บทที่ 310 – หน้ากากลึกลับ
นั่นทำให้เขาถึงกับขมวดคิ้ว “นายท่าน ระดับของอุปกรณ์พวกนี้นั้นสูงมากแล้วนะ แล้วมันก็เป็นของสะสมของข้าด้วย!”
ผมยังส่ายหน้า “ของพวกนี้ ไม่มีประโยชน์อะไรกับข้าเลยแม้แต่น้อย ถ้าเจ้าไม่มีของอย่างอื่นแล้ว ข้าคงต้องขอตัวเลยแล้วกัน”
ดูเหมือนว่าพ่อค้าคนนี้จะไม่มีลูกค้ามาเป็นเวลานานมากแล้ว ดวงตาของเขาเริ่มมีอาการลังเล “ได้โปรดลองดูของสิ่งนี้ก่อน นี่เป็นชิ้นที่ดีที่สุดของข้าจริง ๆ แล้ว” แล้วเขาก็เลื่อนพื้นของกล่องไม้นั่นออกมา เปิดเผยให้เห็นถึงช่องลับที่ซ่อนเอาไว้ ในนั้นมีอะไรบางอย่างวางอยู่ มันมีลักษณะบางคล้ายกับกระดาษ มีแสงสีเงินจาง ๆ เปล่งประกายออกมา ผมไม่คุ้นเคย หรือมีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับของลักษณะนี้มาก่อน แต่รับรู้ถึงพลังเวทย์อันมหาศาลของมันได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องสงสัยเลย ว่ามันเป็นของที่พิเศษเป็นอย่างยิ่ง
“ของสิ่งนี้คืออะไร?” ผมกล่าวถามออกไปเรียบ ๆ
เขาตอบกลับมาอย่างลังเลเล็กน้อย “ข้าเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน ว่าของสิ่งนี้คืออะไร แม้ว่าจะได้มันมาครอบครองเป็นระยะเวลาที่นานไม่น้อยแล้ว ได้แต่เรียกมันว่า ‘หน้ากากผู้กล้า’ เท่านั้น หลังจากที่สวมใส่ลงไป ไม่เพียงแต่มันจะช่วยปิดบังใบหน้าให้เท่านั้น ความบางและเบาของมัน จะทำให้คนที่ใส่มันไว้แทบจะไม่รู้สึกรำคาญเลย และข้ายังได้ยินมาอีกว่า มันมีพลังเวทย์จำนวนมากอยู่ในหน้ากากนี้ด้วย มันนับว่าเป็นสมบัติอย่างหนึ่งเลยทีเดียว ถ้าท่านสนใจ ข้าสามารถคิดราคาที่สมเหตุสมผลให้กับท่านได้”
หน้ากากอย่างนั้นหรือ? น่าสนใจดีเหมือนกัน! ผมหยิบหน้ากากใบนั้นขึ้นมาดู มันดูเรียบลื่นเป็นอย่างมาก เบาจนเหมือนจะแทบไม่มีน้ำหนัก ผมไม่มีเบาะแสแม้แต่นิดเดียว ว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากวัสดุอะไร หลังจากที่ดูอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง ผมก็ตัดสินใจสวมมันลงไปที่ใบหน้าของตัวเองอย่างระมัดระวัง น่าประหลาดใจไม่น้อย ที่มันสามารถติดเข้ากับใบหน้าของผมได้อย่างสมบูรณ์ด้วยตัวมันเอง ไม่ต้องใช้แรงกด หรือช่วยขยับให้มันเข้าที่เลยแม้แต่น้อย และส่งความรู้สึกที่เย็นสบายออกมา หลังจากที่สวมหน้ากากใบนั้นลงไปเพียงครู่เดียว ผมก็รู้สึกว่าร่างกายสัมผัสได้กับพลังบางอย่างที่มีความแตกต่างจากที่เคยมี จึงรีบถ่ายพลังเวทย์ของตัวเองเข้าไปในหน้ากากทันที และมันสามารถดูดซับเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ดาบศักดิ์สิทธิตรงบริเวณหน้าอกของผมขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะส่งพลังของตัวเองออกมาด้วย สร้างเป็นความเชื่อมโยงกับหน้ากากเอาไว้ และมันทำให้หน้ากากเปล่งแสงสีเงินที่เข้มขึ้นออกมา หน้ากากใบนี้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก มันปิดเฉพาะครึ่งบนของใบหน้าผมเอาไว้เท่านั้น ส่วนปลายของจมูก และปากของผมนั้นไม่ได้ถูกปกปิดไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ปิดบังแผลเป็นส่วนใหญ่บนใบหน้าของผมได้ อุปกรณ์ชิ้นนี้มีประโยชน์ต่อผมมากจริง ๆ แล้วมันยังมีพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวอีกด้วย หรือว่าหน้ากากใบนี้ ก็เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน?
พ่อค้าร่างเล็กที่ยืนมองอยู่ด้านข้าง เอ่ยถามออกมาด้วยความกระวนกระวาย “เป็นอย่างไรบ้าง? ข้าพูดเอาไว้ไม่ผิดใช่หรือไม่ ท่านดูสิ ตอนที่ท่านใส่มันลงไปแล้ว มีแสงสีเงินปรากฏออกมาด้วย มันคงจะยอมรับท่านเป็นเจ้าของมันแล้วแน่ ๆ”
ผมยิ้มให้เขา “ข้าต้องการของชั้นนี้ มันมีราคาเท่าไร?”
เขาถูมือไปมาอย่างตื่นเต้น “นี่...เรื่องนี้.. ข้าซื้อหน้ากากใบนี้มาในราคา 10,000 เหรียญทอง ในเมื่อมันเป็นโชคชะตาที่ท่านจะได้เป็นเจ้าของคนต่อไปของมัน ข้าจะคิดราคาเพียงแค่ 8 ส่วนเท่านั้นก็พอ มันจะเป็นมูลค่า 8,000 เหรียญทอง ท่านคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ผมได้ยินแล้วก็ชะงักไปเล็กน้อย เมื่อนึกได้ว่า ตัวเองไม่ได้นำเงินติดตัวมามากขนาดนั้น แม้ว่า 8,000 เหรียญทองจะไม่ได้มีค่าอะไรมากนักสำหรับผม แต่เงินในตัวนั้นไม่เพียงพออย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้น ผมชื่นชอบหน้ากากใบนี้มากจริง ๆ จึงได้แต่กล่าวออกไปแบบละอายใจเล็กน้อย “ต้องขออภัยด้วย แต่ตอนนี้ข้าไม่มีเงินมากขนาดนั้นติดตัวอยู่เลย”
เมื่อเขาได้ยินว่าผมไม่มีเงิน ท่าทางของพ่อค้าร่างเล็กก็เปลี่ยนไปทันที อาการประจบเอาใจที่เคยปรากฏอยู่ มันหายไปอย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนเป็นท่าทางที่ดุร้าย สายตาที่ส่งออกมาแสดงอาการดูถูกเป็นอย่างมาก เริ่มยื่นมือมาที่ใบหน้าของผม “เจ้าเป็นนักเวทย์ได้อย่างไร? ถ้าไม่มีเงินแค่นี้ติดตัว? ส่งหน้ากากคือมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ เสียเวลาจริง ๆ เลย” แต่ก่อนที่มือของเขาจะสัมผัสกับใบหน้าของผม หน้ากากใบนั้นก็เปล่งแสงออกมา และกระแทกมือของเขาให้กระเด็นกลับไป
นั่นทำให้เขาตวาดออกมาด้วยความโกรธ “อะไรกัน? เจ้าคิดที่จะขโมยอย่างนั้นหรือ? รีบคืนมันมาเดี๋ยวนี้!”
ผมรีบตอบกลับไป “ข้าต้องการของชิ้นนี้มากจริง ๆ เอาอย่างนี้เป็นอย่างไร ข้าจะแลกเปลี่ยนของบางอย่างกับหน้ากากใบนี้ก็แล้วกัน”
เขาคำรามออกมาอย่างเย็นชา “อย่างเจ้านะหรือ? แต่งตัวมอมแมมแบบนี้ จะมีอะไรที่มีค่ามากพอจะแลกเปลี่ยนได้ ไม่ต้องพูดแล้ว รีบคืนหน้ากากกลับมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าไม่ขายมันแล้ว”
“ไม่! แลกเปลี่ยนหน้ากากใบนั้น กับถุงผ้าที่อยู่ในมือของเขาเสีย” เสียงทุ้มต่ำดังเข้ามาจากนอกบ้าน แล้วร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู ตอนที่ผมหันกลับไปมอง ก็พบว่าเป็นชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง รูปร่างดูกำยำ มีความสูงมากกว่าผมเสียอีก น่าจะสูงพอ ๆ กับพี่ใหญ่จ้านหู่เลยทีเดียว สายตาที่มองเข้ามา เต็มไปด้วยความดุร้าย เขาไม่น่าจะใช่คนใจดีแน่ ๆ
พ่อค้าร่างเล็กรีบกล่าวออกมาอย่างเคารพ “พี่ใหญ่! ท่านกลับมาแล้ว เจ้าหมอนี่ทำให้ข้าเสียเวลาไปทั้งวัน แล้วยังจะขโมยสินค้าของข้าอีกด้วย”
ชายร่างใหญ่จ้องกลับไปที่เขา “ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าแลกเปลี่ยนมันกับถุงผ้าในมือเขาหรอกหรือ?” แล้วเขาก็หันกลับมาทางผม “เจ้าจะทำการแลกเปลี่ยนหรือไม่?”
ไม่มีทาง! ผมจะแลกคทาเวทย์ซู่เกอลากับเขาได้อย่างไร? จึงได้แต่ส่ายหน้ากลับไป “ข้าไม่สามารถใช้มันเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนได้ แต่ขอถาม ทำไมเจ้าถึงอยากได้ถุงผ้านี่ล่ะ?”
เขาคำรามออกมา “ถ้าข้าไม่ได้มีสายตาที่พอใช้ได้อยู่บ้าง จะทำการค้าขายอยู่ได้อย่างไรตั้งหลายปี การค้าของข้าคือซื้อขายแลกเปลี่ยนอุปกรณ์เวทย์มนต์นะ ถุงผ้าแค่นั้น ปกปิดอะไรจากสายตาข้าไม่ได้หรอก ในนั้นน่าจะเป็นคทาเวทย์ที่ทรงพลัง ข้าสามารถสัมผัสถึงมันได้ตั้งแต่อยู่ข้างนอกแล้ว ดังนั้น มันมีค่าพอที่จะแลกเปลี่ยนกับหน้ากากผู้กล้าของข้าได้”
แต่คทาเวทย์ซู่เกอลาในมือของผม เคยเป็นอาวุธคู่มือของเทพมังกร ผมจะสามารถแลกเปลี่ยนมันกับหน้ากากที่ยังไม่รู้แน่ชัดถึงพลังได้อย่างไร ผมทำไม่ได้หรอก! แล้วอีกอย่างหนึ่ง คทาเวทย์ซู่เกอลาได้พิสูจน์แล้ว ว่ามันมีประโยชน์ต่อผมมากมายมหาศาล แล้วผมจะทำอย่างไรดีล่ะ ระหว่างที่คิดเรื่องพวกนี้อยู่ จิตสำนึกภายในก็สำรวจดูในกระเป๋ามิติ เพื่อหาสิ่งของที่มีค่ามากพอที่จะแลกเปลี่ยนกับพวกเขาได้ แล้วผมก็พบกับของบางอย่าง ที่ทำให้ผมตกใจอย่างมากเลยทีเดียว
“เอาอย่างนี้เป็นอย่างไร? ข้าคงไม่สามารถแลกเปลี่ยนด้วยคทาเวทย์ได้ แต่ข้ามีสิ่งของอย่างอื่นอีก และคิดที่จะใช้มันแลกเปลี่ยนกับพวกเจ้า รับรองได้เลยว่า พวกเจ้าไม่เสียเปรียบแน่”
ชายร่างใหญ่ตอบกลับมา “เอาของสิ่งนั้นออกมาดูก่อน ถ้ามันเป็นของชั้นดีจริง ๆ พวกเราสามารถต่อรองกันได้ แต่อย่าได้คิดที่จะหลอกลวงข้าแม้แต่นิดเดียว มันไม่มีทางรอดพ้นจากสายตาของข้าได้แน่ ภายในป้อมปราการแห่งนี้ ข้ามีชื่อเสียงในด้านการตีราคาอุปกรณ์เวทย์เป็นอย่างมากอยู่แล้ว”
ผมเอ่ยตอบแบบยิ้ม ๆ “วางใจได้เลย มันต้องทำให้พวกเจ้าพอใจได้แน่” พร้อมกับเปิดกระเป๋ามิติขึ้นมา และยื่นมือเข้าไปหยิบของที่กล่าวถึงออกมา
และนั่นทำให้ชายร่างใหญ่ตกใจมาก “เวทย์มิติอย่างนั้นหรือ? เจ้าเป็นนักเวทย์ระดับสูงจริง ๆ หรือนี่?” ในโลกแห่งนี้ นักเวทย์เป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ยิ่งถ้าเป็นนักเวทย์ที่มีระดับสูง จะยิ่งได้รับความเคารพจากคนอื่นไม่น้อย
แต่ผมไม่ได้สนใจในอาการตกตะลึงของเขาเลย เมื่อหยิบของออกมาได้แล้ว ก็ยื่นส่งต่อให้กับเขาในทันที “ข้าจะใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนกับพวกเจ้า คิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?” มันเป็นม้วนเวทย์มนต์ม้วนหนึ่ง
พ่อค้าร่างเล็กรีบตวาดออกมา “ไม่มีทาง! เจ้าคิดจะแลกสมบัติของพวกเรา ด้วยกระดาษแผ่นเดียวนี่นะ!”