บทที่ 7
บทที่ 7
“ขอโทษที พอดีข้าคุมอารมณ์ไม่อยู่เลยพลั้งมือไป” ผู้อาวุโสหยินยิ้มเย็น
ผู้อาวุโสทั้งห้าจ้องมองเขาด้วยความโกรธ หัวใจเจ็บปวดจนยากจะหายใจ สาวกที่กล้าหาญของพวกเขา คาดไม่ถึงว่าจะต้องมาตายแบบนี้
“โอ้? ที่แท้ก็พลั้งมือนี่เอง แต่เหมือนข้าเลย! ตอนข้าตัดหัวจางอี้ฮุ่ยก็พลั้งมือไปเหมือนกัน แต่สงสัยจริงๆว่าเขามีความสมันพันธ์อะไรกับเจ้า?”
ฉินห่าวเปิดปากเอ่ยช้าๆ
“ฮะ?”
ผู้อาวุโสทั้งห้าตกตะลึง พวกเขาน่าประหลาดใจมาก เด็กน้อยผู้นี้ นึกไม่ถึงว่าจะรอด หรือเขาจะมีสมบัติวิเศษที่ใช้ปกป้องร่างกาย?
“ฮึ่ม! ข้าขอตัวก่อน!” ใบหน้าของผู้อาวุโสหยินกลายเป็นมืดมน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของฉินห่าว เขาก็เกือบหลุดการควบคุมและจะโจมตีอีกครั้ง
จางอี้ฮุ่ยเป็นรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์มาก แต่ดันมาตายเอาแต่เนิ่นๆ ดังนั้นเขาย่อมต้องมาแก้แค้น
อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายดันรอดชีวิตซะได้ และตอนนี้เขาไม่เหลือโอกาสที่จะลงมืออีกแล้ว
“ตอนมาจู่ๆก็มาดื้อๆ พอจะไปก็ไป ที่นี่เป็นบ้านเจ้ารึไง?”
ผู้อาวุโสทั้งห้าเห็นว่าฉินห่าวสบายดี พวกเขาก็โล่งใจ ยังไงก็ตาม พวกเขายังปล่อยผู้อาวุโสหยินไปไม่ได้อยู่ดี ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าอีกฝ่ายกล้าลงมือในนิกายของตน
“ผู้อาวุโส ปล่อยให้เขาไป”
ฉินห่าวโบกมือ ฐานบำเพ็ญเพียรของผู้อาวุโสทั้งห้ายังไม่เพียงพอ แม้สามารถสร้างค่ายกล แต่หากต้องสู้กันจริงๆคงบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย ไม่คุ้มค่าอย่างยิ่ง
เอาไว้รอให้ฐานบำเพ็ญเพียรของเขาเพิ่มขึ้นก่อนดีกว่า ถึงเวลานั้นฉินห่าวจะไปล้างแค้นถึงที่ด้วยตัวเอง ยังไงเขาก็ไม่ต้องกลัวเรื่องถูกจับอยู่แล้ว เพราะไม่มีวันตาย
“นี่...ก็ได้!”
ผู้อาวุโสทั้งห้ามองตากัน แล้วพยักหน้า
“เจ้าเด็กนี่นับว่ายังพอมีสมองอยู้บ้าง!” รอยยิ้มพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้อาวุโสหยิน แต่เมื่อเขาเดินไปถึงประตูทางออก ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า
“ฮี่ ฮี่ แต่น่าเสียดายที่จางอี้ฮุ่ยไม่มีสมอง มันเลยถูกข้าลอบสังหารจนตาย” ฉินห่าวยิ้มพร้อมกล่าวอำลา
ใบหน้าของผู้อาวุโสหยินเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แค่นเสียงเย็นชา แล้วหายวับไป
“ฉินห่าว เจ้าทำลายสัตว์ยักษ์หุ่นเชิดในสนามรบ สังหารบุคคลสำคัญของฝ่ายตรงข้าม มีส่วนร่วมอย่างมาก ข้าสงสัยว่าเจ้าอยากได้รางวัลอะไร?”
หลังจบเรื่อง ทุกคนกลับมานั่งลงอีกครั้ง ใบหน้าของผู้อาวุโสทั้งห้าดูเป็นมิตรมาก
“เอ่อ ศิษย์แค่ทำเพื่อนิกาย ไม่ได้แสวงหารางวัลฟุ่มเฟือยใดๆ” ฉินห่าวส่ายหัว
“ฮ่าฮ่า ตอบได้ดี! แต่เราคือนิกาย การรับใช้ที่ทรงเกียรติจะต้องได้รับการตอบแทนที่เหมาะสม เอาอย่างนี้เป็นไง พวกเราจะยกชั้นสาวกให้เจ้าเป็นพิเศษ ขยับมาเป็นสาวกชั้นสอง มอบตงฟู่ให้แห่งหนึ่ง โอสถรวมภูมิปัญญาสองเม็ด ค่าผลงานอีก 360,000 แต้มและทักษะฝึกระดับเสวียนขั้นกลางอีกหนึ่ง”
ผู้อาวุโสจินยิ้ม กล่าวเสียงขรึม
“เอ่อ .. เช่นนั้นศิษย์ขอรับไว้ด้วยความยินดี”
ฉินห่าวเกาหัวตัวเอง เขาไม่รู้หรอกว่าสิ่งเหล่านี้มันมากหรือน้อย และเขาไม่สนใจด้วย
“อืม เจ้าไปเลือกทักษะฝึกเถอะ เสื้อผ้ากับโอสถจะจัดส่งให้เจ้าในภายหลัง”
ว่าจบ ผู้อาวุโสจินก็ส่งตราให้ฉินห่าว
………
ฉินห่าวมาที่หอเก็บวิชา ที่นี่มีทั้งหมดหกชั้น ผู้คนเดินเข้าเดินออกมามากมาย แต่ไม่ค่อยมีใครที่ฉินห่าวรู้จัก เพราะยังไงซะ เขาเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นาน
ในชั้นแรก มีทักษะฝึกมากมาย มีกระทั่งวิชายุทธสำหรับต่อสู้ของมนุษย์
ชั้น 2 มีไว้เก็บพวกทักษะระดับหวง
ชั้น 3 มีไว้เก็บทักษะระดับเสวียน
ฉินห่าวตรงขึ้นไปบนชั้นสาม ตั้งใจดูเป็นครึ่งค่อนวัน และพบว่าส่วนใหญ่เป็นทักษะระดับเสวียนขั้นต่ำ
ทักษะฝึกในโลกนี้นั้นแบ่งออกเป็น หวง เสวียน ตี้ เทียน ตามลำดับ โดยแต่ละระดับแบ่งเป็นสามขั้น ได้แก่ ต่ำ กลาง และสูง
ในที่สุด เขาเลือกทักษะฝึก ‘ร่างบรรจบ’ ระดับเสวียนขั้นกลาง ทักษะนี้ช่วยให้ร่างกายสามารถป้องกันอาวุธระดับเสวียนได้ กระนั้น ตอนฝึกฝนจะเจ็บปวดแสนสาหัส จำเป็นต้องสลายกระดูกทั้งตัวเพิ่มเสริมความทนทานแก่มัน รุนแรงวิปริตมาก
แต่รุนแรงวิปริตแล้วอย่างไร? ฉินห่าวมีระบบที่ช่วยไม่ให้ตัวเขาได้รับความเจ็บปวดอยู่
ฉินห่าวพลิกดู
[ติ๊ง]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณฝึกทักษะร่างบรรจบสำเร็จแล้ว]
ฉินห่าว “.........”
ระบบของข้าช่างร้ายกาจ! เพียงสัมผัสก็บรรลุการฝึกฝนอย่างรวดเร็ว!
ยังไงก็ตาม แม้เรียนรู้ทักษะแล้ว แต่ก็ยังต้องแกล้งทำเป็นนำมันออกไปเพื่อฝึกฝน คนอื่นๆจะได้ไม่สงสัย
ฉินห่าวกลับมาที่ทางออก แล้วหยิบตราให้คนเฝ้าหอเก็บวิชาบันทึก จากนั้นเดินออกได้ภายใต้สายตาประหลาดใจของฝ่ายหลัง
เมื่อกลับมาถึงที่พักของตนเอง เขาก็พบหวังจุนรออยู่ที่นี่แล้ว อีกฝ่ายถือห่อผ้าไว้ในมือ
“ศิษย์พี่ นี่คือรางวัลของท่าน”
ฉินห่าวมองดู มีโอสถหนึ่งขวด บัตรสะสมค่าผลงานหนึ่งใบ เสื้อผ้าหนึ่งชุดที่ประณีตงดงาม และมีดาวมากมายปักอยู่บริเวณอก นี่คือเครื่องหมายของสาวกชั้นสอง
ไม่รอช้า เขาคลี่มันออกจากห่อผ้าแล้วนำมาสวมใส่
ไม่เลว เทียบกับเสื้อของสาวกชั้นเก้าแล้ว มันคนละชั้นกันเลย
ฉินห่าวพอใจมาก ดั่งคำกล่าวที่ว่าผู้คนต้องสวมเสื้อผ้า ม้าต้องใส่อานม้า
ส่วนเม็ดโอสถ เจ้าสิ่งนี้ไม่มีประโยชน์กับเขา เพราะเขาสามารถอัพเกรดกับระบบได้อยู่แล้ว
“นี่ของเจ้า”
ฉินห่าวโยนโอสถให้หวังจุน
“นี่...ข้ารับไว้ไม่ได้”
หวังจุนตกใจมาก โอสถรวมภูมิปัญญาคือสมบัติล้ำค่าสำหรับผู้ที่อยู่ในขอบเขตเปิดภูมิปัญญา แต่ศิษย์พี่กลับมอบมันให้เขา
“รับไว้ สิ่งนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับข้า”ฉินห่าวโบกมือ แล้วเดินจากไป เขาตั้งใจตรงไปยังหอโรงหลอมเพื่อรับอาวุธ หากไม่มีอาวุธแล้วจะสู้กับศัตรูได้อย่างไร?
“ขอบคุณศิษย์พี่!”
หวังจุนมองแผ่นหลังฉินห่าว ในมือกำเม็ดโอสถแน่น รู้สึกซาบซึ้งอย่างถึงที่สุุด
....
มีคนจำนวนไม่น้อยในหอโรงหลอม ที่นี่มีสาวกที่ฝึกฝนด้านการหลอมมากมาย และสาวกทุกคนสามารถแลกอาวุธได้ด้วยค่าผลงาน
“เจ้ามีค้อนศึกไหม?” ฉินห่าวถาม เขารู้สึกว่าเขาไม่เหมาะที่จะใช้ดาบ เวลาปะทะมันไม่สะใจ ต้องค้อนใหญ่ๆนี่สิ เวลาทุบเนื้อถึงจะรู้สึกดี
“เรียนศิษย์พี่ ทางเรามีค้อนศึกระดับหวงขั้นสูง ท่านต้องการมันไหม?”
สาวกโรงหลอมแสดงสีหน้าประหลาดใจ ค้อนศึกไม่ค่อยเป็นที่นิยม ฉะนั้นจึงมีหลอมไว้ไม่มากนัก
ฉินห่าวขมวดคิ้ว อาวุธระดับหวง? นี่มันต่างอะไรกับขยะ?
“พวกเจ้าหลอมใหม่ไม่ได้หรือ?”
“หลอมใหม่ได้ แต่ต้องใช้ค่าผลงาน 150,000 แต้ม ถ้าท่านตกลง พวกเราจะเริ่มหลอมแล้วเสร็จในเวลาสองวัน”
สาวกตอบด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ค่าผลงาน 150,000 แต้มไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย
“ตกลง”
ฉินห่าวหยิบบัตรสะสมค่าผลงานออกมา แลกเปลี่ยนมันแล้วจากไป
สาวกโรงหลอมตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นศิษย์พี่ยอมจ่ายค่าผลงานหลักแสนง่ายๆเช่นนี้
………
ตกดึก ฉินห่าวนั่งในที่พักใหม่ของตัวเอง รางวัลของนิกาย เป็นตงฟู่ที่มีพื้นที่กว้างขวาง และมีปราณวิญญาณไหลเวียนอย่างพอเพียง
ฉินห่าวนั่งคิดอะไรบางอย่าง ขณะนี้เขามีค่าความเกลียดชังราวๆพันแต้ม แต่ตอนนี้พลังรบในขอบเขตเปิดภูมิปัญญาขั้น 1 นับว่าเหมาะสมแล้ว ดังนั้นหากเก็บแต้มไว้เฉยๆคงเสียเปล่า เขาจึงเลือกจับรางวัล
“ระบบจับรางวัล!”
[ติ๊ง]
[จ่ายค่าความเกลียดชังพันแต้ม เริ่มจับรางวัล]
วงล้อรูเล็ตปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาและเริ่มหมุน
[ติ๊ง]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณได้รับทักษะพิเศษ : ใบหน้าล่อบาทา]
[บหน้าล่อบาทา : สามารถล่อลวงอีกฝ่ายให้โจมตี และจะได้รับค่าความเกลียดชังเป็นสองเท่า ]
[หมายเหตุ: ทักษะนี้อันตรายมาก คนที่ถูกคุณทำหน้าตานี้ใส่จะโจมตีอย่างบ้าคลั่ง]
มุมปากของฉินห่าวกระตุก ทักษะบ้านี่มันอะไรกัน? แต่ได้ค่าความเกลียดชังสองเท่าก็ถือว่าดีอยู่
พอใจแล้ว!
นอนได้!
...
สองวันต่อมา ค้อนศึกหลอมเสร็จ ตลอดทั้งตัวของมันดำสนิท แต่งแต้มด้วยลวดลายสีแดง ให้ความรู้สึกกดขี่ครอบงำ ยามกวัดแกว่ง สร้างแรงลมพัดกระพือ ดูอหังการ!
แต่หลังจากนั้น ฉินห่าวก็นึกปัญหาหนึ่งออก เขาแตกต่างจากคนอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่ต้องนั่งบำเพ็ญเพียร ขณะที่ตัวเองต้องอาศัยค่าความเกลียดชัง
ดังนั้น หากอยู่แต่ในนิกายทุกวัน นั่งจนราขึ้นในตงฟู่ คงไม่มีทางได้ค่าความเกลียดชังเพิ่มเติม พลังรบไม่รุดหน้า
“ศิษย์พี่ ทางนิกายได้ออกภารกิจใหม่แล้ว พวกเราไปดูกันดีหรือไม่?”
ณ ขณะนี้ หวังจุนรีบร้อนวิ่งเข้ามา
“ภารกิจนิกาย?” ฉินห่าวหัวเราะ ในที่สุดก็มีอะไรให้ทำ ทุกๆครั้งที่นิกายออกภารกิจ จะมีรางวัลเป็นค่าผลงานหรือไม่ก็โอสถ ซึ่งจะมากน้อยก็ตามแต่ความยากง่ายของภารกิจ
“ไปเถอะ ไปดูกัน”
...
ห้องโถงภารกิจเต็มไปด้วยผู้คน มีพื้นที่แยกเป็นหลายส่วน ภารกิจแต่ละระดับมีพื้นที่เป็นของตัวเอง นี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้สาวกระดับสูงของนิกายรับภารกิจไปเองทั้งหมด จนสาวกระดับต่ำไม่มีภารกิจทำ
ฉินห่าวเริ่มไล่อ่านภารกิจ
ภารกิจ : สถานการณ์แปลกประหลาดในหมู่บ้านเชิงสุ่ย มีผู้คนสูญหาย 8 รายอย่างไม่ทราบสาเหตุ 2 ใน 8 รายคือผู้บำเพ็ญเพียรขอบเขตเปิดภูมิปัญญา
ระดับความอันตราย: มากกว่า 3 ดาว
รางวัล: ค่าผลงาน 60,000 แต้ม , โอสถ 2 เม็ด
ภารกิจ : สำรวจสัตว์ดุร้ายในสถานที่เสี่ยง
ระดับความอันตราย: 5 ดาว
รางวัล: ยังไม่ระบุ
ภารกิจ : การบุกรุกของกองกำลังลึกลับ มีผู้สูญหายหลายร้อยคน ในบรรดาผู้สูญหาย มี ผู้บำเพ็ญเพียรขอบเขตรวบรวมลมปราณ 8 คน และ 26 คนในขอบเขตเปิดภูมิปัญญา
ระดับความอันตราย: 9 ดาว
รางวัล: อยู่ระหว่างการพิจารณา
ยังมีภารกิจอีกมากที่เขียนไว้ ฉินห่าวสูดลมหายใจเย็นเยียบ คาดไม่ถึงว่านิกายเซียวเหยาจะมีปัญหามากมายขนาดนี้ และห้ามลืมนะว่านี่เป็นภารกิจที่ขอบเขตเปิดภูมิปัญญาสามารถรับได้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ไม่นานฉินห่าวก็เริ่มตื่นเต้น! เพราะที่เห็นตรงหน้า จะอันไหนมันก็ล้วนมีโอกาสช่วยเพิ่มค่าความเกลียชังให้เขา!
“โอ้ นั่นไม่ใช่ศิษย์พี่ฉินหรอกหรือ? ท่านก็มารับภารกิจที่นี่เหมือนกัน?”
ณ ขณะนี้ มีเสียงดังมาจากด้านหลังเขา
ฉินห่าวหันกลับมามอง สองตาต้องหรี่ลงทันที
เป็นเหลียวไฮ่!
จางยู่หลงที่ถูกเขาล่อลูกปืนใหญ่ยิ่งตายคราวก่อนเป็นลูกพี่ลูกน้องของมัน และมันยังเป็นสาวกอันดับ 2 เช่นเดียวกับตน
ชายผู้นี้กล่าวกันว่าชอบกลั่นแกล่งผู้คนยิ่งกว่าจางยู่หลงเสียอีก
ตอนนี้ทั้งสองอยู่ในชั้นเดียวกัน แต่กลับมาเรียกตนว่าศิษย์พี่ เห็นได้ชัดว่ามีแผนอะไรบางอย่าง
หลังจากเก็บตัวมาหลายวัน ผลงานของฉินห่าวในสนามรบเป็นที่รู้กันทั่วแล้ว สาวกชั้นสูงมากมายต่างอิจฉาเขา ....