นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 26 - การหมุนเวียน 1,000 รอบ
แล้วเธอก็โยนเขาออกไปจากความคิดของตัวเองหลังจากนั้นไม่นานนัก
ส่วนตัวของเดวิดเอง ก็เพิ่งที่จะกล้าค่อย ๆ ลอบเหลือบมองไปทางครูฝึก เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้จ้องมองมาทางเขาอีกแล้ว ก็ปล่อยลมหายใจที่กลั้นเอาไว้อยู่นานออกมา
และนั่นทำให้เขาต้องชะงักไปอีกครั้งหนึ่ง เพราะแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าเขาคิดหลอนไปเองหรือไม่ แต่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายนั้นเบาสบายขึ้นอีก รู้สึกได้แม้กระทั่งว่ากล้ามเนื้อของเขาแข็งแรงมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เขาอาจจะคิดไปเองจริง ๆ ก็ได้ ถ้ายังไม่ได้มีการทดลองเพื่อยืนยันมันอย่างจริงจัง เขาไม่กล้าสรุปอะไรในตอนนี้ทั้งนั้น ได้แต่พึมพำเบา ๆ กับตัวเองอยู่คนเดียวสักพัก ก่อนที่จะตัดสินใจปล่อยวางมันเอาไว้ก่อน
และเริ่มกลับมาให้ความสนใจกับครูฝึกเอลล่า ที่เหมือนกำลังจะกล่าวอะไรออกมาอีกครั้ง
“ตอนนี้ พวกเธอทุกคนที่อยู่ด้านนี้ คือคนที่ผ่านการทดสอบการเริ่มต้นมาได้ ฉันจะอธิบายเรื่องพื้นฐานบางอย่างให้เป็นความรู้เบื้องต้นไปก่อน และแน่นอน ฉันไม่ใช่ครูฝึกที่จะมาสอนบทเรียนวิทยาศาสตร์ให้พวกเธอ สิ่งที่ฉันจะพูด ได้รับการพิสูจน์มาหมดแล้ว และฉันจะอธิบายมันอย่างรวดเร็วอีกด้วย คงไม่ต้องให้เตือนหรอกนะ ว่าต้องฟังเงียบ ๆ อย่างตั้งใจ”
“ห้ามขัดจังหวะฉันขึ้นมาโดยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น วันนี้ก็เลิกเรียนกันได้เลย” ครูฝึกเอลล่าประกาศออกมารวดเดียวยาวเหยียด สายตาที่เธอใช้จ้องมองนักเรียน มันบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า อย่าถามเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นได้เจอดีแน่!
และถ้าใครไปเผลอทำให้เธอโกรธขึ้นมา บางทีอาจจะได้รับการสอนจากเธอแบบตัวต่อตัว ...ด้วยแส้!
“ความรู้สึกที่พวกเธอรับรู้กันได้อยู่ตอนนี้ มาจากวัตถุพิเศษที่ถูกปลูกถ่ายเข้าไปในร่างกาย” หลังจากที่เธอจ้องขู่นักเรียนอยู่สักพัก เธอก็กล่าวออกมาต่อ และเลือกที่จะอธิบายพวกเขาว่ามันเป็น ‘วัตถุพิเศษ’ มากกว่าที่จะบอกความจริง ว่ามันเป็นชิ้นส่วนของอวัยวะที่มาจากสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ และได้รับการเตรียมการเป็นพิเศษโดยสมาคมพันธุกรรม
ถ้าเธอบอกความจริงเรื่องนี้กับนักเรียนไปตามตรง พวกเขาจะต้องสติแตกอย่างแน่นอน ถ้าได้รู้ว่ามีสิ่งที่น่าขยะแขยงจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ฝังอยู่ในร่างกายของตัวเอง ใครจะไปรู้ได้ว่า เหตุการณ์มันจะมีอะไรบานปลายหรือไม่
และหลังจากที่นักเรียนได้ยินคำกล่าวนี้ของเธอ พวกเขาก็เริ่มพูดคุยถึงข้อมูลที่ได้รับมาใหม่นี้ จนทำให้สีหน้าที่ค่อนข้างจะเรียบเฉยของเอลล่าเริ่มเปลี่ยนดุร้ายขึ้น และใช้เท้ากระทืบลงที่พื้นอย่างแรง
ตึง!
บนพื้นปรากฏหลุมลึกขนาดกว้าง 1 เมตรขึ้นมาทันที แรงกระทืบของเธอยังส่งผลให้มีฝุ่นควันลอยคลุ้งไปหมด หน้าอกของเธอสั่นกระเพื่อม สร้างเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจออกมา แต่น่าเสียดาย มันถูกบดบังด้วยฝุ่นที่ลอยคลุ้งอยู่บนอากาศอย่างรวดเร็ว
เห็นได้ชัดว่าครูฝึกเอลล่าไม่ได้ใช้พลังของเธออย่างเต็มที่ แต่นั่นก็ยังส่งผลให้นักเรียนทั้งหมดเงียบเสียงลงได้
นั่นทำให้เอลล่าพอใจอยู่ไม่น้อย เธอพยักหน้าเล็ก ๆ ก่อนที่จะกล่าวต่อจากเดิม
“เหมือนที่พูดไปเมื่อกี้ วัตถุนั่นถูกฝังเอาไว้ในร่างกายของพวกเธอ และสามารถช่วยทำให้พวกเธอกลายเป็นสุดยอดผู้เชี่ยวชาญได้ ถ้าได้รับการฝึกฝนอย่างถูกวิธี” แล้วครูฝึกเอลล่าก็หยุดคำพูดของตัวเองลงชั่วครู่ กวาดสายตาจ้องเข้าไปในตาของนักเรียนแต่ละคน เมื่อไม่เห็นว่ามีใครทำท่าจะก่อความวุ่นวายขึ้นมาอีก เธอก็เริ่มอธิบายต่อ
“มันจะช่วยเพิ่มความแข็งแรง และปรับปรุงร่างกายของพวกเธอไปพร้อมกัน แต่ผลที่จะได้รับกลับมา ว่าจะมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด มันก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเธอจะสามารถทำให้ความเร็วของการหมุนเวียนโลหิตในร่างกาย เคลื่อนไหวได้เร็วแค่ไหน?”
“คนปกติธรรมดาโดยทั่วไป ใน 1 นาที พวกเขาจะสามารถหมุนเวียนโลหิตจนทั่วร่างกายได้ 3 รอบ ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดที่พวกเขาจะทำได้แล้ว แต่พวกเธอนั้นแตกต่างออกไป เนื่องจากพวกเธอจะสามารถเพิ่มจำนวนรอบของการหมุนเวียนโลหิตได้ ด้วยวิธีฝึกฝนพิเศษ และยิ่งเลือดสามารถหมุนเวียนได้เร็วเท่าไร ความแข็งแรงที่พวกเธอจะได้รับกลับไป ก็จะยิ่งมากขึ้นตามไปเท่านั้น! ลองคิดตามดูให้ดี ๆ ว่าถ้าพวกเธอสามารถหมุนเวียนเลือดได้เป็น 1,000 ครั้ง พวกเธอจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน?” เธอจบประโยคด้วยโทนเสียงที่สูงขึ้นอย่างตั้งใจ
นักเรียนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิดของตัวเองในทันที ถ้ามนุษย์ธรรมดาโดยทั่วไป ทำได้ 3 รอบ พวกเขาจะสามารถหมุนเวียนโลหิตได้ 1,000 รอบใน 1 นาทีจริงหรือ? แล้วมันจะส่งผลต่อความแข็งแกร่งของพวกเขาได้อย่างไร
สีหน้าของพวกเขาแดงขึ้นด้วยความตื่นเต้น อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นมาในทันที
เดวิดก็หัวใจเต้นแรงไม่แพ้กับนักเรียนคนอื่น ๆ เลือดของเขาสูบฉีดไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว ความคิดที่ว่า เขาสามารถจะเป็นยอดฝีมือ เป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ได้ ทำให้เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ปล่อยให้นักเรียนตื่นเต้นกันอยู่ชั่วครู่ เอลล่าก็กล่าวออกมาอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลมากขึ้น “รู้สึกหรือไม่ หัวใจของพวกเธอนั้นเต้นเร็วมากกว่าปกติ?”
เดวิดหลับตาลงตามสัญชาตญาณ ใช้สมาธิอยู่กับเสียงหัวใจของตนเอง ที่ตอนนี้มันเต้นเสียงดังราวกับกลองที่ถูกระดมตีอย่างต่อเนื่อง
“พยายามรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของเลือดภายในร่างกาย สังเกตทิศทางการเคลื่อนที่ของมัน ดูว่ามันไปที่ไหนในร่างกายบ้าง” เดวิดทำตามคำแนะนำ และเริ่มรับรู้ได้ลาง ๆ ว่าเลือดในตัวเขา เคลื่อนที่อยู่ในร่างกายอย่างไรบ้าง
“พยายามคิดว่าร่างกายกำลังถูกเลือดพวกนั้นทำความสะอาด เสริมสร้างความแข็งแรง และเพิ่มพละกำลังให้แก่ร่างกายอยู่ รับรู้ถึงพลังให้ได้! แล้วอย่าลืมความรู้สึกนั้นอย่างเด็ดขาด” คำแนะนำยังดังออกมาเรื่อย ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน เดวิดก็รู้สึกได้ว่า ร่างกายเริ่มเบาสบาย กล้ามเนื้อมีความแข็งแกร่ง ข้อต่อเริ่มผ่อนคลาย ความรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองนั้นแข็งแรงขึ้น ปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน ราวกับว่าในตอนนี้ เขาสามารถที่จะควบคุมทุกชิ้นส่วนของร่างกาย ให้ทำได้ทุกอย่างตามที่ใจนึกเลยทีเดียว
เขาน่าจะสามารถบังคับกล้ามเนื้อให้ออกแรงส่งให้ลอยตัวขึ้น สูงเท่าไรก็ได้ตามที่ใจปรารถนา
นี่เป็นอีกหนึ่งความสามารถที่พวกเขาได้รับเพิ่มขึ้นมา แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ยังมีนักเรียนหลายคนที่ไม่เชื่อในคำพูดของครูฝึกไปหมดทุกอย่าง พวกเขาไม่ใช่เด็กไร้เดียงสา ไม่ใช่กบที่เคยอยู่แต่ในกะลาเท่านั้น การหมุนเวียนเลือดให้ได้ 1,000 รอบใน 1 นาทีอย่างนั้นหรือ? อืม! ถ้าเป็นไปได้จริง ๆ มันจะเท่ากับว่า คน ๆ หนึ่ง จะมีพลังเท่ากับมนุษย์ธรรมดา 1,000 คนเลยไม่ใช่หรือ?
ถ้ามีมนุษย์ที่ทรงพลังได้มากขนาดนั้น พวกเขาคงจะกวาดล้างสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ให้หมดสิ้นไปตั้งนานแล้ว คงจะไม่ตกอยู่ในสภาวะหลังชนฝา เสียเปรียบมากอย่างในปัจจุบันเป็นแน่
แล้วถ้ามีคนที่สามารถหมุนเวียนเลือดในร่างกายได้เร็วมากขนาดนั้นจริง ๆ 1,000 รอบต่อนาที เส้นเลือดของพวกเขาจะต้องแข็งแรงขนาดไหน มันน่าจะต้องแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเหล็กกล้า แล้วยังหัวใจอีกล่ะ มันคงจะทนทานมากกว่าไทเทเนียม ไม่อย่างนั้นคงจะทนแรงดันที่จะเกิดขึ้นไม่ไหวอย่างแน่นอน ยังไม่ต้องคิดถึงความดันเลือดเสียด้วยซ้ำ แรงเสียดสีที่เกิดขึ้นจากความเร็วที่มากขนาดนั้น ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ในเวลาไม่นาน
ยังไม่เคยมีใครสามารถประสบความสำเร็จแบบนั้นได้ และไม่น่าจะมีใครทำได้ในอนาคตอีกด้วย
ตามปกติโดยทั่วไปแล้ว เมื่อคน ๆ หนึ่งเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตจนถึงขีดจำกัด จนถึงขีดสุดที่ร่างกายจะรับได้ไหว พวกเขาจะหยุดฝึกฝนในด้านนี้ และเลือกใช้วิธีอื่นในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองแทน
ครูฝึกคนนี้แค่เพียงต้องการกระตุ้นพวกเขาเท่านั้น แต่มันก็เป็นเหมือนกับการให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ทำให้นักเรียนเริ่มฝันถึงสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย