ตอนที่ 371 ปัญหาของระบบเรดาร์แบล็คแบท
ตอนที่ 371 ปัญหาของระบบเรดาร์แบล็คแบท
หลังจากแลกเปลี่ยนเป็นที่เรียบร้อย เซี่ยเฟยก็ได้รับวัตถุรูปร่างคล้ายลูกแก้วสีทอง 3 ลูกถูกบรรจุอยู่ในกล่องโลหะเป็นอย่างดี โดยลูกแก้วพวกนี้มีขนาดประมาณกำปั้นของผู้ใหญ่เท่านั้น แต่พลังของมันกลับแตกต่างจากรูปลักษณ์ภายนอกอย่างไม่อาจจะจินตนาการได้
“นี่น่ะเหรอดาวพิฆาต สุดยอดระเบิดทำลายล้างในตำนานที่สามารถทำลายดาวเคราะห์ได้ทั้งดวง ฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีขนาดเล็กเพียงแค่นี้” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“อย่าตัดสินทุกอย่างจากรูปลักษณ์ภายนอกสิ ขนาดไวรัสที่มีขนาดเล็กยังสามารถฆ่าคนตัวใหญ่ได้เลย แล้วทำไมดาวพิฆาตอันแค่นี้ถึงจะทำลายดาวเคราะห์ทั้งดาวไม่ได้ การมีดาวพิฆาตจะช่วยให้เราสามารถเดินทางไปยังดินแดนเซิร์กได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แต่น่าเสียดายที่ฉันสามารถหาพวกมันมาได้เพียงแค่ 3 ลูกเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าว
“แค่ 3 ลูก? นายคิดที่จะกำจัดเผ่าพันธุ์เซิร์กทั้งหมดเลยหรือยังไง? ยิ่งไปกว่านั้นถ้าใช้ดาวพิฆาตบ่อย ๆ มันยังมีโอกาสทำให้อวกาศยุบตัวและกลายเป็นหลุมดำ ฉันคิดว่านายควรเก็บพวกมันเอาไว้ดี ๆ แล้วเอาไว้ใช้แต่ในสถานการณ์ที่จำเป็นดีกว่า” อันธกล่าว
ขนอุยที่อยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนจะไม่รู้สึกเกรงกลัวพลังของดาวพิฆาตเลยแม้แต่น้อย มันจึงค่อย ๆ กระเถิบตัวเข้าไปใกล้ ๆ กล่องด้วยความอยากรู้อยากเห็น พร้อมกับน้ำลายที่เริ่มไหลออกมาจากบริเวณมุมปาก
“หยุดเลยไอ้ตัวตะกละ!”
เซี่ยเฟยคว้าร่างของขนอุยเอาไว้ก่อนที่จะรีบเก็บกล่องดาวพิฆาตเอาไปไว้ในแหวนมิติ เพราะท้ายที่สุดเขาก็พึ่งนึกได้ว่าขนอุยมีนิสัยชอบกินของนู่นนี่นั่นตามอำเภอใจ และบางทีมันก็อาจจะกล้ากินดาวพิฆาตเข้าไปก็ได้
“ฉันขอเตือนนะว่าถ้านายกินอะไรเข้าไปโดยที่ฉันไม่ได้อนุญาต ฉันจะค่อย ๆ ดึงขนบนตัวนายออกมาทีละเส้นและมันก็จะทำให้นายกลายเป็นไข่โล้นไร้ขน!”
ขนอุยยังคงมองไปยังชายหนุ่มด้วยแววตาประจบสอพลอโดยไม่เกรงกลัวคำขู่ของเซี่ยเฟยเลยแม้แต่น้อย และด้วยดวงตาใสแป๋วประกอบกับรูปลักษณ์ที่น่าเอ็นดู มันจึงสามารถทำให้ชายหนุ่มใจอ่อนลงได้อย่างรวดเร็ว
“เอาไอ้นี่ไปกินซะ!” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับโยนหัวใจจักรวาลสีม่วงก้อนเล็ก ๆ ไปให้กับขนอุย ซึ่งในพริบตาพลังงานในหัวใจจักรวาลก้อนนั้นก็ถูกดูดซับไปจนหมด
อย่างไรก็ตามขนอุยก็ยังดูเหมือนไม่พอใจที่มันได้รับอาหารเพียงแค่นี้ มันจึงกระเถิบเข้ามาออดอ้อนเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่น่าสงสารอีกครั้ง แต่ในคราวนี้ชายหนุ่มได้นำมันไปเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อตามเดิมโดยไม่คิดที่จะให้หัวใจจักรวาลเป็นก้อนที่ 2
เมื่อรู้ว่าเซี่ยเฟยคงจะไม่ให้อาหารมันอีกแล้วขนอุยก็เริ่มนอนหลับอีกครั้ง และถึงแม้ว่าฟ้าจะถล่มดินทลายมันก็คงจะไม่ตื่นขึ้นมาง่าย ๆ เว้นแต่ว่ามันจะมีอันตรายใกล้เข้ามาจริง ๆ
“ฉันว่าช่วงนี้ขนอุยมันกินมากขึ้นกว่าเดิมนะ ซึ่งมันก็หมายความว่ามันน่าจะผ่านช่วงวัยทารกไปแล้วและใกล้ที่จะเข้าสู่วัยเด็กที่กำลังพัฒนา” อันธกล่าวอย่างมีความสุข
“ไอ้ก้อนมันกินหัวใจจักรวาลของฉันไปตั้งหลายก้อนแล้ว แต่ร่างกายของมันกลับไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย ฉันไม่รู้ว่ามันจะต้องกินอีกมากเท่าไหร่มันถึงจะโต แต่ถ้ามันยังกินอยู่แบบนี้จริง ๆ อีกไม่นานฉันก็คงจะต้องล้มละลาย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“อย่าเว่อร์เกินไปหน่อยเลยน่า ตอนนี้นายมีหัวใจจักรวาลสีม่วงอยู่ตั้งกี่อัน และการที่มันยิ่งกินเข้าไปมากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับมันมากขึ้นเท่านั้น ฉันว่านายควรจะมีความสุขกับพัฒนาการของมันมากกว่า” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยรู้ดีว่าอันธชอบขนอุยมากแค่ไหนเขาจึงเลิกโต้เถียงกับวิญญาณตนนี้ และถึงแม้ว่าเขาจะพอคาดเดาศักยภาพของขนอุยได้แต่เขาก็ยังรู้สึกกังวลหลังจากที่ไม่เห็นมันเติบโตขึ้นเลย
ทันใดนั้นเองกระป๋องก็บินเข้ามาพร้อมกับแก้วนมถั่วเหลืองสด ๆ ที่อยู่ภายในมือ
“นายท่านกระป๋องซักเสื้อผ้าของคุณหมดแล้วและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่จนสะอาดเอี่ยมอ่อง ส่วนนี่คือนมธัญพืชที่นายท่านชื่นชอบ ไม่ทราบว่านายท่านต้องการจะให้กระป๋องทำอะไรอีกไหม?”
“ฉันบอกนายกี่ครั้งแล้วว่ามันชื่อนมถั่วเหลืองไม่ใช่นมธัญพืช” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับตบศีรษะกระป๋องเบา ๆ
“กระป๋องเข้าใจแล้ว ไม่ทราบว่านายท่านต้องการให้กระป๋องทำอะไรอีก? กระป๋องไม่ได้รับใช้นายท่านมานานหลายปี กระป๋องต้องการชดเชยเวลางานที่กระป๋องติดค้างมานาน” กระป๋องกล่าวอย่างกระวนกระวายใจ
นับตั้งแต่ที่เขาได้รับหุ่นยนต์อัจฉริยะตัวนี้มาชีวิตบนยานอวกาศของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยในปัจจุบันทั่วทั้งตัวยานไม่เหลือฝุ่นเกาะอยู่ตามพื้นเลยแม้แต่นิดเดียว ขณะที่เสื้อผ้า, ผ้าคลุมโซฟา, ผ้าปูที่นอน, ผ้าห่มหรือแม้กระทั่งผ้าม่านก็ถูกนำไปซักให้สะอาดทุก ๆ 12 ชั่วโมง
นอกจากนี้มันยังมีอาหารร้อน ๆ ในครัวอยู่เสมอ โดยไม่ว่าเซี่ยเฟยต้องการจะกินอาหารเวลาไหน เขาก็สามารถกินอาหารร้อน ๆ ได้ในทันที และเมื่อเขาได้ทานอาหารจนหมดกระป๋องก็จะรีบเก็บทุกอย่างไปล้างด้วยความรวดเร็ว ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่ห้องครัวถูกทำความสะอาดอย่างสะอาดเอี่ยมอ่องขนาดนี้
ชีวิตที่มีกระป๋องมาคอยให้บริการเป็นชีวิตที่สะดวกสบายมากจริง ๆ แต่เซี่ยเฟยก็ยังไม่ค่อยชินเพราะมันเปลี่ยนชีวิตบนยานอวกาศจากหน้ามือเป็นหลังมือ
กระป๋องเป็นเหมือนแม่บ้านที่ไม่ยอมให้มีสิ่งสกปรกอยู่บนยานเลยแม้แต่น้อย และไม่ว่าเซี่ยเฟยจะโยนอะไรลงไปบนพื้น แต่กระป๋องก็จะนำพวกมันกลับไปจัดวางเอาไว้อยู่ที่เดิมโดยไม่เคลื่อนจากตำแหน่งดั้งเดิมเลยแม้แต่มิลลิเมตรเดียว
“นายทำความสะอาดแวมไพร์แล้วหรือยัง?” เซี่ยเฟยถาม
“กระป๋องทำความสะอาดแวมไพร์ตั้งแต่ 3 ชั่วโมง 39 นาที 14 วินาทีที่แล้ว” กระป๋องกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“งั้นนายทำความสะอาดห้องครัวแล้วหรือยัง?”
“กระป๋องทำแล้ว”
“ห้องนั่งเล่นล่ะ?”
“กระป๋องทำแล้ว”
“ห้องบัญชาการล่ะ”
“กระป๋องทำแล้ว”
…
ความขยันของกระป๋องถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออก และถึงแม้ว่าเขาจะพยายามคิดอย่างบ้าคลั่งแต่เขาก็ไม่สามารถหางานให้กับกระป๋องได้จริง ๆ
อย่างไรก็ตามกระป๋องก็ยังคงรอคำสั่งจากเซี่ยเฟยอย่างตื่นเต้น ราวกับว่ามันต้องการทำงานทุกนาทีโดยไม่หยุดพัก
“นายท่านมีอะไรให้กระป๋องทำอีกไหม? กระป๋องอยากทำงานอีก”
“ถ้าอย่างนั้นนอนลงกับพื้นแล้ววาดวงกลมให้ฉันดู” เซี่ยเฟยกล่าวออกไปอย่างหงุดหงิด
“รับทราบ”
กระป๋องตอบรับด้วยแววตาที่เป็นประกาย ก่อนที่มันจะเริ่มวาดวงกลมบนพื้นอย่างระมัดระวัง
“นี่มันเป็นหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์จริง ๆ ใช่ไหม? ถ้ามันฉลาดเหมือนมนุษย์ทำไมมันถึงไม่รู้จักความขี้เกียจเลย” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับถอนหายใจ
“นายท่านกระป๋องต้องวาดวงกลมให้นายท่านกี่วง…”
—
หลังจากได้กระป๋องกับขนอุยมาชีวิตของเซี่ยเฟยก็มีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม แต่บางครั้งชายหนุ่มก็ยังรู้สึกหดหู่อยู่เหมือนกัน เพราะรอบ ๆ ตัวเขาไม่มีมนุษย์อยู่เลยแม้แต่คนเดียว
เบโอเนทมุ่งหน้ากลับมายังดาวโลกอีกครั้ง ซึ่งในคราวนี้เซี่ยเฟยไม่ได้ประกาศการกลับมาเอาไว้ล่วงหน้า มันจึงทำให้มีคนในบริษัทไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเขากำลังกลับมา
“พวกเขามาแล้วหรือยังครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“พวกเขามาแล้วฉันให้พวกเขารออยู่ที่สวนหลังบ้าน แต่ทำไมพวกเขาถึงดูเหมือน…” อันเดร์กล่าวขึ้นมาอย่างไม่มั่นใจ
“ไม่เป็นไรครับ พวกเขาเป็นแบบนี้เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่คุณต้องจำไว้ว่าไม่ว่าใครจะถามก็ต้องตอบว่าพวกเขาคือพนักงานของบริษัทควอนตัม แม้ว่าคนที่ถามคนนั้นจะเป็นชาร์ลีก็ตาม” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันเข้าใจว่าคุณกำลังเตรียมการเพื่อเดินทางไปยังดินแดนเซิร์ก อันที่จริงฉันก็ยังพอมีแรงอยู่บ้างให้ฉันเดินทางไปพร้อมกับคุณด้วยไหม?” อันเดร์กล่าว
“ขอบคุณมากครับแต่ไม่เป็นไร ถึงยังไงผมก็ยังอยากให้คุณอยู่ที่นี่เพื่อช่วยดูแลบริษัทควอนตัมอยู่ดี” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“แต่…”
“ไม่เป็นไรครับผมเดินทางไปตัวคนเดียวแบบนี้น่ะดีแล้ว แต่จำเอาไว้ว่าอย่าพึ่งบอกเรื่องนี้ให้ชาร์ลีกับพี่อู่หลงรู้เพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นคนอารมณ์ร้อน ดังนั้นพวกเขาอาจจะตัดสินใจอะไรที่วู่วามออกไปก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าว
บริเวณสวนหลังบ้านเป็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่อันเดร์ชอบใช้สำหรับการขี่ม้าในช่วงวันหยุด แต่ตอนนี้มันกลับถูกปิดล้อมเอาไว้ด้วยระบบรักษาความปลอดภัย เพราะเขาให้พวกนักฆ่าเดนตายจากสำนักเงาสังหารมารอเขาอยู่ในบริเวณนี้
ภายในโกดังที่ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นห้องฝึกฝนชั่วคราว กลุ่มนักฆ่าเดนตายทั้ง 36 คนต่างก็กำลังฝึกฝนวิชาการต่อสู้ของตัวเอง
เซี่ยเฟยเคาะประตูเรียกให้พวกเขามาเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ แต่ด้วยการที่กลุ่มนักฆ่าพวกนี้ได้ฝึกฝนลบตัวตนมาเป็นอย่างดี ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเขายืนอยู่ตรงหน้าแต่มันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าพวกเขาเป็นต้นไม้มากกว่ามนุษย์ตัวเป็น ๆ
“ฉันคือเซี่ยเฟยเป็นตัวแทนของสำนัก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหยิบตราสัญลักษณ์ประจำสำนักออกมาจากแหวนมิติ
ทันใดนั้นชายผู้มีรูปร่างกำยำก็เดินออกมาจากแถว ก่อนที่จะหยิบตราสัญลักษณ์ขึ้นมาพิจารณาอย่างระมัดระวัง
“ผม 6328 นี่คือจดหมายจากเจ้าสำนักเงากระเรียนครับ” ชายร่างกำยำกล่าวพร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับเซี่ยเฟย
“พวกนักฆ่าเดนตายมีแต่รหัสไม่มีชื่อ” อันธอธิบายให้เซี่ยเฟยฟังจากด้านข้าง
ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนที่จะเปิดจดหมายขึ้นมาดู
เนื้อหาในจดหมายคือข้อกำหนดในการอยู่ร่วมกับพวกนักฆ่าเดนตาย เช่น ให้ทำการออกคำสั่งเท่านั้นห้ามถามถึงความรู้สึกของพวกเขาเป็นต้น ซึ่งโดยสรุปก็คือเขาไม่ควรปฏิบัติกับนักฆ่าเดนตายในฐานะของมนุษย์ เพราะพวกเขาเป็นเพียงแค่เครื่องมือที่เอาไว้ใช้ในการสังหารที่สามารถไว้วางใจได้ 100%
ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าพวกนักฆ่าเดนตายจะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ห้ามให้ความช่วยเหลือพวกเขาอย่างเด็ดขาด เพราะนักฆ่าเดนตายถูกฝึกมาให้ช่วยเหลือตัวเอง ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องตายแต่พวกเขาก็ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดเพียงลำพัง
กฎที่ใช้ปฏิบัติต่อพวกนักฆ่าเดนตายทำให้เซี่ยเฟยอดที่จะรู้สึกหดหู่ขึ้นมาไม่ได้ แต่สิ่งที่เขากำลังต้องการอยู่ในตอนนี้คือนักรบที่ไร้ความปรานี ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้จริง ๆ ว่ากลุ่มนักฆ่าเดนตายคือกลุ่มคนที่เขากำลังต้องการอยู่ในปัจจุบัน
“นี่คือคำสั่ง หลังจากนี้พวกคุณคือมนุษย์จากดาวโลกและให้พวกคุณท่องจำข้อมูลที่พวกคุณได้รับเอาไว้ ไม่ว่าใครจะถามคำถามอะไรมาให้พวกคุณตอบแค่คำถามที่มีอยู่ในข้อมูล” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเย็นชาขณะมองไปยังนักฆ่าเดนตายทั้ง 36 คน
“อีกไม่นานพวกคุณจะได้ขึ้นยานไปพร้อมกับกลุ่มคนแปลกหน้า ดังนั้นพวกคุณจึงจำเป็นจะต้องจดจำสมาชิกทุกคนบนยานรบเอาไว้ให้ได้ โดยเฉพาะชายที่ชื่อซ่งเฉียนซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการกองทหารในการเดินทางครั้งนี้”
“ระหว่างการเดินทางฉันจะทำการออกคำสั่งผ่านกระดิ่งนรก และเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันสั่งให้ลงมือทุกคนต้องสังหารลูกเรือทั้งยานโดยเร็วที่สุด”
“อย่างไรก็ตามยกเว้นตัวฉันกับพวกคุณ ลูกเรือทั้งหมดต่างก็เป็นคนที่ถูกส่งมาจากกองทัพ ถ้าพวกคุณสังหารทหารของพันธมิตรมันจะไม่มีปัญหาอะไรกับพวกคุณใช่ไหม?”
ทันทีที่เซี่ยเฟยพูดประโยคนี้จบลงเขาก็ทำได้เพียงแต่หัวเราะให้กับตัวเอง เพราะท้ายที่สุดในสายตาของนักฆ่าเดนตายมีเพียงคนเป็นและคนตายเท่านั้น คำถามของเซี่ยเฟยจึงไม่ต่างไปจากคำถามที่ไร้สาระโดยสิ้นเชิง
นักฆ่าเดนตายทั้ง 36 คนต่างก็เหมือนซากศพที่เดินได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการคำอธิบายเพราะสิ่งเดียวที่พวกเขาจะทำตามคือคำสั่งจากผู้มีอำนาจ
หลังจากที่เซี่ยเฟยเดินออกมาเขาก็ได้รับการติดต่อมาจากพอตเตอร์
“นายอยู่ไหน?” พอตเตอร์กล่าวถาม
“ผมเพิ่งกลับมาถึงโลกเมื่อ 15 นาทีที่แล้วครับ” เซี่ยเฟยตอบ
“ถ้าอย่างนั้นรีบมาโรงงานเดี๋ยวนี้! มันมีปัญหากับระบบเรดาร์แบล็คแบท” พอตเตอร์กล่าวอย่างเร่งรีบ ก่อนที่จะตัดการติดต่อไปโดยไม่สนใจคำตอบของเซี่ยเฟย
***************
อยากมีกระป๋องเหมือนพี่เฟยบ้าง คงสบายน่าดู มีใครคิดเหมือนกันไหม?