ตอนที่ 7 ย้ายออกจากบ้าน(อ่านฟรี)
ตอนที่ 7 ย้ายออกจากบ้าน
หลังจากลงจากรถลุคก็ไม่ได้แวะที่อื่นอีกเลือกจะตรงกลับไปที่บ้านทันที
บ้านที่เขาพักอาศัยอยู่เป็นห้องเช่าขนาด 50 ตารางเมตร มี 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น และ 1 ห้องน้ำในตัวของตึกแมนชั่นเก่า ๆ หลังหนึ่ง ตั้งอยู่ในซอยบริเวณพื้นที่ระดับล่างในเขต 5 ของเมืองปลายฝน
ห้องเช่าแถบนี้มีราคาไม่เกิน 1,500 – 2,000 เครดิตต่อเดือน ถือว่าถูกมาก แต่คุณภาพก็ตามราคา ทั้งตึกและห้องค่อนข้างที่จะเก่า
หลังจากพ่อแม่เสียแล้ว บ้านหลังเดิมที่เคยอาศัยอยู่ก็ถูกธนาคารยึดไป เพราะไม่สามารถผ่อนบ้านต่อได้ ลุคที่ตอนนั้นยังเสียใจและตั้งตัวไม่ทันก็ได้แต่บอกตัวเองว่าต้องเติบโตขึ้นเป็นเสาหลักให้กับน้องสาวให้ได้
ถ้าไม่ใช่เขาที่ต้องเข้มแข็งแล้วจะเป็นใคร เขาสองพี่น้องไม่มีญาติอื่นอีก
อาศัยเงินที่เหลือติดบัญชีที่มีเหลือทิ้งไว้ให้พาน้องสาวเก็บข้าวของย้ายออกมาอาศัยอยู่ที่แมนชั่นหลังนี้
บางทีที่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาเฟียพวกนั้นพึ่งจะโผล่มา เพราะตามหาพวกเขาสองพี่น้องไม่เจอ
ลุคไม่ได้เข้าไปตึกแมนชั่นในทันที แต่เลือกจะหลบอยู่มุมด้านหนึ่งของถนนในซอย มองดูว่าที่แมนชั่นมีความผิดปกติอะไรหรือเปล่า อย่างเช่นมีคนมาดักรอพวกเขาหรือไม่
รออยู่สักพักก็มั่นใจว่าที่นี่ไม่มีคนนอกน่าสงสัย เขาจึงวางใจขึ้นมาบ้าง มาเฟียน่าจะยังไม่ค้นพบเรื่องของเขา
“ต้องรีบหน่อยแล้ว”
ลุคตรงไปยังห้องพักชั้น 2 หมายเลข 207 ก่อนจะเคาะประตูสองสามครั้ง
“เจนเปิดประตูให้พี่หน่อย”
ไร้เสียงตอบกลับไม่มีใครมาเปิดประตูให้กับเขา ในใจเริ่มหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง เขารีบมองไปข้างประตูยกกระถางต้นไม้ที่ไม่มีต้นไม้หยิบเอากุญแจห้องที่ซ่อนไว้ออกมาไขเข้าไปในห้อง
“เจน!”
ประตูเปิดพร้อมกับเสียงตะโกนกลับไม่มีใครอยู่ในห้อง สีหน้าเขาเริ่มร้อนใจ วันนี้เป็นวันหยุดน้องเขาไม่น่าจะไปโรงเรียน
เขาเริ่มสำรวจในห้อง
ตัวของเขานอนที่ห้องนั่งเล่น ส่วนห้องนอนยกให้น้องสาวเพราะเธอเป็นผู้หญิงและโตพอสมควรแล้ว เมื่อเปิดประตูในห้องนอนก็ไม่พบกับน้องสาวแถมทุกอย่างยังคงปกติดี แสดงว่าไม่มีใครน่าจะเข้ามาในห้องพักพวกเขา
หันไปมาสายตาเหลือบมองไปที่ประตูพบมีกระดาษโน้ตสีเหลืองแผ่นหนึ่งแปะติดอยู่
เขารีบก้าวเท้าเดินไปหยิบกระดาษโน้ตอ่านก่อนจะสีหน้าผ่อนคลายถอนหายใจโล่งอก
น้องสาวเขาไม่ได้หายตัวไป เพียงแต่วันนี้เธอไปที่โรงเรียนเพื่อทำอาสาที่ชมรมทางโรงเรียนจัดขึ้น เมื่อเช้าเขาออกไปก่อนเธอจึงไม่ทันได้บอก พอจะโทรหาแล้วแต่เขาก็ไม่รับสาย ทำให้เธอเขียนกระดาษโน้ตทิ้งไว้ให้
เจนไม่รู้เรื่องที่เขาตกลงกับพวกมาเฟียไปเป็นฮันเตอร์เถื่อน เขาไม่อยากให้เธอต้องมาแบกเรื่องราวเหล่านี้ ส่วนที่ว่าทำไมเขาไม่ได้รับสายโทรศัพท์ เพราะพอไปถึงจุดนัดพบมาเฟียจะเก็บโทรศัพท์ทุกคนไปไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอกเพื่อป้องกันเรื่องราวรั่วไหลออกไป
ทำให้ตอนนี้ลุคก็ไม่มีโทรศัพท์ด้วย
ลุคกำลังจะออกไปตามน้องสาว แต่นึกขึ้นมาได้ว่าควรจะเปลี่ยนชุดก่อน จึงหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งเข้าไปในห้องน้ำ ลุคถอดเสื้อออก พาดไว้ที่มุมด้านหนึ่ง
“...!”
ยังไม่ทันใสเสื้อลุคก็อุทานด้วยความตกใจ เพราะเขาเห็นตัวเองในกระจกและไม่อยากจะเชื่อสายตาสักเท่าไหร่ ตอนนี้ตัวของเขาเปลี่ยนไปอย่างน่าเหลือเชื่อ
ผิวที่หมองคล้ำจากการทำงานหนักกลับขาวใสจนดูน่าหลงใหล ร่างกายเหมือนมีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นขับเน้นให้ร่างกายสมส่วนขึ้นอย่างชัดเจน และที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดคือใบหน้าที่ทั้งคล้ำและมีหลุมสิวกลับกลายเป็นเกลี้ยงเกลา ใบหน้าเรียบเนียนรวมกับคิ้วที่หนาดำส่งให้ใบหน้าดูคมสันมากขึ้น
โดยรวมแล้วเขากลับกลายเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีไปแล้ว
“ผลจากการปลุกพลังตื่นขึ้น?”
ดูเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นผลมาจากตอนที่ปลุกพลังตื่นขึ้นร่างกายจะฟื้นฟูรักษาตัวเอง เขาเหมือนจะประเมินผลของมันน้อยไปหน่อย
สิ่งนี้ทำให้ลุคนึกไปถึงตอนที่อาบน้ำในแม่น้ำ ปรากฏว่าที่ขัดอยู่นานนั้นไม่ใช่เพราะเลือด แต่คงเป็นเซลล์ผิวเก่าที่หลุดออกมาด้วย เขาไม่ทันได้แยกแยะคิดว่าเป็นคราบเลือดที่แห้งติด จึงไม่รู้สึกตัว
ตอนนี้ลุคคิดว่าตัวเองก็หล่อเหมือนกัน
“ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ เราควรรีบหน่อย”
ลุคกล่าวเตือนใจตัวเองรีบเปลี่ยนชุดหยิบของจำเป็นใส่รองเท้าออกไปจากห้องตรงไปยังโรงเรียนทันที
...
โรงเรียนที่เรียนเป็นโรงเรียนรัฐบาลประจำเขต 5 มันตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ใช้เวลาแค่ 20 นาทีก็มาถึงแล้ว แต่เขาไม่สามารถเข้าไปด้านในโรงเรียนได้ตามกฎของโรงเรียนที่ไม่ให้คนนอกเข้า
ลุคไม่ได้เข้าไปหายามหน้าประตู แต่เดินไปที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม เพื่อขอใช้โทรศัพท์ของทางร้าน
รอสายสักพักในที่สุดน้องสาวของเขาก็รับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“เจนนี่พี่นะ ออกมาที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามหน้าโรงเรียนหน่อย”
“พี่เหรอคะ พี่มาทำอะไรที่นี่ รอเดี๋ยวนะหนูจะรีบออกมา”
หลังจากวางสายลุคก็ไปที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียน วันนี้เป็นวันหยุดที่ร้านจึงไม่ค่อยมีคน นอกจากลูกค้าขาจรที่ผ่านไปมาและลูกค้าประจำเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ลุคหาที่นั่งตรงมุมร้าน ก่อนจะตัดสินใจสั่งกาแฟสักแก้วหนึ่ง ปกติแล้วเขาไม่เข้าร้านกาแฟแบบนี้ เนื่องจากเขาต้องการประหยัดเงิน แต่ในวันนี้สถานการณ์ต่างออกไปและเขาก็มีเงินสดอยู่มากพอให้ซื้อกาแฟสักแก้วหนึ่ง อีกเหตุผลคือ เขาไม่อยากให้น้องสาวตากไปยืนแตกแดดร้อน ๆ ด้านนอก เนื่องจากร่างกายของเธออ่อนแอมากอยู่แล้ว
ผ่านไปสักพักก็มีเด็กสาวอายุ 15 ปี ไม่สูงมากนักร่างกายผอม ผิวซีดขาว ท่าทางอ่อนโยน แต่งกายด้วยชุดกระโปรงสีขาวทำให้ดูบริสุทธิ์และไร้เดียงสา เด็กสาวข้ามถนนมาที่ร้านกาแฟ ก่อนจะกวาดสายตามองก็เห็นชายหนุ่มนั่งอยู่ด้านในจึงเผยรอยยิ้มด้วยความดีใจรีบเดินเข้ามาในร้าน
พนักงานและลูกค้าบางคนอดที่จะมองดูเด็กสาวที่น่ารักไม่ได้
“พี่มีเรื่องอะไรเหรอคะ วันนี้พี่ไม่ไปทำงานที่ร้าน”
“เอ้! หน้าพี่สิวหายไป พี่ชายหนูหล่อมากเลย” เด็กสาวประหลาดใจและยินดี
เด็กสาวคนนี้คือ เจน เธอนั่งลงตรงข้ามกับพี่ชายและพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นท่าทางสงสัย เธอรู้ดีว่าพี่ชายนั้นต้องทำงานอยู่เสมอ จึงน้อยครั้งมากที่จะมาหาเธอที่โรงเรียน
“เรื่องมันยาวไว้เดี๋ยวพี่จะเล่า ว่าแต่น้องจะดื่มอะไรไหม”
“หนูยังไม่หิวค่ะ”
“พี่สั่งไว้แล้ว”
เจนปฏิเสธเพราะต้องการประหยัดเงิน แต่ลุครู้อยู่แล้ว จึงสั่งของที่น้องสาวชอบไว้ เป็นชาเขียวปั่นตกแต่งด้านบนด้วยวิปปิงครีมและปิดท้ายด้วยการโรยผงชาเขียวและเค้กชาเขียวอีกหนึ่งชิ้น พนักงานนำมาเสิร์ฟให้
น้องสาวมองพี่ชายด้วยท่าทางสงสัย ก่อนจะเอ่ยถาม
“พี่ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่ไหมคะ”
สีหน้าและแววตาของลุคกลับเป็นจริงจัง
“น้องเชื่อใจพี่ใช่ไหม”
“หนูเชื่อพี่ค่ะ” เจนแทบจะตอบกลับในทันที โดยไม่ต้องคิดอะไร สำหรับเธอแล้วพี่ชายคือคนที่เธอเชื่อใจมากที่สุดในชีวิต
“อืม” ลุคพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “กลับบ้านกันก่อนเดี๋ยวพี่จะเล่ารายละเอียดให้ฟัง”
...
หลังจากกลับมาถึงบ้านลุคก็ไม่รอช้าเล่าเรื่องมาเฟียและข้อตกลงให้ฟัง ก่อนจะเป็นเรื่องของการเป็นฮันเตอร์เถื่อน แน่นอนว่าเขาข้ามรายละเอียดที่เกิดขึ้นที่ชิ้นส่วนโลกต่างมิติไป สุดท้ายความลับที่บอกอีกอย่างคือ เขานั้นกลายเป็นเหนือมนุษย์แล้ว
ความลับในการกลายเป็นเหนือมนุษย์ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังน้องสาวของเขา ซึ่งผลของมันทำให้สภาพร่างกายเขาเป็นอย่างนี้
น้องสาวตั้งใจฟังโดยที่สีหน้าท่าทางแทบไม่เปลี่ยนไปเลย ผิดจากท่าทีของเด็กสาวทั่วไปมาก แต่สำหรับลุคถือว่าปกติ เพราะในครอบครัว คนที่ฉลาดที่สุดกลับไม่ใช่เขาแต่เป็นน้องสาวคนนี้ ทำให้ที่ผ่านมาเธอเรียนได้เป็นอันดับต้นของโรงเรียนเสมอมา
แต่โลกนี้มีดีและร้าย เธอฉลาดมาก แต่ร่างกายกลับอ่อนแอมากเช่นกัน
“พี่ค่ะ เหมือนพี่จะปิดบังบางอย่างอยู่ แต่หนูเชื่อพี่ ถ้าเป็นแบบที่พี่เล่า แสดงว่าเราต้องย้ายไปจากที่นี่ใช่ไหมคะ”
“อืม เราควรจะไป”
“แล้วเรื่องโรงเรียนล่ะคะ”
“อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะจบมัธยมต้นแล้ว ย้ายแค่ที่นี่ก่อนก็พอ”
“หนูเข้าใจแล้วค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เก็บของเถอะ เราควรออกไปภายในเย็นวันนี้”
น้องสาวพยักหน้าเชื่อฟัง เธอเดินเข้าไปเก็บของภายในห้องนอนด้วยกระเป๋าใบหนึ่ง เช่นเดียวกับลุคที่เก็บเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุดเท่านั้น
ทั้งสองคนไม่มีสัมภาระอะไรมากมาย มีเพียงของจำเป็นบางอย่างเท่านั้นที่ห้ามลืม
“น้องหยิบยาหรือยัง”
“หนูเอามาแล้วค่ะ” เด็กสาวตอบพร้อมกับเผยให้เห็นกระเป๋าผ้าสะพายใบเล็กน่ารักที่ด้านในมียาโรคประจำตัวหอบหืดและภูมิแพ้อากาศมาด้วย
เมื่อจะออกจากห้องพักที่ทั้งสองอยู่มาหลายปีก็อดที่จะหันกลับมามองไม่ได้ ที่นี่มีความทรงจำมากมายในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ต้องจากไปแล้ว ในใจจึงรู้สึกเหมือนมีบางอย่างขาดหายไปอยู่ไม่มากก็น้อย
แต่สองพี่น้องสามารถรับมือกับความรู้สึกนี้ได้อย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขาเคยเผชิญมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง
ลุคปิดประตูห้องและสอดกุญแจไว้ที่ใต้กระถางตามเดิม เขาไม่ได้บอกใครเรื่องจะย้ายออก ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี
“พี่เราจะบอกลาคุณยายไหม” น้องสาวอดที่จะมองไปห้องข้าง ๆ ไม่ได้
ห้องข้าง ๆ นี่ถูกเช่าโดยคุณยายใจดีคนหนึ่ง สำหรับพวกเขาสองคนแล้วเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งเลยทีเดียว เพราะคุณยายมักจะให้พวกเขาสองพี่น้องไปกินอาหารที่ทำบ่อย ๆ
ลุคส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะหยิบเงินเครดิตออกมาจำนวนหนึ่งพร้อมกับสอดเข้าไปที่ช่องใต้ประตู
“ไว้สักวันเราจะกลับมาหาคุณยายเพื่อตอบแทนบุญคุณ” ลุคกล่าวอย่างมั่นใจ เป็นความเชื่อมั่นจากส่วนลึกในจิตใจ เขาหันไปลูปหัวน้องสาวเบา ๆ
น้องสาวพยักหน้าเข้าใจและรู้ว่าเรื่องที่ลุคไปเกี่ยวข้องไม่ควรให้ยายได้เข้ามายุ่ง แบบนั้นจะทำให้ยายที่ตนห่วงลำบากไปด้วย
สองพี่น้องเดินออกมาจากแมนชั่นหลังเก่าอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ได้ล่ำลาใคร
...
เขาและน้องสาวตกลงกันว่าจะย้ายไปที่เขต 4 ซึ่งไม่ไกลจากที่นี่มาก เพราะน้องสาวของเขายังต้องมาโรงเรียนที่นี่อยู่ แต่เพียงชั่วคราวเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่อยู่หลังจากนี้เขายังไม่ได้คิด เพราะย้ายออกมากะทันหัน ทำให้ทั้งสองตกลงกันว่าควรจะไปพักที่โรงแรม ซึ่งสะดวกกว่ามากไปก่อน
สุดท้ายเลยได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่หรูมากในสายตาของสองพี่น้องอย่างเขา ทั้งสองเลือกจะพักในห้องราคาคืนละ 1,300 เครดิต ซึ่งนับว่าราคาถูกที่สุดแล้ว
พวกเขาสองพี่น้องเข้าไปในห้องที่เช่าไว้สองคืน ก่อนจะมองรอบตัวด้วยความตื่นเต้น เพราะไม่เคยคิดว่าจะได้เข้ามาพักในที่แบบนี้มาก่อน มันช่างต่างจากห้องเล็กเท่ารูหนูของพวกเขาเป็นอย่างมาก
หลังจากเก็บของแล้วเขาสองคนก็ลงไปกินอาหารเย็นที่ร้านอาหารของโรงแรม แต่ราคาถือว่าแพงพอสมควร ลุคมองดูเงินที่เหลืออยู่ประมาณ 3-4 พันกว่าเครดิต แต่เขาก็ยอมจ่ายค่าอาหารโดยไม่ลังเล เมื่อเห็นรอยยิ้มของน้องสาวของเขา
ลุครู้ว่าสำหรับเด็กผู้หญิงสาว อาหารของหวานคือสิ่งที่น่าหลงใหลไม่แพ้เครื่องสำอางและเสื้อผ้าเลย ที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยมีโอกาสซื้อให้กับน้องสักเท่าไหร่
‘เงินหมดก็หมดไป เรายังมีสิ่งนั้นอยู่’
เมื่อเย็นผ่านไปอย่างมีความสุข สุดท้ายพวกเขาจึงกลับมาที่ห้องเพื่อพักผ่อน น้องสาวของเขากินยาบางส่วนและเข้านอนแล้ว ร่างกายของเจนอ่อนแอมาตั้งแต่เกิด จึงต้องพักผ่อนให้มาก ๆ ทำให้น้องสาวเขามีนิสัยนอนแต่หัวค่ำ
ลุคยืนมองน้องสาวจากประตู น้องสาวที่หลับไปแล้วหายใจเสียงดังและดูเหนื่อยมากกว่าคนทั่วไป ทำให้เขาอดที่จะกำมือแน่นไม่ได้ เพราะรู้ว่าในทุก ๆ คืนน้องสาวจะทรมานจากการนอนและหายใจเหนื่อยล้าอยู่ตลอด แต่ที่ผ่านมาเขาไม่สามารถทำอะไรได้มาก ด้วยสภาพทางการเงิน
‘ตอนนี้กลายเป็นเหนือมนุษย์แล้ว เราจะหาเงินได้อีกมากมารักษา ไม่...ทำให้เจนปลุกหลังเหนือมนุษย์เลย แบบนั้นเจนถึงจะหายจากโรคหอบหืดและภูมิแพ้อย่างแท้จริง’
ลุคมีแววตามุ่งมั่น เขาบิดประตูเบามือ และออกไปนอนที่ห้องนั่งเล่น
ห้องสาวเขานอนในห้อง ส่วนตัวเองนั้นนอนที่โซฟา สำหรับเขาแล้วที่นอนตรงนี้ดีกว่าห้องเดิมมาก เพราะที่นอนเก่าเป็นเพียงฟูกที่ทั้งบางทั้งแข็ง แต่ที่นี่เป็นโซฟานุ่มและตัวใหญ่ เขาจึงนอนได้อย่างเต็มที่
เขาไม่ได้นอนจริง ๆ ยังต้องจัดการกับของที่ได้มาก่อน
หลังจากได้ไอเทมอย่างชุดเกราะหมาป่าขนเหล็กมาหลายชุด ลุคก็ไม่มีโอกาสได้ลองใช้ความสามารถอื่นของพรสวรรค์ไอเทมมอนสเตอร์ เนื่องจากรีบร้อนออกมาจากที่เกิดเหตุ
‘ไอเทมมอนสเตอร์’