CD บทที่ 373 คุณต้องการให้ฉันดูอะไร?
ฝนยังคงตกลงมาและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกเร็ว ๆ นี้
*วี้หว่อ! วี้หว่อ! วี้หว่อ!*
เสียงไซเรนของตำรวจดังกึกก้องไปทั่วถนนตลาดดอกไม้ ตำรวจรีบล้อมร้านดอกไม้ของไส้หรอกอ้วนและบุกเข้าไป พวกเขาถือปืนและพุ่งผ่านร้านดอกไม้ แต่เมื่อเข้าไปพวกเขาก็พบว่าภายในร้านมีสภาพยุ่งเหยิง
เมื่อตำรวจสายตรวจไปถึงซอยตามพิกัดของจ้าวหยู่ พวกเขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นจ้าวหยู่ตัวเปียกโชก เขายืนนิ่งราวกับรูปปั้น ที่เท้าของเขา มีคนห้าถึงหกคนที่ถูกทุบตีจนนอนกองบนพื้น พวกเขาต่างร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด...
เมื่อจ้าวหยู่เห็นโบราณวัตถุที่ขุดพบในบ้าน เขาก็ตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้ในทันที หากโบราณวัตถุพวกนี้มาจากสุสานโบราณของราชวงศ์หมิงจริง ๆ นั่นก็หมายความว่าคนที่ร้านขายดอกไม้มีความเกี่ยวข้องกับโจรปล้นสุสาน
ดังนั้นเขาจึงโทรหาตำรวจทันที และรายงานให้เหมี่ยวอิงทราบพร้อมกัน เนื่องจากจ้าวหยู่มักจะพบเจอเหตุไม่คาดฝันอยู่เสมอ เหมี่ยวอิงจึงคุ้นเคยเป็นอย่างดี เธอไม่รอช้ารีบนำตำรวจในสถานีเพื่อไปจับกุมอาชญากรทันที
แต่หลังจากโทรหาพวกตำรวจเสร็จ จ้าวหยู่ก็เกิดกังวลขึ้นมา แม้ว่ากลุ่มชายฉกรรจ์จะยังคงทุบประตูอยู่ แต่จ้าวหยู่กลัวพวกเขาจะฉวยโอกาสหลบหนีเมื่อตำรวจมา
ด้วยเหตุนั้นเอง จ้าวหยู่จึงตัดสินใจทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้พวกเขาหลบหนี
ในตอนแรกเขาสังเกตดูรอบบ้าน และหลังจากที่เขายืนยันว่าไม่มีอันตรายใด ๆ ในบ้าน เขาก็ปล่อยให้ฮัวฮัวอยู่ข้างใน จากนั้น เขาก็ผลักประตูกันขโมยเปิดออกและพุ่งออกไป!
ฮัวฮัวถึงกับผวา เธอคิดว่าจ้าวหยู่บ้าไปแล้ว เขาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้วแท้ ๆ และได้โทรแจ้งตำรวจแล้ว แต่ก็ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อออกไปข้างนอกอีกครั้ง!
จริง ๆ แล้ว ความกังวลว่ากลุ่มชายฉกรรจ์จะหนีไปนั้นเป็นเพียงเรื่องโกหก จ้าวหยู่แค่มองหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองเท่านั้น เป้าหมายที่แท้จริงของเขานั้นเรียบง่ายมาก
เขาก็แค่ต้องการต่อสู้กับคนเหล่านั้นเท่านั้น เพราะเขาไม่ได้ต่อสู้อย่างเข้มข้นเช่นนี้มานานแล้ว
มันแตกต่างจากการต่อสู้กับสมาชิกหน่วยสวาต เขาได้ใช้อุปกรณ์ล่องหนมากมาย และจ้าวหยู่คิดว่ามันไม่ใช่การต่อสู้ที่สมศักดิ์ศรี เพราะเขามีข้อได้เปรียบที่ไม่ยุติธรรมในการต่อสู้ในตอนนั้น
แต่พวกเขาเหล่านี้แตกต่างจากสมาชิกหน่วยสวาต คนเหล่านี้เป็นนักเลงเหมือนเขา ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้ต่อสู้กันด้วยมีดและแท่งเหล็กในมือ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้จ้าวหยู่กลัวเลยแม้แต่น้อย กลับกันมันทำให้จ้าวหยู่รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก ประจวบกับฝนตกหนัก มันยิ่งทำให้ความปรารถนาที่จะต่อสู้ของจ้าวหยู่ลุกโชนขึ้น
จ้าวหยู่พ้นจากประตูกันขโมย เขาก็กลายเป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือดทันที!
ถึงเขาจะไม่มีอาวุธในมือ แต่เขาก็ต่อสู้ด้วยมือเปล่ากับกลุ่มชายฉกรรจ์ พวกเขาตกตะลึงพรึงอย่างแท้จริง เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่พวกเขาไล่ล่า ถึงกล้าพุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างนี้?
แม้ว่าคนเหล่านี้จะต่อสู้มาอย่างโชกโชน แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นใครเหมือนจ้าวหยู่มาก่อน จ้าวหยู่ไม่ต้องการใช้เทคนิคที่เหมี่ยวอิงสอนเขา แต่เขาใช้วิธีการสู้แบบป่าเถื่อน โดยเขาไม่สนใจมีดหรือแท่งเหล็ก เขาพุ่งเข้าไปคว้าพวกมัน และต่อสู้อย่างไม่เกรงกลัว
เมื่อจ้าวหยู่ต่อสู้จนถึงที่สุด สองคนที่เหลือก็ตกตะลึง และไม่สามารถแม้แต่จะคิดที่จะหลบหนี พวกเขาถูกจ้าวหยู่ทุบจนใบหน้ายับเยิน และร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดขณะที่พวกเขากุมศีรษะ
เมื่อตำรวจเข้าไปจับกุมคนร้ายก็เห็นรอยร้าวและรูบนกำแพงซอยด้านข้างซึ่งเกิดจากการกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง รอยแตกเกิดขึ้นจากการใช้หัวของศัตรูหรือชกด้วยกำปั้น เมื่อมองดูสภาพที่เกิดขึ้น ตำรวจสายสืบก็อดไม่ได้ที่จะมองเป็นอย่างอื่น
“จับพวกเขาทั้งหมด และนำพวกเขากลับไปที่สถานี อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”
เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลังตำรวจทุกคน เขาเห็นเหมี่ยวอิงในชุดกันฝนของเธอ เธอสั่งเจ้าหน้าที่ว่า
“ส่วนพวกที่บาดเจ็บสาหัส พาพวกเขาไปโรงพยาบาล และให้แน่ใจว่ามีคนคอยจับตาดูพวกเขาทั้งหมด เมื่อพวกเขาฟื้นคืนสติแล้ว พวกเราจะรีบทำการสอบสวนพวกเขาทันที!”
จากนั้น เหมี่ยวอิงเห็นจ้าวหยู่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก และเธอก็ตกใจกับท่าทางที่ดุร้ายของเขา
“จ้าวหยู่!” เธอก้าวไปข้างหน้าและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? ตอนนี้คุณกำลังแสดงละครเรื่องไหนอยู่?”
“ผู้กองเหมี่ยว ในที่สุด คุณก็มาแล้ว!” เมื่อเห็นการมาถึงของเหมี่ยวอิง จ้าวหยู่เก็บจิตสังหารของเขาไว้ และชี้ไปที่บ้านหลังเล็กที่อยู่ข้างหลังเขา “เร็วเข้า ฉันมีอะไรจะให้คุณดู คุณจะต้องตกกะใจแน่นอน ฮี่ฮี่ฮี่…”
จ้าวหยู่หันกลับมา และพาเหมี่ยวอิงเข้าไปในบ้านหลังเล็ก แต่เมื่อเขากำลังจะเข้า ฮัวฮัวก็วิ่งออกมาจากในบ้านและเข้าสู่อ้อมแขนของเขาอีกครั้ง
“พี่หยู่ คุณทำให้ฉันหัวใจวาย! คะ... คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
“เออ…” ราวกับว่าเขาถูกฟ้าผ่า มันฉุกละหุกเกินไป เขาไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร
“จ้าวหยู่!” เหมี่ยวอิงจำฮัวฮัวได้ เธอกอดอกและพูดด้วยใบหน้าเย็นชา ว่า "จ้าวหยู่ นี่คือสิ่งที่คุณต้องการให้ฉันเห็นงั้นหรือ?"
"ไม่ใช่ ๆ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด เชื่อฉันสิ เอาล่ะ เราเข้าไปข้างในดีกว่า!"
จ้าวหยู่รีบผลักฮัวฮัวออกจากเขา และพาเหมี่ยวอิงเข้าไปในบ้านหลังเล็ก
เมื่อเหมี่ยวอิงเห็นโบราณวัตถุที่ขุดพบ ในที่สุดดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“จ้าวหยู่ นี่คุณ… คุณเจอบ้านหลังนี้ได้ยังไง!?” เหมี่ยวอิงนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอคว้าแขนของจ้าวหยู่แล้วถามว่า “คุณหมายความว่าสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมสุสานงั้นเหรอ?”
“อืม… ก็อาจจะ...” เนื่องจากเรื่องราวมันซับซ้อน จ้าวหยู่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน
…
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ณ ที่ทำการสถานีตำรวจ
มันเป็นเวลาตีสี่ แต่จ้าวหยู่ก็ดูไม่เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย เขาอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า และกำลังดื่มกาแฟที่หลี่เบ่ยหนีชงให้เขา
ในฐานะพยาน หยางฮงและฮัวฮัวก็มาลงบันทึกคำให้การที่สถานีตำรวจด้วย หลังจากนั้นก็กลับบ้านไปพักผ่อน ส่วนจ้าวหยู่ เขาได้อธิบายให้เหมี่ยวอิงฟังว่าทำไมเขาถึงไปที่ร้านขายดอกไม้ และเขาพบโบราณวัตถุเหล่านั้นได้อย่างไร
หลังจากที่เธอได้ยินเหตุผลของจ้าวหยู่ เหมี่ยวอิงก็อดไม่ได้ที่จะโกรธ เธอดุจ้าวหยู่ทันที!
เหมี่ยวคิดมาตลอดว่าจ้าวหยู่ต้องได้รับเบาะแสที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับโบราณวัตถุ และพบร้านขายดอกไม้ แต่กลับกลายเป็นว่าจ้าวหยู่บังเอิญเจอมันโดยไม่ตั้งใจ!
เรื่องบังเอิญแบบนี้มีที่ไหนอีกในโลก? มีโบราณวัตถุมากมายในโลก แต่ที่จ้าวหยู่พบโดยบังเอิญเป็นโบราณวัตถุที่ขุดพบจากสุสานโบราณราชวงศ์หมิง
แม้ว่าเขาจะมีระบบปาฏิหาริย์ แต่เขาไม่ได้รับคำว่า ‘Gen’ ดังนั้น จ้าวหยู่ก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ไม่ว่าโบราณวัตถุจะเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมสุสานหรือไม่ มันก็ยังเป็นความดีความชอบของจ้าวหยู่
อย่างน้อย ๆ คนในร้านดอกไม้ก็ทำธุรกิจผิดกฎหมาย มันจึงทำให้จ้าวหยู่มีความชอบธรรมให้การลงมือกับพวกเขาอย่างรุนแรง ไม่อย่างนั้น พวกที่ได้รับบาดเจ็บคงจะเอาเรื่องเขาจนถึงที่สุด และทำให้สถานการณ์มันบานปลาย
และที่สำคัญ เนื่องจากคนเหล่านี้เป็นอาชญากร เงินสามแสนที่จ้าวหยู่ จ่ายหนี้แทนฮัวฮัว มันอาจจะกลับมาหาเขาในภายหลังก็เป็นได้
แล้วอีกอย่าง เขายังเคยพบเจอกับเรื่องบังเอิญมากมายในอดีต ถ้าหากโบราณวัตถุมาจากสุสานโบราณราชวงศ์หมิงจริง ๆ เขาคงจะได้รับเครดิตอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง!
จ้าวหยู่ถือกระถางต้นไม้ที่สวยงามไว้ในมือ และมองอย่างไม่วางตา กระถางต้นไม้เป็นของที่จ้าวหยู่หยิบออกมาจากร้านขายดอกไม้ก่อนหน้านี้
เขาไม่รู้ว่าต้นไม้ในกระถางเป็นพืชพรรณชนิดใด แต่เมื่อจ้าวหยู่กำลังจะตรวจสอบ เหมี่ยวอิงก็กลับมาอย่างพอดิบพอดี
ผู้กองเหมี่ยวนำเอกสารกองหนึ่งมากองตรงหน้าจ้าวหยู่ เธอโยนเอกสารไปบนโต๊ะของจ้าวหยู่ ก่อนนะพูดว่า
“จ้าวหยู่ ฉันทำการสืบสวนและสอบปากคำเสร็จแล้ว! คนเหล่านี้ไม่ใช่โจรปล้นสุสาน พวกเขาไม่เคยขายแม้แต่ของเก่าด้วยซ้ำ!”
“ว่าไงนะ!? เป็นไปไม่ได้!” จ้าวหยู่ไม่เชื่อ เขารีบดูสำเนาคำให้การ จากนั้นเขาก็รู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นพ่อค้าของปลอม และสิ่งของที่ดูเหมือนโบราณวัตถุในบ้านนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาทำขึ้น!
‘เชี่ยแล้ว!’ เขาอุทานในหัวของเขา เขาถึงกับพูดไม่ออก และรู้สึกหน้าเสีย
สิ่งที่เขาเจอเป็นแค่ของเลียนแบบ แล้วอย่างนี้มันจะเกี่ยวข้องกับโจรปล้นสุสานได้อย่างไร?