ตอนที่ 372 ข่มขู่!
ตอนที่ 372 ข่มขู่!
3 สัปดาห์ต่อมา ณ ภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่
หลังจากที่ได้ฟังรายงานจากชาร์ลีแล้ว เซี่ยเฟยก็กล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แผนการย้ายสำนักงานใหญ่ราบรื่นดี การวิจัยและพัฒนาของบริษัทก็กำลังพัฒนาไปในแนวโน้มที่ดีด้วยเหมือนกัน แต่นายต้องจำเอาไว้ว่าอย่าปล่อยให้แฮร์ริสเข้าใกล้นครหลวงอย่างเด็ดขาด แม้แต่เมืองขนาดใหญ่ก็ไม่อนุญาตให้เข้าไปใกล้ ฉันยังบอกเหตุผลในตอนนี้ไม่ได้แต่ทำตามที่ฉันได้บอกเอาไว้ก็พอ”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะให้คุณแฮร์ริสอยู่ในศูนย์วิจัยบนโลกเหมือนเดิม แต่ให้ทำการติดต่อสื่อสารผ่านสตาร์เน็ตเวิร์ก ว่าแต่กล่องใบใหญ่ 2 กล่องที่คุณทิ้งไว้มันคืออะไรเหรอครับ?” ชาร์ลีกล่าว
“มันคือสิ่งรับประกันว่าบริษัทจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่มีปัญหา ด้านในเป็นแร่ที่มีค่าชื่อว่าหัวใจจักรวาลสีม่วง จำไว้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่บริษัทต้องการเงินทุนอย่างเร่งด่วนให้นำแร่ทั้งสองกล่องนี้ไปให้คุณตาฉินหมางกับคุณตาทูรามช่วยขาย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะไม่ปล่อยให้บริษัทดำเนินการผิดพลาดอย่างร้ายแรงถึงขนาดจะต้องใช้พวกมันอย่างเด็ดขาด ว่าแต่คุณมีความคิดเห็นยังไงที่ทางกรมทหารขอให้เราทำการจัดตั้งสาขาใกล้ ๆ กับภูมิภาคดาวเดครอน” ชาร์ลีกล่าว
“ดาวโลกตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนของพันธมิตรมากเกินไป มันจึงทำให้การคมนาคมไม่สะดวกอย่างที่ควรจะเป็น เพราะท้ายที่สุดมันจำเป็นจะต้องใช้เวลามากกว่า 2 เดือนในการเดินทางจากชายแดนด้านหนึ่งไปยังชายแดนอีกด้านหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าเวลาในการเดินทางนั้นคำนวณจากเวลาในการเดินทางของยานรบไม่ใช่เวลาในการเดินทางของยานบรรทุกสินค้า”
“ด้วยเหตุนี้เองทางกรมทหารจึงต้องการให้บริษัทไปจัดตั้งสาขาในภูมิภาคดาวเดครอนที่อยู่ห่างจากนครหลวงไปไม่ไกล เพื่อช่วยลดทั้งต้นทุนในการขนส่งและลดระยะเวลาในการขนส่งสินค้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ”
“อันที่จริงฉันพิจารณาที่จะตั้งสาขาใกล้ ๆ กับนครหลวงอยู่เหมือนกัน แต่ทางกรมทหารได้เสนอเรื่องนี้มาเร็วกว่าที่ฉันได้คิดเอาไว้ เพราะถึงยังไงเราก็คงจะไม่สามารถปักหลักอยู่ในดาวโลกได้ตลอดเวลา”
“เอาล่ะ ในเมื่อทางกรมทหารยินดีจัดหาที่ดินให้กับเรา ถ้าอย่างนั้นเราก็ใช้โอกาสนี้ออกไปตั้งสาขาใกล้ ๆ กับนครหลวงได้เลย แต่จำเอาไว้ว่าค่อย ๆ ทำทุกอย่างอย่างใจเย็น ไม่จำเป็นจะต้องรีบร้อนทำตามคำขอของพวกเขาทุกอย่าง” เซี่ยเฟยกล่าว
“ผมเข้าใจครับ ผมจะค่อย ๆ ให้ทีมก่อสร้างสร้างโครงสร้างพื้นฐานขึ้นมาให้เสร็จก่อน เมื่อโครงสร้างพื้นฐานเสร็จสมบูรณ์แล้วพวกเราค่อยสร้างโรงงาน แล้วค่อยขนกำลังคนไปเริ่มทำการผลิตทีหลัง” ชาร์ลีกล่าว
“ดีมาก เอาล่ะหลังจากนี้ฉันขอฝากบริษัทเราไว้ด้วยนะ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะพยายามทุ่มเทอย่างหนักเพื่อให้บริษัทพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วเหมือนเดิม” ชาร์ลีกล่าวหลังจากผงะกับคำพูดของเซี่ยเฟยไปชั่วขณะ
“ยานของฉันใกล้จะเข้าสู่รูหนอนแล้ว และการวาร์ปครั้งต่อไปน่าจะไปโผล่ในเขตดาววิลเดอร์เนสที่ไม่มีสัญญาณสตาร์เน็ตเวิร์ก หลังจากนี้เราค่อยใช้ระบบเรดาร์แบล็คแบทในการสื่อสารแทนก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าว
—
หลังจากปิดระบบสื่อสารเซี่ยเฟยก็ยังคงยืนอยู่ในห้องบัญชาการพร้อมกับเชื่อมการสื่อสารไปยังยานอวกาศทั้งหมดภายในกองยาน
เมื่อเซี่ยเฟยเชื่อมการสื่อสารคนนับหมื่นก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าจอพร้อม ๆ กัน โดยในตอนนี้ชายหนุ่มได้สวมใส่ชุดเครื่องแบบกัปตันเป็นครั้งแรก และรูปลักษณ์ของเขาก็ดูคล้ายกับนายพลที่พร้อมจะออกไปสู้รบ
“สวัสดีทุกคน ฉันชื่อเซี่ยเฟยเป็นกัปตันกองยานของบริษัทควอนตัม” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากส่งเสียงกระแอมออกมา 2-3 ครั้ง จากนั้นเขาก็เว้นระยะอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวต่อออกมาว่า
“อีกไม่กี่นาทีเราจะเดินทางออกจากเขตพันธมิตรเข้าสู่เขตดาววิลเดอร์เนส และในอีก 1 สัปดาห์ต่อจากนี้พวกเราจะเข้าสู่ดินแดนเซิร์กที่ลึกลับ ฉันต้องขอโทษทุกคนด้วยที่ฉันไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าดินแดนเซิร์กอยู่ตรงไหน เพราะพื้นที่บริเวณนั้นไม่เคยมีมนุษย์คนไหนเหยียบย่ำเข้าไปก่อน”
“ด้วยเหตุนี้เองกองยานของเราและกองยานจากพันธมิตรอีกสองกองยาน จะเป็นกลุ่มแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่จะได้ก้าวเท้าเข้าไปสู่ดินแดนของพวกแมลง”
“เรื่องนี้ถือว่าเป็นเกียรติยศสำหรับทุกคน แต่มันก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกัน ในฐานะที่ผมเป็นผู้บัญชาการของภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ สิ่งที่ผมอยากจะบอกกับทุกคนมีเพียงแค่ขอให้ทุกคนติดต่อไปยังครอบครัวตั้งแต่ตอนนี้ซะ เพราะทันทีที่เราเคลื่อนที่ผ่านรูหนอนครั้งนี้ไป มันก็ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เราจะมีโอกาสได้ติดต่อกลับมาหาครอบครัวอีกครั้ง”
“ผมขอจบการสื่อสารเอาไว้เพียงเท่านี้ ขอให้ทุกคนโชคดีในการเดินทาง”
คำพูดของเซี่ยเฟยไร้การปลุกใจที่น่าตื่นเต้น แต่มันก็เป็นการให้กำลังใจลูกเรือทุกคนที่อยู่ในกองยาน
‘ติดต่อไปยังครอบครัว’ เป็นคำสั่งที่เรียบง่ายและจริงใจอย่างแท้จริง แต่มันก็มีความรู้สึกเศร้าที่อธิบายไม่ได้หลบซ่อนเอาไว้ภายใต้ประโยคนี้ ซึ่งมันก็ทำให้ผู้ฟังแอบรู้สึกสะเทือนใจอยู่เล็กน้อย
เซี่ยเฟยเขียนข้อความขึ้นมาสั้น ๆ แต่เขาก็ยังลังเลที่จะส่งมันออกไป จนกระทั่งในวินาทีสุดท้ายก่อนที่เบโอเนทจะเคลื่อนที่เข้าสู่รูหนอน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจส่งข้อความออกไปหาผู้หญิงที่เขารัก
“ฉันไปแล้วนะแอวริล แต่ถ้าเป็นไปได้เธอก็อย่าอ่านเลย”
—
58 ชั่วโมงต่อมา
“เซี่ยเฟยตรงนี้มันอยู่ใกล้กับยานบัญชาการร้างมาก ฉันคิดว่ามันน่าจะต้องใช้การวาร์ปเพียงแค่สามครั้งไปยังตำแหน่งของยานลำนั้น” อันธกล่าวขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ฉันรู้แต่ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลา เพราะถึงแม้ว่าฉันจะสามารถเอาชนะค้างคาวเงาดาราได้สำเร็จและได้รับยานบัญชาการมา แต่พวกเซิร์กก็คงจะไม่อนุญาตให้ฉันนำยานลำนั้นเข้าไปในดินแดนของพวกเขาอยู่ดี พวกเราค่อยมาคุยเรื่องนี้ตอนขากลับกันดีกว่า” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ก็คงจะต้องเป็นแบบนั้นแหละ” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างเสียดาย
ทันใดนั้นระบบเรดาร์ก็แสดงให้เห็นถึงสัญญาณเข้ารหัสที่ติดต่อเข้ามา ซึ่งมันก็เป็นสัญญาณที่ติดต่อมาจากทางกรมทหาร
ภาพที่ปรากฏคือวิลเลียมที่มีสีหน้าอันจริงจัง แล้วมันก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี
“เมื่อไม่กี่นาทีก่อนฉันพึ่งได้ข่าวว่าจู่ ๆ กองยานขนาดใหญ่ของเซิร์กก็ปรากฏขึ้นบริเวณชายแดนอย่างกะทันหัน” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับใช้นิ้วนวดขมับทั้งสองข้างเบา ๆ เพราะว่าเขาไม่ได้พักผ่อนมาเป็นเวลานานเนื่องมาจากมีข้อมูลให้ต้องวิเคราะห์พิจารณามากเกินไป
“พวกเซิร์กส่งกองยานมาทั้งหมดกี่กองครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“ประมาณ 300 กอง”
“300 กอง!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกใจ
กองยานขนาดใหญ่แบบนี้ย่อมมียานบัญชาการอยู่ประมาณ 300 ลำ, ยานประจัญบานอยู่มากกว่า 10,000 ลำและยานรบขนาดรองลงมาอีกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
พวกเซิร์กจำเป็นจะต้องใช้กองยานขนาดใหญ่แบบนี้ในการต้อนรับแขกจากทางฝั่งพันธมิตรเลยเหรอ?
มันมีเจตนาร้ายอะไรแอบแฝงเอาไว้ในการปรากฏตัวของกองยานพวกนี้หรือเปล่า?
“ใจเย็น ๆ แต่ไหนแต่ไรทั้งเรากับพวกเซิร์กก็ไม่ค่อยไว้วางใจกันอยู่แล้ว มันจึงมีกองยานประจำการอยู่บริเวณชายแดนเป็นจำนวนมาก นายรู้ไหมว่าบริเวณใกล้ ๆ ชายแดนพันธมิตรมีกองยานรวมตัวกันอยู่เป็นจำนวนเท่าไหร่?” วิลเลียมกล่าวถามด้วยรอยยิ้มหลังจากที่เขาเริ่มเห็นความกังวลของเซี่ยเฟย
“ไม่รู้ครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ตอนนี้กองยานครึ่งหนึ่งของพันธมิตรประจำการอยู่ในภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ และเลย์ตันก็ลงไปเป็นผู้บัญชาการกองยานทั้งหมดเป็นการส่วนตัว” วิลเลียมกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันลึกลับ
กองยานครึ่งหนึ่งของพันธมิตร!!
จำนวนกองยานทั่วทั้งพันธมิตรยังคงเป็นความลับทางการทหาร แต่ทูรามเคยบอกกับชายหนุ่มว่าในพันธมิตรควรจะมีกองยานอยู่ไม่น้อยกว่า 1,000 กอง หรือมันก็อาจจะหมายความว่าบริเวณชายแดนมันได้มีกองยานของพันธมิตรประจำการอยู่มากกว่า 500 กอง!!
นี่คือกองยานเต็มระบบ 500 กองเชียวนะ!
เพียงแค่จำนวนของลูกเรือทั้งหมดในกองยานน่าจะมีจำนวนอยู่นับ 1,000 ล้านคน!! และพลังของมันก็สามารถทำลายภูมิภาคดาวทั้งภูมิภาคได้ในเวลาเพียงแค่ชั่วครู่เดียว!!!
“ที่แท้ก็เป็นเพราะเราไม่ได้ไว้ใจพวกเขา แล้วพวกเขาก็ไม่ได้ไว้ใจพวกเราด้วยเหมือนกันสินะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“คุณเข้าใจก็ดีแล้ว ฉันแค่กลัวว่าคุณจะตกใจหลังจากที่ได้เห็นกองยานของฝ่ายตรงข้าม ฉันจึงติดต่อมาแจ้งให้คุณทราบล่วงหน้าก่อน” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
เซี่ยเฟยพยายามนึกภาพภายในใจว่ากองยานของเซิร์กจะมีขนาดใหญ่แค่ไหน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยเห็นกองยานขนาดใหญ่แบบนี้มาก่อนในชีวิต เขาจึงไม่สามารถจินตนาการถึงกองยานที่กำลังรอต้อนรับเขาอยู่ได้เลย
ในเวลานั้นกองยานเล็ก ๆ ของพวกเขาก็คงจะเป็นเพียงแค่มดตัวเล็ก ๆ ที่ต้องเผชิญหน้ากับฝูงช้าง หรือบางทีมันก็อาจจะเป็นฝูงมดที่กำลังเผชิญหน้ากับดาวทั้งดวงก็ได้
“ไม่ต้องห่วงครับ ในเมื่อพวกเซิร์กต้อนรับพวกเราอย่างอบอุ่น ผมก็ฝากพวกคุณให้ต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่นด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“ไม่ต้องห่วง ในเมื่อพวกเซิร์กกล้าที่จะใช้กองยานขนาดใหญ่เพื่อข่มขู่พวกคุณ พวกเราก็จะใช้กองกำลังขนาดใหญ่กว่าเพื่อข่มขู่พวกมันด้วยเหมือนกัน คุณจำเอาไว้ได้เลยว่ากองยานครึ่งหนึ่งของพันธมิตรกำลังหนุนหลังคุณอยู่ในระยะทางเพียงแค่ไม่ไกล” วิลเลียมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผมเตรียมใจสำหรับการเดินทางในครั้งนี้เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่ราวกับว่าเขาไม่ได้เกรงกลัวกองยานพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย
“ว่าแต่คุณโอเคกับพันเอกซ่งเฉียนไหม?” วิลเลียมถาม
“พันเอกซ่งเฉียนเป็นคนที่เงียบขรึมมาก ผมเกรงว่าพวกเราอาจจะต้องใช้เวลาสักพักเพื่อปรับตัวเข้าหากันครับ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ในบรรดากองยานทั้งสามกองฉันมั่นใจในตัวคุณมากที่สุด เพราะคุณเป็นคนที่มีไหวพริบและซ่งเฉียนก็มีความนิ่งสงบมากพอ จุดแข็งของพวกคุณสามารถเติมเต็มจุดด้อยของกันและกัน ฉันหวังว่าพวกคุณจะสามารถเข้ากันได้ในเร็ว ๆ นี้” วิลเลียมกล่าว
—
70 ชั่วโมงต่อมา
ในที่สุดกองยานการค้าทั้งสามก็เข้าสู่ดินแดนเซิร์กอย่างเป็นทางการ
ภาพที่ปรากฏเป็นสิ่งที่วิลเลียมได้เคยกล่าวเอาไว้ เพราะเซี่ยเฟยได้พบกับกองยานขนาดใหญ่ที่กำลังรอต้อนรับเขาอยู่
ยานของเซิร์กมีรูปร่างคล้ายแมลงสีดำขนาดใหญ่ที่บินอยู่ในอวกาศ ขณะที่ลำกล้องปืนที่ยื่นออกมาจากตัวยานก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับหนวดอันเล็ก ๆ
แม้ว่าชายหนุ่มจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองยานขนาดใหญ่มันก็ทำให้เขาอดที่จะรู้สึกอึดอัดขึ้นมาภายในใจไม่ได้
ไม่ว่าเขาจะมองไปทางไหนเขาก็เห็นยานรบเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน และมันก็เป็นภาพที่สามารถข่มขู่จิตใจของผู้คนได้เป็นอย่างดี
“ดูยานบัญชาการของเซิร์กนั่นสิ!!” อันธกล่าวด้วยน้ำเสียงอันจริงจัง
เมื่อเซี่ยเฟยมองไปตามทางที่อันธกำลังชี้นิ้ว เขาก็ได้พบกับยานรบขนาดใหญ่ 2 ที่ถูกล้อมรอบเอาไว้ด้วยยานประจัญบานหลายร้อยลำ
“เดี๋ยวก่อนนะ! กองยานที่มียานบัญชาการเป็นยานแครีเออร์กับยานเดรดนอต มันเป็นการจัดกระบวนทัพสำหรับสภาวะสงครามไม่ใช่เหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างหนัก
***************