บทที่ 2
บทที่ 2
ทุกคนมองเหตุการณ์ด้านล่างอย่างเหม่อลอย สำหรับนิกายเซียวเหยาที่สงบสุขเสมอมา ฉากนี้สะเทือนใจมาก
“นี่มันสำนักเซี่ยเจี้ยน?” ฉินห่าวอดทนต่อแรงกระตุ้นที่จะอาเจียน จ้องมองสนามรบในระยะไกล และพบว่ามีสองฝ่ายอยู่ที่นั่น ฝ่ายหนึ่งคือเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องจากนิกายเซียวเหยา และอีกฝ่ายหนึ่ง คือสำนักเซี่ยเจี้ยนที่ก่อสงครามเพื่อผนวกนิกายเซียวเหยาในครั้งนี้
ณ ขณะนี้ เรือเหาะค่อยๆ ลงจอดในค่ายของนิกายเซียวเหยา แต่ในเวลานี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่อีกแล้ว
“น่าชังนัก! พี่น้องทั้งหลาย ไปช่วยกันฆ่าพวกมัน!” ฉินห่าวคำราม วิ่งตรงออกไป แม้ว่าเขาจะมีชีวิตในโลกนี้ได้เพียงไม่กี่วัน แต่ศิษย์พี่ศิษย์น้องส่วนมากเป็นมิตร มันเป็นอะไรที่ดีมากๆสำหรับเขา กระนั้น เวลานี้พวกเขากลับถูกสังหาร แล้วจะให้ทนได้อย่างไร?
“ฮึ่ม! ไอ้ตัวไร้ค่า อยู่แค่ขอบเขตรวบรวมลมปราณขั้น 1 กล้าดียังไงมาทำตัวเป็นผู้นำ!”
จางยู่หลงได้สติกลับมา แค่นเสียงเย็นชา แต่ไม่ขยับเคลื่อนไหว
ได้ยินได้เห็นแบบนั้น สาวกคนอื่นๆก็มองเขาด้วยความขยะแขยงทันที
หากทุกคนปอดแหกแบบเดียวกับเจ้า นิกายเซียวเหยาคงไม่อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้หรอก!
แม้ว่าพวกเขาจะกลัวเช่นกัน แต่ก็ไม่ขี้ขลาด!
ทุกคนต่างก็มีความทะเยอทะยานเป็นของตัวเอง ดังนั้นไม่ต้องพูดอะไรมาก รีบวิ่งตามฉินห่าวออกไป
ใบหน้าของจางยู่หลงเริ่มมืดมน ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยอมตามคนอื่นๆไป เพราะอย่างน้อยๆในกลุ่มตัวรับกระสุนพวกนี้ ไม่มีทางที่ตนจะตายก่อนแน่นอน
เวลานี้ เฉินห่าวได้บุกเข้าสู่สนามรบ เสียงคำรามในหูอื้ออึงอย่างต่อเนื่อง เขาหยิบดาบขึ้นมา เข้าฟาดฟันผู้บำเพ็ญเพียรในชุดสีแดงอย่างไม่เลือกหน้า
สนามรบกว้างใหญ่ คนที่สู้มีฐานบำเพ็ญเพียรกระจัดกระจายกันไป แต่ที่แน่ๆ ผู้อยู่แค่ขั้น 1 ขอบเขตรวบรวมลมปราณเช่นเขามีไม่มากนัก
พัฟฟฟฟ
ใบดาบสีหม่นแทงเข้าอกศัตรู เมื่อดึงออกเลือดสดๆสาดกระเซ็น
ฉินห่าวยกมือขึ้นแตะเลือดบนใบหน้าตัวเอง มองไปรอบๆ และพบว่าทุกแห่งเจิ่งนองไปด้วยเลือด ราวกับแผ่นดินถูกย้อมด้วยธารโลหิต เลือดในกายตนก็เริ่มเดือดพล่าน
เขาเกิดมาในหัวเซี่ยที่ให้ความสำคัญกับรากเหง้า ตอนนี้ข้ามมิติมายังนิกายเซียวเหยา แม้ใช้ชีวิตได้ไม่สุขสบาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ดีไปเสียทุกอย่าง
และเมื่อคิดถึงสถานการณ์ตอนนี้ดีๆ จะพบว่านิกายเซียวเหยาคือรากเหง้าของตัวเขา หากผู้ใดต้องการทำลายรากเหง้าของตน เช่นนั้นก็ต้องกล้ารอรับการแก้แค้น!
ฉินห่าวยกแขนที่อ่อนล้าขึ้นอีกครั้ง เขาฟันไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ร่างกายอยู่ในสภาพอิดโรย
ฟัฟฟฟฟ!
และในตอนนั้นเอง กระบี่เล่มหนึ่งแทงทะลุหน้าอกเขา ฉินห่าวสำรอกเลือดเต็มปาก เขากัดฟันแน่นฝืนยื้อตัวเอง เหวี่ยงดาบหมุนกลับหลังอย่างไม่ลังเล
“อ๊ากกกก!” ดาบฟันเข้าที่ใบหน้าของผู้ลอบโจมตี สร้างบาดแผลลากยาวตั้งแต่หน้าผากลงมาถึงปาก หนังเหวอะออกเผยให้เห็นเนื้อข้างใน ดูน่าสยองขวัญเป็นอย่างยิ่ง
“ฮู้ว ... !”
ฉินห่าวคุกเข่าลงบนพื้น สองหูอื้ออึงเพราะได้ยินแต่เสียงตะโกนฆ่าฟัน ตาทั้งสองข้างหลั่งเลือด ยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว
ชีวิตแรกคงมาได้แค่นี้!
“ไม่รู้ว่าความสามารถของระบบเป็นของจริงรึเปล่า ยังไม่เคยได้ลองเลย เฮ้อ แต่ยังไงก่อนข้ามมิติมาข้าก็เคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ตายอีกรอบคงไม่เป็นอะไร”
ฉินห่าวล้มตัวคว่ำลงกับพื้น สองตาพร่ามัว ลมหายใจยิ่งมายิ่งอ่อนแรง จนกระทั่งไม่เหลือลมหายใจใดๆอีก
...
สิบวินาทีต่อมา ฉินห่าวสัมผัสร่างกายตัวเองด้วยความงุนงง และพบว่าแผลเดิมที่หน้าอกไม่มีแล้ว เขาเหยียดแขนออกแล้วลองกำมือดู พบว่ามันเต็มไปด้วยพละกำลัง ราวกับว่าได้กลับมาในสถานะเดียวกับตอนอยู่บนเรือเหาะ
“นี่...มันวิเศษมาก! การฟื้นคืนชีพยังช่วยเพิ่มพละกำลังให้กลับมาด้วย!”
ฉินห่าวยืนขึ้น อุทานด้วยความทึ่ง ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ในเมื่อไม่ตายแถมพอฟื้นพลังยังกลับมาเต็มเปี่ยม แล้วเขายังต้องกลัวอะไรอีก?
“พวกเจ้าทุกตัวที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นขยะทั้งสิ้น! หากแน่จริงก็เข้ามาฆ่าข้าให้ตาย!” ฉินห่าวคำราม เสียงดังกระจายไปทั่ว
ในพริบตา ทุกสิ่งรอบตัวเงียบสงัด เหล่าสาวกสำนักเซี่ยเจี้ยนหันพรึ่บมาอย่างพร้อมเพรียงจ้องมองด้วยดวงตาสีแดงเข้ม
“ฆ่า!
“ฆ่าเขา!”
“ไอ้สารเลวนั่นมันกล้าด่าพวกเราเป็นขยะ!”
“ฮึ่ม อยู่แค่ขั้น 1 ขอบเขตรวบรวมลมปราณ ใครมอบความกล้าให้เจ้าพูดเช่นนี้!?”
ฉินห่าวมองกลุ่มคนที่วิ่งเข้ามา เจ้าตัวเผยรอยยิ้มร่า ความรู้สึกนี้ ... มันเท่ซะไม่มี!!
เห็นเพียงฉินห่าวชูดาบขึ้น ตวัดฟันมั่วซั่ว และดาบที่สามปาดเข้าคอศัตรู สังหารเพิ่มได้อีกหนึ่ง
เขาฆ่า ฆ่า และฆ่าไม่หยุด จนไม่ทราบว่าฆ่าไปกี่คนแล้ว ระหว่างนี้ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นในหัวไม่หยุด
กรรรร!
ในตอนนั้นเอง จู่ๆสัตว์ประหลาดตัวใหญ่คืบคลานออกมาจากค่ายของสำนักเซี่ยเจี้ยน ร่างกายของมันใหญ่โต สูงประมาณ 20-30 เมตร เพียงย่ำเท้าเดียว สาวกนิกายเซียวเหยาที่หลบไม่ทันถูกบดขยี้ และบริเวณรอบๆมีผู้ได้รับบาดเจ็บนับไม่ถ้วน