ตอนที่ 370 ดาวพิฆาต
ตอนที่ 370 ดาวพิฆาต
ในที่สุดระบบเรดาร์แบล็คแบทก็ถูกพัฒนาขึ้นมาจนเสร็จสมบูรณ์ เซี่ยเฟยจึงบอกให้พอตเตอร์ทดลองทำการผลิตระบบเรดาร์ขึ้นมาจากบนโลก
เบโอเนทยังคงมุ่งหน้าตรงไปยังจุดหมายต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เนื่องมาจากก่อนเดินทางไปยังดินแดนเซิร์กเซี่ยเฟยยังมีเรื่องต้องจัดการอีกอย่างมากมาย และทุกอย่างก็เป็นเหมือนกับการแข่งขันกับเวลา แต่เขาก็จำเป็นจะต้องแก้ไขปัญหาไปทีละอย่างอยู่ดี
—
ณ ดาวท็อปสัน
ดาวดวงนี้คือดาวเคราะห์ส่วนตัวซึ่งมีวิวทิวทัศน์อันงดงาม และมันก็เป็นที่อยู่อาศัยของบิ๊กช็อตผู้ซึ่งเป็นบุคคลลึกลับที่สามารถรับซื้อหัวใจจักรวาลและวัตถุโบราณในมือของเซี่ยเฟยได้ โดยที่เขาไม่จำเป็นจะต้องเปิดเผยตัวตน
“คุณคือคุณเซี่ยเฟยใช่ไหมคะ?” พนักงานสาวคนหนึ่งเข้ามากล่าวถามหลังจากที่เซี่ยเฟยเดินลงมาจากเบโอเนท
“ใช่ครับ ผมเซี่ยเฟย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“สวัสดีค่ะฉันชื่อแซนดี้เป็นเลขาของคุณท็อปสัน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ดาวท็อปสันนะคะ”
“ดาวเคราะห์ดวงนี้มีชื่อเดียวกันกับคุณท็อปสันเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“แต่เดิมดาวดวงนี้ก็มีชื่อว่าท็อปสันอยู่แล้วค่ะ แต่ทางด้านคุณท็อปสันไม่อยากจะเปิดเผยตัวตน ดังนั้นหลังจากที่เขาซื้อดาวดวงนี้เขาจึงเปลี่ยนชื่อตัวเองมาให้คนอื่นเรียกว่าท็อปสันค่ะ” แซนดี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เนื่องมาจากบุคคลลึกลับคนนี้ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวตน ชายหนุ่มจึงไม่คิดที่จะถามเซ้าซี้อีกต่อไป
“คุณท็อปสันชอบสิ่งของจากอารยธรรมโบราณมากค่ะ โดยเฉพาะพวกหุ่นยนต์ ฉันคิดว่าการเดินทางในครั้งนี้ของคุณคงจะไม่ผิดหวัง” แซนดี้กล่าวในระหว่างที่พวกเขากำลังนั่งรถไปบนท้องถนน
“ผมว่าคุณท็อปสันไม่ได้แค่ชอบสิ่งของจากอารยธรรมโบราณนะครับ ถ้าจะพูดให้ถูกควรจะเรียกว่าเขาคลั่งสิ่งของจากอารยธรรมโบราณมากกว่า” เซี่ยเฟยกล่าว
“คุณเซี่ยเฟยรู้ได้ยังไงคะ?” แซนดี้ถามด้วยความสงสัย
“ผมสังเกตตั้งแต่ตอนที่อยู่สนามบินว่า อุปกรณ์ที่ใช้ในสนามบินเกือบทั้งหมดเป็นอุปกรณ์ที่ถูกรื้อถอนมาจากซากปรักหักพังโบราณแล้วมาทำการติดตั้งเอาไว้บนดาวดวงนี้” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนที่จะชี้นิ้วไปทางป่าด้านซ้าย จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า
“ตอนแรกผมคิดว่ามันมีสัตว์อยู่ในป่า แต่หลังจากที่ผมลองสังเกตดี ๆ ผมก็ได้พบว่าแท้ที่จริงแล้วพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตเครื่องจักรกล ถ้าให้ผมเดาสัตว์พวกนี้น่าจะเป็นหุ่นยนต์สัตว์ตั้งแต่ยุคโบราณที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นของเล่นให้กับพวกเด็ก ๆ แม้แต่รถคันนี้ที่คุณกำลังขับก็น่าจะถูกประกอบขึ้นมาจากวัตถุโบราณด้วยเหมือนกัน”
“หลังจากที่พวกเราเดินทางไปเรื่อย ๆ ผมก็น่าจะสังเกตเห็นอะไรที่น่าสนใจมากกว่านี้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจ เพราะตราบใดที่คุณท็อปสันให้ราคาที่ผมพอใจแค่นั้นก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างสบาย ๆ
แซนดี้แอบชื่นชมความเจ้าสังเกตของเซี่ยเฟยภายในใจ และถึงแม้ว่าชายหนุ่มคนนี้จะทำท่าทางเหมือนนอนพักอย่างสบาย ๆ แต่ดวงตาของเขากลับสังเกตสภาพแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา
“คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว” จู่ ๆ ก็มีภาพของชายชราหัวโล้นปรากฏขึ้นในหน้าจอบนรถที่พวกเขากำลังนั่ง และถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะไม่เคยเจอชายชราคนนี้มาก่อน แต่มันก็สามารถคาดเดาได้อย่างง่ายดายว่าชายคนนี้คือท็อปสันผู้ลึกลับ
“สวัสดีครับคุณท็อปสัน” เซี่ยเฟยกล่าวทักทายอย่างสุภาพ
“ขอโทษด้วยที่ฉันแอบฟังบทสนทนาระหว่างคุณกับแซนดี้ แต่มันเป็นเพราะว่าคุณคือลูกศิษย์ที่ฉินหมางชื่นชมมากที่สุด มันจึงทำให้ฉันรู้สึกสนใจในตัวของคุณมากพอสมควร” ท็อปสันกล่าวพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
คำอธิบายนี้ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเขาก็แอบสงสัยว่าทำไมทุกคนที่รู้จักฉินหมางถึงคิดว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของคุณตากันหมดเลย?
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่คิดที่จะแก้ไขความเข้าใจผิดอะไร เพราะถึงแม้คนอื่นจะเข้าใจว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของฉินหมาง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ของเขาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก
10 นาทีต่อมารถที่เซี่ยเฟยโดยสารก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าคฤหาสน์หลังเก่าที่ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายความโบราณ
เซี่ยเฟยได้พบว่าที่พักของท็อปสันไม่มีแม้แต่คนรับใช้หรือผู้คุ้มกัน ซึ่งตั้งแต่ที่เขาเดินทางมาถึงดาวดวงนี้มนุษย์ตัวเป็น ๆ เพียงคนเดียวที่เขาได้เห็นก็มีเพียงแค่แซนดี้ที่เดินทางไปรับเขาที่สนามบินเท่านั้น
ทันใดนั้นเองชายหนุ่มก็สังเกตเห็นคนตัวเล็ก ๆ ปรากฏตัวขึ้นตรงบริเวณมุมห้อง ก่อนที่คนคนนั้นจะรีบหลบไปอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากที่เขาทำการวิเคราะห์ภาพที่พึ่งปรากฏในสายตา เขาก็คิดว่าคนตัวเล็กที่เขาเพิ่งเห็นเมื่อสักครู่น่าจะเป็นหุ่นยนต์ขนาดเล็กมากกว่า
หลังจากเดินเข้าไปด้านในคฤหาสน์ ชายหนุ่มก็ได้พบกับท็อปสันที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบ โดยด้านหน้าเป็นวิวทิวทัศน์ของท้องทะเลอันกว้างใหญ่ที่มีลมพัดผ่านเข้ามาจนให้ความรู้สึกที่สดชื่น
แซนดี้จัดแจงให้เซี่ยเฟยนั่งห่างจากท็อปสันไม่ไกลมากนัก จากนั้นหุ่นยนต์บริการตัวเล็กก็นำถ้วยน้ำชามาเสิร์ฟ ซึ่งหุ่นยนต์ตัวนี้เป็นหุ่นยนต์อัจฉริยะที่มีระดับต่ำกว่ากระป๋องที่เขาได้พบในซากปรักหักพังใต้ทะเลลึก
“ฉันได้ยินมาจากฉินหมางว่าคุณชอบดื่มชาใช่ไหม?” ท็อปสันกล่าวถาม
“ผมค่อนข้างจะเคยชินกับประเพณีในบ้านเกิดของผมน่ะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
หลังจากสนทนากันไปสักพักเซี่ยเฟยก็เริ่มถามขึ้นมาว่า
“ที่นี่มีวัตถุโบราณมากมาย แต่ผมไม่เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเลยแม้แต่คนเดียว คุณไม่กลัวว่ามันจะมีโจรบุกเข้ามาปล้นชิงพวกมันไปเหรอครับ?”
“หนุ่มน้อยมันไม่ใช่ว่าใครอยากจะเข้ามาที่นี่ก็เข้ามาได้นะ” ท็อปสันกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะปรบมือ 2 ครั้ง
ทันใดนั้นหุ่นยนต์นับสิบตัวก็ปรากฏตัวขึ้นจากท้องทะเลอย่างกะทันหัน และพวกมันก็ติดตั้งอาวุธเอาไว้อย่างครบครันจนทำให้นักสู้ธรรมดาไม่สามารถที่จะรับมือกับพวกมันได้อย่างแน่นอน
ท็อปสันปรบมืออีกสองครั้งเพื่อให้หุ่นยนต์ต่อสู้พวกนี้กลับไปซ่อนตัวในท้องทะเล ซึ่งถ้าหากว่าใครไม่สังเกตดี ๆ พวกเขาก็จะคิดว่าหุ่นยนต์พวกนี้เป็นเพียงแค่แนวปะการังสีดำสนิทที่อยู่ตรงบริเวณชายฝั่ง
“หุ่นยนต์รบโบราณกึ่งอัจฉริยะสินะครับ ดูเหมือนว่าผมจะกังวลเรื่องความปลอดภัยของที่นี่มากเกินไป” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฉันมีความฝันว่าฉันอยากจะเกิดในช่วงอารยธรรมโบราณ และอยากจะเป็นสักขีพยานในระหว่างที่หุ่นยนต์ก่อกบฏกับมนุษย์ เพราะไม่ว่าพันธมิตรจะมีหลักฐานมากแค่ไหนแต่ฉันก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าหุ่นยนต์จะหักหลังมนุษย์ได้จริง ๆ คุณรู้ไหมว่าพวกมันมีความภักดีมากแค่ไหน? เมื่อเทียบกันแล้วพวกหุ่นยนต์มีค่าสำหรับฉันมากกว่าพวกมนุษย์ที่เป็นปลิ้นปล้อนพวกนั้นเสียอีก” ท็อปสันกล่าว
เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่เก็บความคิดเห็นของตัวเองเอาไว้ภายในใจ เพราะมันเห็นได้ชัดเลยว่าชายชราคนนี้เป็นพวกคลั่งไคล้อารยธรรมโบราณมากแค่ไหน ถึงขนาดชื่นชมว่าหุ่นยนต์มีค่ามากกว่ามนุษย์
ชายหนุ่มรู้ดีว่าการโต้เถียงกับคนที่มีอุดมการณ์แตกต่างกันเป็นเพียงแค่เรื่องที่ไร้ประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับชายชราคนนี้อีกต่อไป แต่เลือกที่จะกลับมาพูดคุยเรื่องการซื้อขายระหว่างพวกเขาแทน
ต่อมาชายหนุ่มก็ทำการเปิดหน้าจอไมโครคอมพิวเตอร์พร้อมกับฉายวิดีโอสินค้าที่เขาต้องการจะขายพวกมันให้กับท็อปสัน
“สิ่งที่ผมมีคือหุ่นยนต์ทำความสะอาด 30 ตัว, หุ่นยนต์บริการกึ่งอัจฉริยะ 10 ตัว, ระบบสื่อสารเอนกประสงค์ 170 เครื่อง, เครื่องทำไอติมอัตโนมัติ 1 เครื่อง, เครื่องผลิตอาหารอัตโนมัติ 1 เครื่อง…” เซี่ยเฟยกล่าวร่ายยาวถึงวัตถุโบราณที่อยู่ในวิดีโอ
ของทั้งหมดนี้เป็นเพียงวัตถุโบราณบางส่วนที่เขาได้นำติดตัวมาด้วยเท่านั้น แต่พวกหุ่นยนต์ขุดแร่และหุ่นยนต์ตรวจจับแร่มีความสำคัญมากเกินกว่าที่เขาจะนำพวกมันมาขาย
ท้ายที่สุดแผนการพัฒนาในภูมิภาคดาวเหวทมิฬก็จำเป็นจะต้องใช้หุ่นยนต์พวกนี้ แต่สำหรับหุ่นยนต์และเครื่องจักรโบราณที่คอยอำนวยความสะดวกในสำนักงานมันไม่ค่อยมีประโยชน์สำหรับเขา
“สินค้าคุณภาพดีมากและรูปลักษณ์ของพวกมันก็ค่อนข้างจะดูดีด้วย นี่คุณไปหาพวกมันมาจากไหนถึงได้มีพวกมันอยู่ในครอบครองเยอะขนาดนี้?” ท็อปสันกล่าวด้วยดวงตาอันเป็นประกาย
“คุณจะละเมิดข้อตกลงงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“โอเค ขอโทษด้วย ฉันจะไม่ถามละลาบละล้วงอีกแล้ว เชิญคุณตั้งราคาของพวกนั้นมาได้เลย ฉันยินดีจะรับซื้อพวกมันเอาไว้ทั้งหมด” ท็อปสันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผู้อาวุโสช่างเป็นคนที่ใจกว้างจริง ๆ แต่ผมขอรบกวนผู้อาวุโสดูของพวกนี้ก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกันเรื่องเงิน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะเปิดวิดีโออีกชุดที่แสดงให้เห็นหัวใจจักรวาลสีม่วงเป็นจำนวนมากที่ถูกบรรจุอยู่ภายในกล่อง
“หัวใจจักรวาลสีม่วง! เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?!” ท็อปสันอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“มนุษย์โบราณเคยใช้หัวใจจักรวาลสีม่วงเป็นแกนพลังงานสำหรับผลิตภัณฑ์ในอารยธรรมโบราณ ดังนั้นผู้อาวุโสก็ควรจะต้องใช้หัวใจจักรวาลเป็นจำนวนมากเลยใช่ไหมล่ะครับ? บังเอิญผมมีหัวใจจักรวาลสีม่วงอยู่ชุดหนึ่ง ผมเลยคิดที่จะนำพวกมันมาขายให้คุณเอาไว้ใช้” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายคิดถูกแล้ว ฉันกำลังต้องการหัวใจจักรวาลสีม่วงเป็นจำนวนมากอยู่จริง ๆ ฉันขอเหมาหัวใจจักรวาลพวกนั้นหมดเลย ฉันให้ราคาที่ 15 ล้านล้านสตาร์คอยน์โอเคไหม?” ชายชรากล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
ราคาข้อเสนอของชายชราทำให้เซี่ยเฟยผงะไปเล็กน้อย เพราะมันเป็นราคาที่สูงกว่าที่เขาได้คาดการณ์เอาไว้มาก
ชายหนุ่มได้พิจารณาเลือกกล่องหัวใจจักรวาลสีม่วงที่เล็กที่สุดและมีคุณภาพต่ำที่สุดในบรรดากล่องหัวใจจักรวาลสีม่วงที่มีอยู่ทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะขายพวกมันในราคาประมาณ 10 ล้านล้านสตาร์คอยน์เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ราคาที่ชายชราเสนอมาจึงเกินกว่าที่เขาได้คาดการณ์เอาไว้ถึง 50%
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังคิดพิจารณาอยู่นั้น ชายชราก็ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“พ่อหนุ่ม ปกติมันไม่มีใครเคยปฏิเสธข้อเสนอของฉันหรอกนะ เพราะฉันไม่เคยให้ราคาใครต่ำกว่าความเป็นจริง แต่คุณเป็นคนแรกเลยนะที่พิจารณาข้อเสนอของฉันนานขนาดนี้”
“ผมยอมรับว่าราคาที่ผู้อาวุโสให้มาสูงกว่าที่ผมได้คิดเอาไว้จริง ๆ ครับ แต่บางครั้งเงินมันก็ไม่ใช่ทุกสิ่งหรอกนะครับ”
“โอเคฉันเข้าใจแล้ว คุณไม่ต้องการแลกเปลี่ยนพวกมันกับเงินสินะ บอกมาได้เลยว่าคุณต้องการแลกเปลี่ยนพวกมันกับอะไร?” ท็อปสันกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
“ผมได้ยินมาว่าผู้อาวุโสมีดาวพิฆาตอยู่ 3 ลูกใช่ไหมครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชูนิ้วขึ้นมา 3 นิ้ว
“ฉินหมางบอกนายเหรอ?” ท็อปสันกล่าวถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
เซี่ยเฟยพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรแล้วก็นั่งรอคอยคำตอบจากชายชรา
“คุณรู้ใช่ไหมว่าพวกมันมีไว้ทำอะไร?”
เซี่ยเฟยยังคงพยักหน้าเป็นคำตอบแต่ยังไม่พูดอะไรออกมาเช่นเดิม
ท็อปสันเดินไปมาบนริมชายหาดอย่างกระวนกระวายใจ เพราะการตัดสินใจแลกเปลี่ยนระหว่างดาวพิฆาตกับหัวใจจักรวาลสีม่วงเป็นสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจได้อย่างยากลำบากจริง ๆ
“เอาล่ะฉันจะยอมแลกดาวพิฆาต 3 ลูกกับหัวใจจักรวาลสีม่วงพวกนั้นก็ได้ แต่อย่าลืมว่าคุณจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบผลที่ตามมาของการใช้ดาวพิฆาตด้วยตัวคุณเอง” ท็อปสันกล่าวกับเซี่ยเฟยด้วยท่าทางที่เฉยชา
***************