บทที่ 8
วันนี้ลง 8 - 14
บทที่ 8
ฉินห่าวไม่ได้พูด เพียงแต่เฝ้าดูเขาอย่างเงียบๆ
เห็นท่าทีของฉินห่าว ใบหน้าเหลียวไฮ่เปลี่ยนไป แต่ก็กลับมายิ้มได้ในทันที เอ่ยเสียงดังว่า “ศิษย์พี่สนใจทำภารกิจอะไร? อยากให้ศิษย์น้องช่วยเลือกไหม?”
สาวกชั้นสองคนอื่นๆ มองดูด้วยความสนใจ สำหรับฉินห่าวซึ่งจู่ๆก็กระโดดขึ้นเป็นสาวกชั้นสอง ทุกคนต่างมีคำถามมากมายในใจ
ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะแต่ละคนต่างปีนป่ายทีละขั้น มีเพียงฉินห่าวที่ทะยานสู่ฟากฟ้าในคราเดียว มันทำให้พวกเขารู้สึกข้องใจอยู่บ้าง
แต่ทั้งหมดก็แค่นั้น ยังไงซะผลงานของฉินห่าวเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่ทุกคน แม้ลึกๆชิงชังแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาจนเด่นชัด เพียงแค่อิจฉา
“กองกำลังลึกลับ พื้นที่เสี่ยง หมู่บ้านเชิงสุ่ย สามอย่างนี้น่าสนใจนัก ศิษย์พี่สนใจไปกับข้าไหมเล่า?” ฉินห่าวตอบอีกฝ่าย ก่อนไปรายงานรับภารกิจแก่สาวกที่ทำหน้าที่บันทึก
“ตกลง เสี่ยงชีวิตเพื่อติดตามวีรบุรุษ ศิษย์พี่โปรดให้ศิษย์น้องติดตามไปด้วย”
เหลียวไฮ่ยิ้มแย้มแจ่มใส คนอื่นได้ฟังต่างพูดไม่ออก ทั้งคู่ต่างเรียกอีกฝ่ายว่าศิษย์พี่ทั้งๆที่เป็นสาวกชั้นสองเหมือนกัน
เหลียวไฮ่กับฉินห่าวแลกเปลี่ยนสายตากันแล้วหัวเราะ
ต่างฝ่ายต่างคิดในใจ ‘ออกไปคราวนี้ เจ้าต้องตาย!’
ไม่นาน กลุ่มเจ็ดคนก็ขึ้นไปบนเรือเหาะ กลุ่มนี้นำโดยเหลียวไฮ่และฉินห่าว เนื่องจากตอนนี้ฉินห่าวมีชื่อเสียงอย่างมาก เป็นที่ชื่นชมของเหล่าผู้อาวุโส ดังนั้นแม้บางคนที่ร่วมภารกิจด้วยจะอยู่ในขั้น 8 หรือ 9 ขอบเขตเปิดภูมิปัญญา แต่ก็ไม่มีใครอยากมีปัญหา ยอมๆเขาไป
“หมู่บ้านเชิงสุ่ยเมื่อสองเดือนก่อน จู่ๆก็เริ่มมีคนหายตัวไป เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีกลุ่มที่นำโดยผู้บำเพ็ญเพียรขอบเขตเปิดภูมิปัญญาขั้น 9 สองคน ก็หายตัวไปที่นั่นเช่นกัน”
ฉินห่าวอ่านข้อมูลรายละเอียดของหมู่บ้านเชิงสุ่ยแล้วต้องขมวดคิ้ว ภารกิจนี้ข้าเกรงว่าจะไม่ง่ายนัก สามารถทำให้สองผู้บำเพ็ญเพียรขั้น 9 ขอบเขตเปิดภูมิปัญญาหายตัวไปได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น ชัดเจนว่าไม่ธรรมดา
ครึ่งวันต่อมา เรือเหาะลงจอด สาวกที่รับผิดชอบขับเรือเหาะเดินทางกลับ ฉินห่าวชำเลืองมองไปรอบๆ และพบว่ามันเป็นหมู่บ้านธรรมดา อย่างน้อยดูผิวเผินก็ไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ
“ท่านเซียน ขอบคุณทุกท่านที่มาช่วยเหลือพวกเรา ท่านเซียนเชิญเข้ามาข้างในก่อนเถิด” ชาวบ้านรออยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้านเป็นเวลานานแล้ว พวกเขาแสดงท่าทีเคารพอย่างสูง ชายชราที่ดูเหมือนหัวหน้าหมู่บ้านโค้งคำนับและกล่าวอย่างนอบน้อม
“จะเข้าไปไหม?”
ฉินฮ่าวถามเหลียวไฮ่เหมือนปรึกษา
“ก็ไปสิ”
ทุกคนเดินเข้ามาข้างใน หมู่บ้านแห่งนี้มีถนนลูกรังผ่ากลาง โดยสองฝั่งเป็นบ้านเรือน พวกฉินห่าวเดินมาถึงจุดที่ลึกที่สุดซึ่งเป็นบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านดีกว่าบ้านอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตจนเกินไป
“ท่านเซียน หากมีอะไรขาดเหลือสามารถบอกพวกเราได้ไม่ต้องเกรงใจ”หัวหน้าหมู่บ้านพาทุกคนไปยังบ้านสองสามหลังสำหรับใช้พักผ่อน กล่าวประโยคหนึ่ง และไม่กล้ารบกวน ถอยหลังจากไป
“เจ้าคิดว่าไง?” เหลียวไฮ่มองฉินห่าว เวลานี้ต่อให้เป็นเขาก็ไม่กล้าจะกําเริบเสิบสาน เพราะภารกิจนี้แปลกเกินไป
“อย่าแยกกัน ทั้งหมดเกาะกลุ่ม รอตอนเย็นค่อยว่ากันอีกที” ฉินห่าวคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็กล่าวออกมา
“ตกลง”
ได้ยินคำสั่ง ทุกคนจึงนั่งไขว่ห้างในห้องเริ่มบำเพ็ญเพียร
ไม่นานก็ตกค่ำ ทุกคนหยิบกินอาหารที่นำมาเอง และเริ่มตื่นตัวขึ้น
แม้บันทึกข้อมูลไม่ได้ระบุว่าคนหายตัวไปเมื่อไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่ายามฟ้ามืดคือเวลาที่เหมาะสมที่สุด
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ มีเสียงเห่าของสุนัขและเสียงแมลงดังมาจากในหมู่บ้านเป็นครั้งคราว
“หือ?”
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ในหูของทุกคนเหลือเพียงความเงียบ เสียงทั้งหมดหายไปแล้ว คล้ายพวกเขาถูกโยนจากเมืองที่วุ่นวายไปยังเมืองที่ว่างเปล่า รอบด้านเหลือเพียงความเงียบที่น่าสะพรึงกลัว
ฉินห่าวมองไปยังคนอื่นๆที่ยังคงนั่งขัดสมาธิ เอ่ยขึ้นว่า “พวกเราจะแบ่งเป็นสามกลุ่ม ข้าไปกับอีกคน ศิษย์พี่เหลียวพาอีกคนหนึ่งไป ส่วนที่เหลืออีกสามคนอย่าแยกกัน”
“ตกลง”
ทุกคนไม่มีใครคัดค้าน การจัดสรรนี้สมเหตุสมผลมาก เพราะอาวุธขั้นเสวียนในมือของฉินห่าว มันทำให้พลังรบของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก ขณะที่หลายคนในที่นี้ไม่มีอาวุธระดับสูง ทุกคนจึงต้องเกาะกลุ่มกันอย่างระแวดระวัง
สามกลุ่มย่อยแบ่งออกเป็นสามทิศทาง ฉินห่าวและคนที่ชื่อหวังหยางต่างตื่นตัว มองไปรอบๆ แต่จะทางไหนก็มีแค่ความเงียบกับความมืดมิด
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้บำเพ็ญเพียร นี่ไม่ต่างอะไรกับตอนกลางวัน
ทั้งสองมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน หวังหยางกำลังจะก้าวไปข้างหน้า แต่ก็ถูกฉินห่าวคว้าตัวไว้ สายตาจ้องเขม็งไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน
หวังหยางผงะ ลองเพ่งดูที่สถานการณ์ แต่แล้วเขาก็รู้สึกชาไปทั้งตัว
เห็นเพียงทิศทางของทางเข้าหมู่บ้าน ไม่รู้ว่าหมอกดำปรากฏขึ้นเมื่อใด มันเบาบางเห็นได้ยากมาก หากไม่ใช่เพราะฉินห่าวรั้งไว้ เขาอาจไม่ได้สังเกตมันด้วยซ้ำ
หวังหยางมองฉินห่าวอย่างขอบคุณ ไม่ได้พูดอะไร
ทั้งสองยืนอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าหมู่บ้าน หมอกดำหนาขึ้นเรื่อยๆ
“พี่ใหญ่ สตรีนางนั้นไม่ได้ออกจากบ้านอีกเลยนับแต่สามีนางเสียชีวิต ช่างน่าเสียดาย”
“เหอ เหอ เขาตายได้ก็ดี มาเถอะ เข้าไปหานางกัน บางทีเจ้าอาจได้จูบกับฟ่างเจ๋อสักครั้ง นางหุ่นดีมาก แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว”
ในม่านหมอกอันมืดมิด เสียงลามกอนาจารสองเสียงดังขึ้น ถัดมา ชายสองคนปรากฏตัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าหรือการเคลื่อนไหว พวกเขาทำราวกับนี่เป็นเรื่องปกติ
ฉินห่าวกับหวังหยางตกตะลึง นี่พวกเจ้าคิดบุกบ้านหญิงม่าย?
อย่างไรก็ตาม ถึงตอนนี้จะเป็นช่วงเวลากลางดึก แต่หมอกดำกลุ่มใหญ่ลอยอยู่เช่นนี้ พวกเจ้าไม่สังเกตเห็นเลยหรือ?
ฉินห่าวกับหวังหยางสบตากัน ลอบตามอย่างระมัดระวัง
ทั้งสองมาถึงกำแพงดินเล็กๆ ด้านในเป็นลานเล็กๆและบ้านหลังหนึ่ง
ที่นี่ค่อนข้างไกลจากหมู่บ้าน ราวกับแยกตัวเป็นอิสระ
ชาวบ้านทั้งสองนอนลงบนกําแพงดินเล็กๆ ใบหน้าเผยรอยยิ้มลามก
ฉินห่าวกับหวังหยางเฝ้าดูจากระยะไกล จากนั้นพวกเขาก็ต้องประหลาดใจ
เห็นเพียงภาพสะท้อนของแสงเทียนภายในบ้าน ปรากฏเงาที่มีรูปร่างอันยอดเยี่ยม ขนาดเป็นแค่เงา ทุกท่วงท่ายังมีเสน่ห์สุดๆ อีกทั้งยังเป็นธรรมชาติไม่ใช่การเคลื่อนไหวที่ดัดแปลง
“นี่......”
สถานการณ์กลางดึกนี่มันอะไรกัน?
มีบ้านอยู่แถวนี้ด้วยหรือ? แล้วผู้หญิงคนนี้มาจากไหนกัน?
ฉินห่าวกับหวังหยางแลกเปลี่ยนสายตากัน ใบหน้าเคร่งขรึมขึ้น
มันแปลกเกินไป!
แต่ชาวบ้านสองคนนั้นไม่รู้สึกตัวเลย แค่พอเห็นรูปร่างอันเย้ายวน ก็ใจร้อนทนไม่ไหว ย่องเข้าไปในบ้านแล้วบุกเข้าไปในห้องนาง
“ฮี่ ฮี่”
เสียงหัวเราะชั่วร้ายดังขึ้นในลานบ้าน