ตอนที่ 365 กลุ่มโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
ตอนที่ 365 กลุ่มโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
ราคาประมูลเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างรวดเร็ว และเมื่อราคาของมันทะลุเกินกว่า 1 ล้านล้านสตาร์คอยน์เซี่ยเฟยก็ละความสนใจจากอาวุธชิ้นนี้ไป เพราะท้ายที่สุดเขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินจำนวนมากขนาดนั้นในการซื้ออาวุธที่เขาไม่ต้องการ
“เอาล่ะครับ สินค้าชิ้นต่อไปจะเป็นสินค้าชิ้นสุดท้ายในงานประมูลครั้งนี้แล้วนะครับ” พิธีกรกล่าวพร้อมกับเว้นระยะเป็นการชั่วคราวเพื่อดึงความสนใจจากแขกทุกคน
เหล่าบรรดาผู้เข้าร่วมประมูลต่างก็นั่งนิ่งด้วยความตื่นเต้น จนมันแทบจะได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นระรัว
ระหว่างนั้นแสงไฟกับเสียงดนตรีก็กำลังปลุกเร้าอารมณ์ของแขกทุกคนภายในงาน ซึ่งกระบวนการนี้ถือได้ว่าเป็นกระบวนการทางจิตวิทยา ที่จะช่วยกระตุ้นความต้องการของลูกค้าให้เพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาที่เกิดการประมูล
การประมูลครั้งนี้มันไม่ใช่เพียงแค่การประมูลของสมาพันธ์ฟราเทอนิตี้เท่านั้น แต่มันยังเป็นการประมูลครั้งยิ่งใหญ่สำหรับพันธมิตรทั้งหมดอีกด้วย และผู้จัดงานจะได้รับค่าธรรมเนียม 10% ของราคาสินค้าที่นำมาประมูล ด้วยเหตุนี้ยิ่งพวกเขาเรียกเงินจากลูกค้าได้มากเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งจะได้รับส่วนแบ่งขึ้นไปเท่านั้น
เซี่ยเฟยลองประเมินดูง่าย ๆ ว่าค่าธรรมเนียมจากงานประมูลวันนี้เพียงแค่วันเดียวก็ครอบคลุมค่าใช้จ่ายของงานเทศกาลทั้ง 15 วันแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงเลยว่าผลกำไรจากการจัดงานเทศกาลครั้งนี้คือเท่าไหร่
“โปรดรับชมสินค้าชิ้นสุดท้ายในงานประมูลของเรา” พิธีกรกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงปลุกเร้าอารมณ์
ต่อมามันก็ได้มีสาวงาม 2 คนเข็นรถเข็นที่ถูกคลุมด้วยผ้าคลุมเดินขึ้นมาบนเวที ซึ่งในก่อนหน้านี้สาวงามที่เดินขึ้นมาบนเวทีจะสวมใส่ชุดเซ็กซี่ แต่สาวงาม 2 คนนี้กลับใส่ชุดสีขาวที่สง่างาม
ขณะเดียวกันพิธีกรก็กำลังจัดแจงเสื้อผ้าอย่างระมัดระวัง พร้อมกับติดกระดุมเสื้อเอาไว้อย่างเรียบร้อย แม้แต่รองเท้าหนังของเขาก็ยังต้องขัดด้วยผ้าเช็ดหน้าอีกครั้ง เพื่อพยายามทำทุกอย่างให้ออกมาดูเนี้ยบมากที่สุด
ปฏิกิริยาของพวกพิธีกรทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนมากว่าสินค้าชิ้นนี้มันคืออะไรกันแน่? มันถึงทำให้พวกพิธีกรต้องแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างจริงจังแบบนี้
ความเป็นจริงท่าทางของพวกพิธีกรไม่คล้ายกับว่าพวกเขากำลังจัดการประมูลอยู่เลย แต่มันคล้ายกับว่าพวกเขากำลังแสดงความเคารพต่ออะไรบางอย่างอยู่ต่างหาก
ชายหนุ่มกำลังพยายามหันมองไปทางชายชราด้านข้าง โดยหวังว่าเขาอาจจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์กลับมา แต่ภาพที่เห็นคือทูรามก็กำลังงุนงงกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
ท่ามกลางความสงสัยของผู้ชม ในที่สุดพิธีกรก็ค่อย ๆ ดึงผ้าคลุมสีดำออกเพื่อเผยให้เห็นเครื่องจักรสีดำสนิทที่อยู่ด้านใน โดยเครื่องจักรนี้มีความสูงประมาณ 1 เมตร, มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส, พื้นผิวด้านนอกถูกปกป้องด้วยเปลือกสีดำด้าน โดยไม่เผยให้เห็นโครงสร้างที่อยู่ด้านในเครื่องจักรมากนัก
“เอาล่ะครับทุกท่าน สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของทุกท่านในตอนนี้นั่นก็คืออุปกรณ์สำหรับระบบล่องหน” พิธีกรหันกลับมาพูดกับผู้ชมอีกครั้ง
“ระบบล่องหน? ไม่! นี่จะต้องไม่ใช่อุปกรณ์สำหรับล่องหนธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นมันคงจะไม่ใช่สินค้าชิ้นสุดท้ายที่จะถูกนำขึ้นมาประมูล” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
แขกคนอื่น ๆ ยังไม่ค่อยมีปฏิกิยาเช่นเดียวกัน เพราะถึงแม้ระบบล่องหนจะค่อนข้างหาได้ยาก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องลำบากสำหรับแขกที่รวมตัวกันอยู่ในห้องประมูลนี้
“ทุกท่านคงกำลังสงสัยว่าเราเอาอุปกรณ์ล่องหนขึ้นมาประมูลเป็นสินค้าชิ้นสุดท้ายทำไม? นั่นก็เพราะว่าเครื่องจักรที่อยู่ตรงหน้าของทุกท่านคืออุปกรณ์ล่องหนที่ถูกสร้างขึ้นโดยอารยธรรมโบราณ!” พิธีกรกล่าวเสริม
ในคราวนี้เริ่มมีเสียงฮือฮาขึ้นมาท่ามกลางแขกทุกคน เพราะมันเป็นที่ทราบกันดีว่าระดับเทคโนโลยีของอารยธรรมโบราณสูงกว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันมาก ดังนั้นประสิทธิภาพของระบบล่องหนของอารยธรรมโบราณย่อมดีกว่าระบบล่องหนในปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งไปกว่านั้นเครื่องจักรตรงหน้ายังดูเหมือนเพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ มันจึงทำให้เครื่องจักรชิ้นนี้เป็นสมบัติที่หาได้ยากเป็นอย่างมาก
“ยังไม่จบเพียงแค่นั้นครับทุกท่าน ที่สำคัญคือมันเป็นอุปกรณ์ล่องหนที่ถูกผลิตโดยโดยกุสตาส!!”
ช็อก!
โคตรช็อก!
เมื่อพิธีกรประกาศชื่อผู้ผลิตอุปกรณ์ชิ้นนี้ขึ้นมามันก็ยิ่งเรียกเสียงฮือฮาได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และแม้แต่เซี่ยเฟยก็กำลังรู้สึกตกตะลึง เพราะเครื่องจักรตรงหน้าคือระบบล่องหนของกลุ่มโจรสลัดกุสตาสที่โด่งดัง
กลุ่มโจรสลัดกุสตาสคือกลุ่มโจรสลัดที่โด่งดังตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะวีรกรรมครั้งสุดท้ายในชีวิตของพวกเขา
ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่หุ่นยนต์กำลังก่อกบฏ และมนุษย์ที่เหลือรอดกำลังพยายามหลบหนีด้วยความหวาดกลัว แต่มันไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อนว่าในขณะที่กองทัพของรัฐบาลถูกทำลาย กลุ่มโจรสลัดกุสตาสที่อยู่ห่างไกลกลับได้มารวมกำลังกับกองยานมนุษย์กองยานสุดท้าย เพื่อช่วยให้มนุษย์เดินทางหลบหนีสงคราม
ในไม่ช้ากองยานของหุ่นยนต์ก็ไล่ตามกองยานที่หลบหนีมาจนถึงบริเวณชายแดน กลุ่มโจรสลัดกุสตาสจึงอาสาออกไปถ่วงเวลาเพื่อให้มนุษย์ได้ทำการหลบหนี
กองยานที่เหลือกองยานสุดท้ายเป็นเพียงแค่กองยานพลเรือนที่ไม่มีพลังมากพอจะต่อต้านพวกหุ่นยนต์ได้ ส่วนกองยานของรัฐบาลที่คอยปกป้องกองยานมาตลอดทั้งทางก็ถูกพวกหุ่นยนต์กวาดล้างไปตั้งนานแล้ว
ทางเดียวที่จะหลบหนีจากวิกฤตอันเลวร้ายนี้ไปได้คือพวกเขาจะต้องหลบหนีผ่านรูหนอนที่ไม่เสถียร และตราบใดก็ตามที่ใครเข้าไปในรูหนอนนี้พวกเขาก็จะไม่มีทางรู้ว่าพวกเขาจะได้ไปปรากฏตัวอีกครั้งที่ตรงไหน ซึ่งบางทีมันก็อาจจะห่างออกไปเพียงแค่ไม่กี่ปีแสง แต่ถ้าหากพวกเขาโชคร้ายพวกเขาก็อาจจะถูกส่งตัวเข้าไปถูกทำลายในหลุมดำ
ในช่วงที่ชีวิตกำลังถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย มนุษย์ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องเสี่ยงหลบหนีเข้าไปในรูหนอนที่อยู่ตรงหน้า
เพื่อให้กลุ่มผู้รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายสามารถหลบหนีออกไปผ่านรูหนอนได้ทั้งหมด กลุ่มโจรสลัดกุสตาสจะต้องถ่วงเวลากองยานหุ่นยนต์ให้ได้อย่างน้อยเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นเผ่าพันธุ์มนุษย์จะถูกทำลายและสูญพันธุ์ไปจากจักรวาลอันกว้างใหญ่แห่งนี้ตลอดกาล
ชีวิตจริงช่างเป็นเรื่องตลกร้ายมากกว่าในละคร เพราะในช่วงที่กำลังตัดสินว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้หรือไม่ พวกเขากลับต้องฝากชีวิตเอาไว้กับกลุ่มโจรสลัดที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นกลุ่มโจรสลัดที่ทุกคนรู้สึกเกลียดชังมากที่สุด
ทันใดนั้นกลุ่มโจรสลัดกุสตาสก็เริ่มทำการเคลื่อนไหวที่ไม่มีใครเคยนึกถึง เพราะพวกเขาได้ทำการส่งยานรบทั้งหมดเข้าไปในกองยานของศัตรู พร้อมกับจุดชนวนระเบิดเตาปฏิกรณ์เพื่อทำลายตัวเองไปพร้อมกับพวกหุ่นยนต์
การกระทำอันบ้าคลั่งนี้สามารถซื้อเวลาให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้สำเร็จ แล้วมันก็เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้มนุษย์สามารถดำรงอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้
หลายปีต่อมามนุษย์โบราณได้ค้นพบว่าจู่ ๆ กองทัพหุ่นยนต์ก็ได้หายตัวไปอย่างกะทันหัน พวกเขาจึงค่อย ๆ เดินทางกลับมายังบ้านเกิดก่อนที่จะเริ่มสร้างพันธมิตรมนุษย์ขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน
วีรกรรมในครั้งนั้นทำให้มนุษย์สร้างอนุสาวรีย์นายพลหญิงที่กำลังชี้มือไปด้านหน้าพร้อมกับนำกองยานพุ่งเข้าไปทำลายศัตรูด้วยความกล้าหาญ โดยเธอผู้นี้มีชื่อว่า ‘เอสทาเมล’ เป็นกัปตันของกลุ่มโจรสลัดกุสตาสในตำนาน และผู้คนก็ได้ยกย่องให้กลุ่มโจรสลัดของเธอคือกลุ่มโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ
“อุปกรณ์ล่องหนของกลุ่มโจรสลัดกุสตาสงั้นเหรอ?!” ทูรามอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“กลุ่มโจรสลัดกุสตาสเป็นกลุ่มโจรสลัดอันยิ่งใหญ่ที่สามารถทำทุกอย่างได้ครบวงจร ตั้งแต่การวิจัย, การผลิต, การรบไปจนถึงการปล้น ซึ่งแม้แต่บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของอารยธรรมโบราณในช่วงเวลานั้นก็ยังไม่สามารถจะตามเทคโนโลยีของกลุ่มโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่กลุ่มนี้ได้ น่าเสียดายจริง ๆ ที่ในตอนนั้นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะเป็นจำนวนมากกลับได้เลือกอาชีพเป็นโจรสลัด” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกมนุษย์โบราณพวกนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะเสาหลักทั้งสี่ของกลุ่มโจรสลัดกุสตาสต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันทั้งหมด โดยเฉพาะเอสทาเมลที่มีไอคิวมากถึง 1,600 แต้ม ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยไอคิวของมนุษย์โดยทั่วไปถึง 10 เท่า และเหตุผลที่เธอเลือกไปเป็นโจรสลัดก็อาจจะเป็นความลับที่ไม่มีใครสามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้อีกแล้ว” ทูรามกล่าว
“คุณตาคิดว่าอุปกรณ์ล่องหนนี้จะถูกประมูลออกไปในราคาเท่าไหร่ครับ?” เซี่ยเฟยถาม
ทูรามไม่ตอบแต่ยื่นนิ้วชี้ออกมา
“1 ล้านล้านสตาร์คอยน์?”
“ฉันว่าน่าจะไม่เกินราคานั้น เพราะเท่าที่ฉันจำได้มันเคยมีอุปกรณ์ล่องหนของกลุ่มโจรสลัดกุสตาสประมูลขึ้นมาแล้ว 3 ครั้ง โดยราคาประมูลครั้งสุดท้ายจบอยู่ที่ 700,000 ล้านสตาร์คอยน์ ดังนั้นราคาในคราวนี้ก็คงจะไม่ห่างจากในตอนนั้นมากนัก”
“ว่าแต่นายอยากได้มันเหรอ?” ทูรามถาม
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างจริงจัง เพราะท้ายที่สุดการเดินทางไปยังดินแดนเซิร์กก็อันตรายมาก ดังนั้นถ้าหากว่าเขามีอุปกรณ์ล่องหนอย่างน้อยมันก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเอาชีวิตรอดให้กับเขา นอกจากนี้ระบบล่องหนของกลุ่มโจรสลัดกุสตาสยังเป็นระบบล่องหนที่ดีที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยผลิตคิดค้นมา
ขณะที่เซี่ยเฟยกำลังคิด พิธีกรก็เริ่มพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ใจเย็น ๆ ครับทุกท่าน ทุกคนอาจจะคิดว่านี่คือระบบล่องหนทั่วไปของกุสตาส แต่น่าเสียดายว่าสินค้าในระดับนั้นยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะกลายเป็นสินค้าชิ้นสุดท้ายในงานประมูลของเทศกาลครั้งนี้ได้”
แขกทุกคนเริ่มรู้สึกประหลาดใจและพวกเขาก็กำลังสงสัยว่าระบบล่องหนนี้แตกต่างอะไรกับอุปกรณ์ล่องหนของกุสตาสที่เคยปรากฏขึ้นมาแล้ว
“ถ้าจะเรียกให้ถูกพวกเราจะต้องเรียกเจ้าเครื่องนี้ว่าอุปกรณ์ล่องหนของเอสทาเมล ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มโจรสลัดกุสตาส และมันก็มีสัญลักษณ์ของเธอถูกทำเครื่องหมายเอาไว้บนตัวเครื่องอย่างชัดเจน”
“ในประวัติศาสตร์มนุษย์ได้ผลิตอุปกรณ์ล่องหนขึ้นมาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ผมขอรับประกันได้เลยว่าอุปกรณ์ตรงหน้านี้คืออุปกรณ์ล่องหนที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ และมันยังเป็นอุปกรณ์ล่องหนของเอสทาเมลเพียงชิ้นเดียวที่ปรากฏขึ้นมา ซึ่งมันก็อาจจะไม่มีอุปกรณ์แบบนี้ปรากฏขึ้นมาในอนาคตอีกแล้วก็ได้!!”
***************
พี่เฟยจะสู้ราคาไหวไหมเนี่ย!