MDB ตอนที่ 318 วิวัฒนาการถ้วนหน้า
“มอออ!”
หลังจากคำรามเสร็จ กล้ามเนื้อของกระทิงก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมันมีขนาดใหญ่ขึ้นหนึ่งเท่าตัว
ผู้คุ้มกันที่มีประสบการณ์สองสามคนอุทานทันที
“นี่… นี่เป็นกระบวนการวิวัฒนาการ มีแค่สัตว์วิเศษระดับสองเท่านั้นที่สามารถใช้พลังธาตุได้ เยี่ยมไปเลย จากนี้ไปเราจะไถนาเพียงไม่กี่รอบก็ได้ทั่วทั้งไร่แล้ว!”
“มันวิวัฒนาการจริง ๆ เหรอ?”
“แน่นอน ข้ามั่นใจ!”
ผู้คุ้มกันดูตื่นเต้น ในขณะที่เจ้าของวัวรู้สึกหัวใจเต้นแรง เขาไม่อยากจะเชื่อเลย เพราะเขาไม่ได้คาดคิดมาก่อน
แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขาจริง ๆ
ความเชื่อของเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ จากการกระทำของหลินจิน
หลังจากความตกใจสุดขีด มันก็แปรเปลี่ยนเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง
วิวัฒนาการของสัตว์เลี้ยงมีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคนี้ มันไม่ได้มีประโยชน์ในเรื่องของความแข็งแกร่งของสัตว์เลี้ยงเท่านั้น เนื่องด้วยพันธสัญญาโลหิตที่ทำระหว่างพวกเขา มันทำให้ร่างกายของเจ้าของแข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย
บางคนบอกว่าการมีสัตว์เลี้ยงที่วิวัฒนาการ มันจะช่วยยืดอายุเจ้าของได้ถึงสิบปี
มันไม่ใช่เรื่องโกหกหรือไร้สาระ มันเป็นความจริง แถมยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายด้วย
ซึ่งมันรวมถึงพละกำลังที่เพิ่มขึ้น ผู้คุ้มกันที่เป็นเจ้าของกระทิงได้กำกำปั้นของเขา เขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มมากกว่าแต่ก่อนมาก
ตอนนี้กระทิงของเขาได้เลื่อนขั้นเป็นระดับสองแล้ว เขาไม่ต้องทำงานเป็นผู้คุ้มกันกองคาราวานที่ต้องเดินทางไปโน่นไปนี่อีกต่อไป การทำงานหามรุ่งหามค่ำเช่นนี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อตัวเขา
เมื่อเขากลับไปพร้อมกับกระทิงระดับสองที่สามารถควบคุมธาตุดินได้ เส้นทางการทำงานต่าง ๆ ก็จะเปิดกว้างถึงขีดสุด
เมื่อลูกชายของเขาแต่งงานในอนาคต เขาก็จะมีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าจัดงาน
เขาจะไม่พอใจได้อย่างไร
กระทิงนี้เป็นเพียงตัวแรกที่วิวัฒนาการ
หลังจากนั้นไม่นาน สัตว์วิเศษอีกตัวก็วิวัฒนาการ มันเป็นวูล์ฟด็อกที่เป็นลูกผสมระหว่างสุนัขกับหมาป่า
แม้ว่าสัตว์วิเศษตัวนี้จะมีพละกำลังทั่วไป แต่ความดุร้ายและความภักดีนั้นยอดเยี่ยมมาก ผู้คนจำนวนมากจึงเลือกที่จะทำพันธสัญญาโลหิตกับมัน วูล์ฟด็อกมีชื่อเสียงเรื่องความเฉลียวฉลาด พวกมันเข้าใจคำสั่งของเจ้าของ ดังนั้นพวกมันจึงทำหน้าที่ป้องกันได้ดี
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสายเลือดที่ไม่ดีของพวกมัน การวิวัฒนาการเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกมัน แม้ว่าสายเลือดของพวกมันจะไม่ได้ย่ำแย่เท่ากับกระทิง แต่วิวัฒนาการของวูล์ฟด็อกก็แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การวิวัฒนาการของวูล์ฟด็อกนั้นหายากมาก โอกาสวิวัฒนาการของมันคงมีแต่หนึ่งในแสนเท่านั้น
แต่วันนี้ วูล์ฟด็อกตัวนี้กลับวิวัฒนาการสำเร็จ
“วูววว!”
วูล์ฟด็อกตัวนี้หอนขึ้นไปบนท้องฟ้า ตอนนี้มันตัวใหญ่ขึ้นหนึ่งเท่าตัว เขี้ยวและกรงเล็บของมันก็คมกริบ ขนใหม่ขึ้นในบริเวณที่ในตอนแรกหลุดร่วงไป ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตนี้เพิ่งเกิดใหม่
‘วูล์ฟด็อก คุณสมบัติธาตุทอง ตอนนี้มันกลายเป็นสัตว์หายากไปแล้ว!’
หลินจินคิดในใจในขณะที่เขามองไปที่ฟันที่เหมือนเหล็กของวูล์ฟด็อก
วูล์ฟด็อกดังกล่าวมีพลังกัดที่น่าทึ่งหลังจากวิวัฒนาการ พวกมันสามารถฉีกต้นไม้ได้ด้วยการกัดหลายครั้ง และอาวุธโลหะบางอย่างอาจด้อยกว่าเมื่อเทียบกับฟันเหล่านั้น
หลินจินทำงานต่อไปโดยใช้เทคนิคการค้นหาชีพจร ควบคู่กับกายาแห่งธรรมของเสี่ยวฮั่ว เพื่อช่วยให้สัตว์เลี้ยงเหล่านี้วิวัฒนาการ
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะดูเหมือนปาฏิหาริย์สำหรับคนอื่น ๆ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายตื้น ๆ ที่ใช้ในงานปาร์ตี้เล็ก ๆ สำหรับหลินจิน
ตัวต่อไปที่จะวิวัฒนาการก็เป็นวูลฟ์ด็อกเช่นกัน แต่มีคุณสมบัติที่ต่างออกไป วูล์ฟด็อกตัวนี้มีคุณสมบัติธาตุลม
หลังจากวิวัฒนาการ ลมแรงหมุนวนส่งเสียงหวีดหวิว จากนั้น มันก็เคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ต่อจากนั้น สัตว์เลี้ยงของผู้คุ้มกันก็วิวัฒนาการไปทีละตัว สำหรับผู้คุ้มกันเหล่านี้ ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีของวันนี้ พวกเขาได้เห็นสัตว์วิเศษที่มีวิวัฒนาการมากกว่าในช่วงชีวิตของพวกเขา
ในอดีต เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเห็นสัตว์เลี้ยงของใครบางคนมีวิวัฒนาการ พวกเขาเหล่านี้ก็เหล่าแต่อิจฉาพวกเขาเหล่านั้น
นอกเสียจากว่าพวกเขาจะพบเจอโอกาสสุดอัศจรรย์ถึงจะทำให้สัตว์เลี้ยงของพวกเขาวิวัฒนาการได้
ด้วยภูมิหลังทางสังคม และฐานะทางการเงินเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการวิวัฒนาการสัตว์เลี้ยง และพวกเขาต่างไม่มีสิ่งเหล่านั้น
ผู้ที่ร่ำรวยมากพอ พวกเขาจะจ้างผู้ประเมินที่มีชื่อเสียงมาพัฒนาความแข็งแกร่งของสัตว์วิเศษอย่างช้า ๆ สะสมไปทีละน้อยจนนำไปสู่วิวัฒนาการในที่สุด
ในขณะเดียวกัน คนทั่วไปส่วนใหญ่ทำได้เพียงเฝ้าดูด้วยความอิจฉา เฝ้าฝันอย่างลม ๆ แล้ง ๆ ถึงวันที่พวกเขาจะได้เห็นสัตว์เลี้ยงของพวกเขามีวิวัฒนาการเช่นกัน
ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้ความฝันของพวกเขากลายเป็นความจริง นอกจากนี้ พวกเขายังค้นพบสิ่งที่ไม่น่าเชื่ออีกด้วย
พวกเขาพบว่าแม้แต่ม้าแก่ก็สามารถวิวัฒนาการได้
ไอน้ำพวยพุ่งออกมาอย่างน่าตื่นตาจากตัวม้า ขณะที่มันร้องและควบฝีเท้าไปตามที่ต่าง ๆ ม้าแก่ดูอ่อนกว่าวัยถึงสิบปี ด้วยพละกำลังและความกระฉับกระเฉงของมัน ราวกับว่ามันได้กลับไปเป็นม้าหนุ่มอีกครั้ง
ปาฏิหาริย์ยังคงดำเนินต่อไป
ผู้คุ้มกันหลายคนกำลังสั่นด้วยความตื่นเต้น จากความไม่เชื่อ ความเฉยเมย และความสงสัยในตอนแรก พวกเขากลายเป็นตื่นเต้น และดีใจอย่างมากในเวลาเพียงชั่วครู่
ความแตกต่างนั้นเหมือนกับสวรรค์และโลก
สัตว์วิเศษแปดในเก้าตัววิวัฒนาการสำเร็จแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงสิงโตภูเขาหางกุดระดับสองของผู้คุมจางเท่านั้น
จากระดับหนึ่งถึงระดับสอง ความสำเร็จดังกล่าวไม่ใช่ความท้าทายอีกต่อไปสำหรับทักษะในปัจจุบันของหลินจิน แม้เขาจะเป็นผู้ประเมินระดับสามก็ตาม แต่ถ้าให้เขาลองประเมินตัวเองจริง ๆ เขามั่นใจได้ว่าทักษะของเขาอยู่ในระดับสี่แล้ว
ผู้ประเมินระดับสี่แทบไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ ในในการเลื่อนระดับสัตว์วิเศษระดับหนึ่งทั่วไปให้กลายเป็นระดับสอง
อย่างไรก็ตาม ผู้ประเมินระดับสี่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเจอในพื้นที่นี้ เนื่องจากพวกเขาอยู่ในประเทศขนาดใหญ่ขึ้นไปเท่านั้น ประเทศขนาดกลางเช่นอาณาจักรมังกรหยกมีเพียงผู้ประเมินระดับสามเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้แต่ผู้ประเมินระดับสี่ก็ไม่สามารถช่วยให้สัตว์วิเศษระดับสองที่สิ้นหวังและหมดหนทาง พัฒนาไปสู่ระดับสามได้ทันที
มันไม่ง่ายเลย
พวกเขาอาจต้องเลี้ยงดู ปรับปรุง จนศักยภาพของมันจะปรากฏเมื่อเวลาผ่านไป
อย่างไรก็ตาม หลินจินไม่ต้องการสิ่งนั้น
พิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษสามารถระบุพื้นที่การเจริญเติบโตของสัตว์วิเศษได้อย่างแม่นยำ และให้วิธีการปรับปรุงแก่หลินจิน ด้วยวิธีการพวกนี้ แม้แต่สัตว์วิเศษที่ไม่มีศักยภาพพอที่จะวิวัฒนาการ พิพิธภัณฑ์ก็สามารถให้ทางออกมากกว่าหนึ่งทางเพื่อบรรลุสู่ระดับถัดไปได้
นอกจากนี้ ด้วยความเชี่ยวชาญของหลินจินในเทคนิคการหาชีพจรที่น่าทึ่ง และกายาแห่งธรรม มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะช่วยให้สัตว์วิเศษระดับสองวิวัฒนาการ
เมื่อผู้คุ้มกันจางเห็นว่าสัตว์วิเศษของคนอื่น ๆ วิวัฒนาการ ตอนนี้เหลือเพียงคู่หูของเขาเท่านั้น เขาจึงเริ่มรู้สึกประหม่า
หากไม่คาดหวัง เขาก็คงไม่รู้สึกผิดหวัง แต่หลังจากเปลวเพลิงแห่งศรัทธาจุดติดขึ้นแล้ว การดับมันในเวลาต่อมา มันออกจะโหดร้ายเกินไป
นี่คืออารมณ์ปัจจุบันของผู้คุมจาง
เนื่องจากความล่าช้าเล็กน้อย เขาเริ่มคิดว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับสัตว์เลี้ยงของเขาที่จะวิวัฒนาการ
‘มันก็สมเหตุสมผล… สัตว์เลี้ยงของคนอื่นคือระดับหนึ่ง ดังนั้นการเลื่อนขั้นให้พวกมันเป็นระดับสองจึงง่ายกว่า สิงโตภูเขาของข้าคือระดับสอง ดังนั้นการเลื่อนมันไปสู่ระดับสามน่าจะยากกว่าสิบเท่า'
ผู้คุมกันจางคิด
เขารู้ว่าสัตว์วิเศษระดับสามนั้นทรงพลังเพียงใด
นอกจากชาวบ้านธรรมดาแล้ว มีเพียงตระกูลที่มีชื่อเสียงและผู้เชี่ยวชาญของคฤหาสน์เจ้าเมืองเท่านั้นที่เป็นเจ้าของสัตว์วิเศษระดับสาม นี่เป็นสิ่งที่ชาวบ้านทั่วไปเข้าใจกันดี
สัตว์วิเศษระดับสามเป็นถึงกระดูกสันหลังของตระกูลที่มีชื่อเสียงมากมาย
แม้ว่าเขาจะรับใช้เฉพาะตระกูลที่มีชื่อเสียง แต่ค่าตอบแทนต่อปีก็มีมูลค่าสูงถึงหนึ่งพันเหรียญเงิน และนั่นดีกว่าสภาพปัจจุบันของเขาอย่างน้อยสิบเท่า เช่นเดียวกับสถานะทางสังคมของเขาก็ดีขึ้นเช่นกัน
ตระกูลที่มีชื่อเสียงคงไม่มีความกล้าที่จะดูหมิ่นผู้ที่มีสัตว์วิเศษระดับสาม พวกเขาจึงต้องทำตัวสุภาพ
และนี่คือช่วงเวลาที่ผู้คุมจางรู้สึกใกล้เคียงกับเป้าหมายของเขามากที่สุด มันอยู่ต่อหน้าต่อตาเขาและอยู่ใกล้แค่เอื้อมด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเลยในท้ายที่สุด
ขณะที่ผู้คุมจางเตรียมพร้อมยอมรับความล้มเหลวและเริ่มปลอบใจตัวเอง จู่ ๆ พายุทรายก็ระเบิดออกมาจากจุดที่สิงโตภูเขาของเขายืนอยู่!