม้จากบุคลิกของเขาอาจจะไม่ใช่คนที่จริงจังมากนัก แต่ก็เป็นคนที่ยึดมั่นอยู่ในหลักการเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเป็นเวลาที่ต้องทำอะไรจริงจังขึ้นมา เขาก็จะทุ่มเททำมันอย่างเต็มที่ พยายามจนสุดความสามารถเลยทีเดียว
ถ้าถึงเวลาที่ต้องกินอาหาร เขาจะทำมันโดยไม่ลังเล และยังจะกินอย่างยินดีอีกด้วย ถ้าถึงเวลาที่ต้องฝึกฝน เขาก็จะทุ่มเทความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ ถ้าถึงเวลาที่ต้องอ่านหนังสือ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ไม่ชอบที่สุด เขาก้ยังจะตั้งเป้าหมายเอาไว้ให้ตัวเอง และทำให้ประสบความสำเร็จได้ตามนั้น ถ้ามันเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ เขาจะยิ่งตัดสินใจอย่างไม่ลังเลใด ๆ ทั้งสิ้น เหมือนกับในครั้งนี้ เวลานั้นกระชั้นชิดเป็นอย่างมาก และเขาต้องไปให้ถึงห้องเรียนของวิชาต่อไปให้ได้ทันเวลา หลังจากที่รู้ข้อมูลเส้นทางจาก ‘เฮเซล’ แล้ว และคำนวณจากความสามารถที่เขามีอยู่ในตอนนี้ เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อย 17 นาทีเพื่อจะวิ่งอย่างสุดกำลังไปที่นั่น
เขาเริ่มออกตัววิ่งไปข้างหน้าทันที เพื่อพยายามเพิ่มความเร็วของการหมุนเวียนเลือดในร่างกายไปด้วยพร้อมกัน หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถ้ามีใครบางคนมีความสามารถในการได้ยินที่ดีพอ และลองตั้งใจฟัง จะได้ยินเสียงเลือดในร่างกายของเขาสูบฉีดอยู่อย่างรวดเร็ว และเสียงของหัวใจสองดวงเต้นอยู่พร้อมกัน ทำการเร่งความเร็วของเลือดที่กำลังไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกาย
ร่างกายของเดวิดเต็มไปด้วยพละกำลังอันมหาศาล หัวใจทั้งสองดวงกำลังเต้นประสานกัน เสียงดังรัวออกมาราวกับปืนกลที่กำลังยิงกระสุนออกไป มันเป็นเสียงที่หนักแน่นอย่างมาก ร่างกายทำงานราวกับว่ามันเป็นเครื่องยนต์ กล้ามเนื้อเกร็งตัวแน่น ก่อนจะปลดปล่อยพลังออกมาอย่างฉับพลัน ส่งตัวของเขาให้พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ แต่ละก้าวของเดวิดในตอนนี้ มันไกลเกินกว่า 5 เมตรแล้ว การพุ่งตัวไปข้างหน้าของเขา มันน่าจะมีความเร็วเกิน 50 เมตรต่อวินาทีไปเรียบร้อย
เดวิดตกใจกับความเร็วของตัวเองไม่น้อย เขาพยายามที่จะลดความเร็วลงบ้างตามสัญชาตญาณ แต่ร่างกายกลับไม่ตอบสนองต่อคำสั่งเลย มันยังคงพุ่งไปข้างหน้าอย่างเต็มที และท่าทางในการเคลื่อนที่ของเขานั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ร่างกายส่วนบนนั้นโค้งกลับมาด้านหลัง ราวกับว่ากระดูกสันหลังของเขานั้นมันไม่มีอยู่เลย หรือบางคนอาจจะคิดว่ามันหักไปเรียบร้อยแล้วก็ได้ แต่ขาและร่างกายส่วนล่างยังคงก้าวไปด้านหน้าได้อย่างมั่นคง เขาวิ่งอยู่ในท่าทางที่แผ่นหลังนั้นเอนขนานไปกับพื้น?
แม้ว่าจะอยู่ในท่าทางแบบนั้น การมองเห็นของเขากลับไม่ถูกรบกวนเลย ดวงตากำลังเบิกกว้างขึ้น เมื่อเห็นกล่องโลหะที่ใหญ่ราว ๆ 2 ลูกบาศก์เมตร ลอยเฉียดปลายจมูกของเขาผ่านไปทางด้านหลัง เหงื่อเย็น ๆ ไหลท่วมออกมาเต็มแผ่นหลังทันที นั่นเป็นความโชคดีที่เขารอดจากการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงมาได้หนึ่งครั้ง เขาคำนวณความสามารถของตัวเองผิดไปอย่างมหันต์ จนทำให้เกือบจะควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวเองไม่ได้ แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ไม่ยากนัก พลังของเขานั้นเพิ่มขึ้นมาเร็วเกินไป
ในตอนนี้ เขาได้แต่กล่าวขอบคุณเทพีแห่งโชคเท่านั้น ที่ทำให้เขาหลบพ้นจากกล่องโลหะนั่นมาได้ ด้วยความเร็วที่มหาศาลขนาดนี้ ใครจะไปรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าเขาพุ่งเข้าชนกับกล่องโลหะนั้นเข้าอย่างจัง แม้ว่าร่างกายจะแข็งแรงขึ้น แต่ก็คงยังไม่เท่ากับโลหะแน่ ๆ หน้าของเขา หัวของเขา คงจะเละเทะเป็นลูกแตงโมตกลงพื้น มันคงเป็นภาพที่ไม่น่ามองเอาเสียเลย
กล่องโลหะนั้นลอยมาจากไหน? มันหลุดลงมาจากเครื่องจักรที่กำลังทำงานอยู่นั่นเอง คนงาน 3 คนกำลังใช้เครื่องจักรที่ปล่อยแรงแม่เหล็กยกกล่องเหล็กนั้นขึ้นไปด้านบน ด้วยน้ำหนักที่มากกว่า 300 กิโลกรัมของมัน พวกเขาต้องใช้เครื่องจักรถึง 3 เครื่องในการทำงานประสานกัน และมันก็เกิดความผิดพลาด ปล่อยให้กล่องโลหะนั้นล่วงลงมาสู่พื้น ในตอนนี้ มีแค่คนงานทั้ง 3 คนนี้เท่านั้น ที่กำลังเป็นพยานให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่
พวกเขาทั้ง 3 คนทำงานอยู่ในสถาบันแห่งนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เคยเจอกับสิ่งมหัศจรรย์ และแปลกประหลาดมามากมาย ทั้งเห็นด้วยตา และได้ยินเสียง พวกเขายังเคยได้เป็นพยานในการต่อสู้ของคนที่แข็งแกร่งมาไม่น้อย ทำให้คุ้นเคย และยอมรับกับเรื่องแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นได้ไม่ยากนัก มันเคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่พวกเขามีโอกาสได้เห็นการต่อสู้ระหว่างครูฝึก 2 คน ที่มีเรื่องทะเลาะกันอย่างหนักหน่วง และลงเอยที่การใช้กำลังเข้าตัดสิน
การต่อสู้ในครั้งนั้นกลายเป็นปรากฎการณ์ความวุ่นวายครั้งใหญ่ของสถาบันเลยทีเดียว ไม่มีใครสามารถเข้าไปในระยะ 100 เมตรของการต่อสู้ได้ ไม่อย่างนั้น จะเจอเข้ากับลูกหลงที่อันตรายเป็นอย่างมากแน่นอน อาจจะพบว่าตัวเองนั้นเสียชีวิตไปโดยที่ไม่รู้ตัวได้ หลังจากที่ได้เฝ้ามองเหตุการณ์ในครั้งนั้นจากที่ไกล ๆ มาแล้ว พวกเขาไม่ค่อยจะตื่นเต้นกับอะไรแปลก ๆ ที่ได้เห็นในสถาบันนี้อีก
แต่ท่าทางการวิ่งของเดวิด ทำให้พวกเขาอึ้งขึ้นมาได้! ดวงตาของพวกเขามีอาการประหลาดใจปรากฏขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด การที่คน ๆ หนึ่งวิ่งไปข้างหน้า แต่ตัวด้านบนโน้มขนานกับพื้นไปทางด้านหลัง แถมยังเป็นการวิ่งที่เร็วมากเสียด้วย เหมือนกับว่าส่วนบนกับส่วนล่างแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่มองดูกล่องโลหะลอยเฉียดหน้าเดวิดไปแล้ว พวกเขาก็ได้แต่มองหน้ากัน คิดอยู่ในใจเงียบ ๆ ‘เจ้าหมอนั่น ไปปลูกถ่ายยีนบ้า ๆ อะไรมากันแน่นะ?’
แต่ก็แค่นั้น พวกเขาทั้ง 3 คนก็แค่เพียงประหลาดใจเล็กน้อยเท่านั้น มันเป็นเพราะท่าทางในการวิ่งของเดวิดนั้นค่อนข้างจะแปลกประหลาด แต่ไม่ได้แสดงออกถึงพลังอันแข็งแกร่ง หรือประโยชน์ในด้านอื่นอีกเลย
และในที่สุด เดวิดก็สามารถกลับมานำร่างกายส่วนบนกลับมาตั้งตรงได้อีกครั้ง เขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองนั้นมีความยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก แม้ว่า เขาจะเคยรู้สึกแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ในคราวนี้ มันดูจะมีความแตกต่างจากครั้งก่อน ๆ ไม่น้อย.... และหลังจากนั้น เขาก็นึกขึ้นได้อีกครั้ง ว่าเขากำลังรีบอยู่เป็นอย่างมาก ทำให้รีบเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้งทันที...