ตอนที่ 99 ศพมายา (ฟรี)
(ตอนเดียวครับวันนี้ แปลไม่ทันพึ่งจะย้ายบ้านจัดของเสร็จ)
แสงตะวันลับขอบฟ้า เข้าสู่กลางคืนอันมืดมิดอีกครั้ง
ลี่เยว่ทอดสายตาไปยังเผ่าเฟิ่งที่อยู่ข้างหน้า เธอเดินฝ่าพายุทะเลทราย 5 วันกว่าจะมาถึง
ที่แห่งนี้เป็นจุดนัดหมายที่ ลี่ลี่กับหยานปิงบอกเธอเอาไว้ แต่กว่าลี่เยว่จะมาถึงมันก็มืดแล้ว
“ไม่รู้ว่าทั้งสองยังอยู่ในเผ่าเฟิ่งไหม”
ลี่เยว่กระชับหน้ากากให้แน่นขึ้น ก่อนที่จะแฝงตัวในเงามืดเข้าไปตามหาเครื่องหมายของกลุ่มเธอ
เผ่าแห่งนี้มีขนาดใหญ่พอๆ กับกลุ่มทะเลสาบพระจันทร์ และมีประชากรไม่ได้น้อยไปกว่ากัน
“เครื่องหมายยังมีอยู่ ดูเหมือนว่าทั้งสองยังอยู่ที่นี่”
ลี่เยว่เจอเครื่องหมายของกลุ่มที่นอกเผ่าเฟิ่ง
ภายใต้การบอกทางของเครื่องหมายที่ทำเอาไว้ ทำให้เธอเคลื่อนไหวในเผ่าเฟิ่งได้สะดวกมากขึ้น และรู้ว่าจะต้องไปที่ไหน
เธอไม่ต้องเสียเวลาคาดเดาเหมือนตอนโหย่วเฟ่ยที่ไม่ออกจากฐานลับมาสร้างเครื่องหมายบอกที่อยู่
ครั้งนี้เธอสามารถมุ่งหน้าไปทางฐานลับ
ไม่นานลี่เยว่ก็มาถึงหน้าทางเข้าฐานลับของกลุ่มเธอ
“เดี๋ยว…..”
ลี่เยว่หยุดชะงักลง และไม่ได้เข้าไปในฐานลับทันที
เธอมองไปที่รอบๆ และรู้สึกว่าฐานลับแห่งนี้มีอะไรผิดปกติ
ทางเข้าฐานลับนั้นเป็นซอยแคบๆ พอที่คนตัวเล็กๆ ลอดเข้าไปได้เท่านั้น แต่เธอรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของทางเข้าฐานลับแห่งนี้
เมื่อยิ่งมองดูสัญชาตญาณของเธอยิ่งร้องเตือนว่ามีบางสิ่งที่อันตรายกำลังจะออกมา
เธอถอยหลังออกไปสองสามก้าวพร้อมกับนำธนูขึ้นสายพร้อมยิง
“นี้มันเรื่องอะไร? เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้น!”
ลี่เยว่บ่นออกมา
แปะๆ
เสียงตบมือสองครั้งดังขึ้นออกมาจากซอยเล็กๆ นั้น พร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่เดินออกมาจากเงามืด
“คู่ควรกับการเป็นตำแหน่งนักธนูมือหนึ่งของกลุ่ม เพียงสิ่งแปลกปลอมเล็กน้อยก็สามารถสังเกตเห็นได้ทันที”
“แกเป็นใคร! มาทำอะไรที่นี่!”
สีหน้าของลี่เยว่เปลี่ยนไป และยิ่งถอยห่างออกไปมากขึ้น พร้อมกับกระชับธนูพร้อมที่จะยิง
ฟิ้ว!
ลูกศรยาวถูกยิงออกไปก่อนที่จะมีใครพูดอะไรเสียอีก
แกร็ง!
ร่างลึกลับนั้นยกแขนขึ้นเพื่อป้องกันลูกศรของลี่เยว่อย่างสบายๆ แต่เสียงที่ลูกศรกระทบกับแขนของมันนั้นเหมือนกับเหล็กชนเหล็ก!
“ลูกศรของเธอ….ดูปวกเปียกเกินไปรึป่าว”
ร่างลึกลับนั้นทำท่าทางไม่พอใจเท่าไร ก่อนที่จะดึงลูกศรออกจากแขนของมัน
ลี่เยว่หรี่สายตาลง พร้อมกับเปิดใช้พลังความสามารถตาเหยี่ยวทันที มันได้ทำให้เธอสามารถเห็นรูปร่างของคนลึกลับที่อยู่ต่อหน้าได้
ในหน้าครึ่งหนึ่งของคนผู้นี้เป็นเหมือนเปลือกไม้แห้งๆ ส่วนอีกด้านหนึ่งเต็มไปด้วยเส้นสีแดงขีดเป็นรากเต็มไปหมด
“แก…เป็นผู้ติดเชื้อเหมือนกัน!”
สีหน้าของลี่เยว่แสดงออกถึงความประหลาดใจ และสูญเสียสติไปครู่หนึ่ง
“พวกแกยอดเยี่ยมจริงๆ ต้องขอบคุณสิ่งที่พวกแกทิ้งเอาไว้ให้ ทำให้ฉันคนนี้วิวัฒนาการมาถึงขั้นนี้ได้”
ผู้ติดเชื้อเดินเอียงหัวเล็กน้อยและก้าวออกมาจนแสงไฟจากหน้าต่างสาดส่องจนเห็นใบหน้าที่แท้จริง
“แก…ไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว!”
ลี่เยว่อุทานพร้อมกับขบฟันแน่น
สิ่งนี้เรียกว่าศพมายาเป็นสิ่งที่อยู่ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับผีมายา มันได้ครอบครองพลังเช่นเดียวกับผีมายา แต่ยังคงสติของมนุษย์เอาไว้ได้อยู่
“มนุษย์?? ในโลกแบบนี้ พลังและพรสวรรค์เป็นสิ่งที่ทำให้มีโอกาสรอดตายมากที่สุดแล้ว!”
ศพมายาตัวนี้ได้ยกแขนขึ้น ให้เห็นแขนลีบๆ ที่เป็นเปลือกไม้ของมัน
ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูกวนประสาทไม่น้อย
“แกกลับไปกับฉันจะดีกว่า ฉันจะรับประกันเลยว่าด้วยวิธีการเดียวกัน แกจะไม่ถูกโรคผีมายากลืนกิน และกลายเป็นศพมายาที่สมบูรณ์!”
“โอกาสรอด? ทำลายเผ่าของฉัน และจับพวกเราไปเป็นหนูทดลองแพร่เชื้อผีมายาให้ นั้นคือโอกาสรอดที่แกพูดถึงงั้นหรอ!!!”
ลี่เยว่กัดริมฝีปากแน่น สายตาของเธอฉายออกถึงจิตสังหารที่รุนแรง
ผู้ที่ติดโรคผีมายานั้นล้วนเป็นเหยื่อของการทดลอง ทั้งเผ่าถูกหลอกว่านี้คือการช่วยเหลือจากผู้มีจิตใจเมตตา ต้องการให้ทุกคนรอดชีวิต
แต่ทั้งหมดมันก็แค่ละครตบตา ทั้งเผ่าถูกใช้เป็นหนูทดลอง และได้รับการฝึกสอน อบรม ล้างสมองให้เชื่อฟัง พร้อมทั้งทำงานให้อย่างไม่ตั้งข้อสงสัย หากไม่เชื่อฟังหรือคิดต่างก็จะถูกกำจัด
“โอ้! ดูเหมือนว่าแกจะรู้เรื่องนั้นดี…. ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกแกถึงคิดหักหลัง”
ศพมายาตัวนี้ดูประหลาดใจเล็กน้อย และดูเหมือนว่าจะพบเจอสาเหตุอะไรสักอย่างเข้า
มุมปากของมันกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
“แต่…ก็เท่านั้นแหละ ยังไงตอนนี้แกมันก็ไร้ค่าแล้ว”
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ลูกศรอีกสองดอกถูกยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในครั้งนี้ลี่เยว่ได้เล็งยิงไปที่ดวงตาทั้งสองดวงของศพมายาตัวนี้
“เปล่าประโยชน์! ฉันไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว!”
แขนไม้ลีบๆ ถูกยกขึ้นมารับลูกศรไว้อีกครั้ง
แกร็ง ๆ
ลูกศรนั้นไม่สามารถเจาะทะลุแขนไม้นี้ได้ และกระดอนออกทันที
“นี้มัน…พลังของขั้น 5 !”
ลี่เยว่กระโดดถอยหลังอย่างรวดเร็ว
ฟิ้วๆๆๆ
และเธอก็ระดมสาดลูกธนูเข้าไปอีกครั้ง และสะกัดไม่ให้อีกฝ่ายตามมาได้
แต่ตอนนั้นเองที่เสียงอันแหบกร้านก็ดังขึ้น
“ไม่มีใครหนีไปไหนได้ทั้งนั้น!”
ลี่เยว่นิ่งเงียบไป ก่อนที่จะพุ่งร่างไปยังใจกลางของเผ่าแห่งนี้ และเข้าไปในพื้นที่แออัดคน ทำให้การเคลื่อนไหวของศพมายาตัวนี้ยากขึ้น
“น่ารำคาณจริงๆ ฉันคงสั่งสอนพวกแกดีเกินไป”
ศพมายารู้ทันทีว่าสิ่งที่ลี่เยว่คิดนั้นคืออะไร
เขาไม่ได้กังวลแต่อย่างใด กลับติดตามไปอย่างรวดเร็ว จนเจอเข้ากับกลุ่มยามรักษาการณ์
สวบๆๆ
ศพมายานั้นเพียงยื่นแขนที่เหมือนไม้ออกไป และพุ่งรากอันแหลมคมแทงเข้ากลางอกของกลุ่มยามรักษาการณ์ทันที
เพียงไม่ถึงห้าวินาที ศพมายาสามารถฆ่ายามรักษาการของเผ่าเฟิ่งได้ทั้งหมด!
“จริงๆ เลย…..พอทำแบบนี้ก็รู้สึกหิวขึ้นมาแล้วสิ”
ศพมายาพูดพร้อมกับเลียไปที่เลือดที่ติดอยู่บนนิ้วมือที่เป็นไม้ของมัน
เมื่อได้สัมผัสกับเลือดเส้นสีแดงบนหน้าของมันก็บิดไปมาราวกับหนอนตัวเล็กๆ กำลังไชไปมาอยู่บนหน้าของมัน
ฟิ้ว!!!
ความเร็วของศพมายาเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ตัวของมันปล่อยกลิ่นไอที่บ้าคลั่งออกมาตลอดเวลา และทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางมัน
ตูม!!
ศพมายานั้นไม่สนใจอะไรอีกแล้ว มันได้สร้างทางลัดขึ้นมาเอง โดยการทะลุผ่านบ้านทั้งหลัง สร้างความหวาดกลัวให้กับทุกคนที่พบเห็น
“คงจริงอย่างที่มันพูด ว่าไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว”
ลี่เยว่หันกลับไปมอง และเห็นถึงการเคลื่อนไหวที่บ้าคลั่งของศพมายา
อยู่ๆ เธอก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว…เหตุใดเวลาแบบนี้เธอถึงรู้สึกเศร้าขึ้นมากัน
นั้นอาจจะเป็นเพราะเธอเสียดายที่ไม่ได้กอดมู่เหลียงต่ออีกเล็กน้อย ก่อนเธอจะแยกทางกับเขา
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าหนี!! มันเสียเวลาเปล่า”
ร่างของศพมายาปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลัง พร้อมกับกรงเล็บไม้ 5 นิ้วของมัน
เปรี้ยง!!
มีกำปั้นเล็กๆ ซัดเข้าที่ท้องของศพมายาอย่างจัง
ครื้น!!!!
ศพมายาพุ่งทะลุบ้านแถวนั้น
“ล–ลี่ลี่!!”
ลี่เยว่มองไปยังเด็กสาวผมสีชมพูด้วยสีหน้ามีความสุข
“หนี!! ไอ้ปีศาจนี้ยังไม่ตาย!”
ลี่ลี่เหลือบมองไปยังบ้านที่มีรูขนาดใหญ่ จากนั้นเด็กสาวก็วิ่งหันกลับเข้าไปในเงามืด
“ได้!”
ลี่เยว่วิ่งตามหลังเด็กสาวผมสีชมพูไปติดๆ
เด็กสาวผมชมพูได้พาลี่เยว่วิ่งซอกแซกไปมาซ้ายทีขวาที
จนในที่สุดทั้งคู่ก็ออกมาจากเผ่าเฟิ่งได้สำเร็จ และซ่อนตัวแถวเนินหินใกล้ๆ เผ่า
“ฟู่วว…”
ทั้งสองถอนหายใจยาวพร้อมกัน
“เกิดอะไรขึ้น!”
ก่อนที่ลี่เยว่จะนั่งลง เธอยิงคำถามทันที
“แล้วหยานปิงไปไหน เธอยังสบายดีอยู่ไหม”
“พวกเราถูกเจอตัว….ศพมายานั้นตามหาพวกเรามาหลายสิบวันแล้ว”
ลี่ลี่ชำเลืองมองไปยังเผ่าเฟิ่งด้วยสีหน้าหนักใจ
“หยานปิงกำลังล่อความสนใจจากศพมายาอีกสามตัว ที่จริงฉันคิดว่าจะไม่ได้เห็นเธออีกแล้วด้วยซ้ำ”
“มีศพมายาถึงสี่ตัวเลยงั้นหรอ”
ลี่เยว่อุทานด้วยความตกใจ
“พวกมันทำงานเป็รกลุ่มสี่คนเหมือนเรา”
ลี่ลี่พูดขึ้น
“พวกมันมีพลังขั้น 5 ทุกตัวหรือป่าว แล้วแบบนี้หยานปิงจะปลอดภัยใช่ไหม?”
ลี่เยว่ถามด้วยความกังวลใจ
“ไม่….มีเพียงตัวที่ฉันซัดมันไปเมื่อกี้ ที่มีพลังขั้น 5”
ลี่ลี่กำข้อมือและสะบัดไปมา
“แล้วหยานปิงได้บอกไหมว่าเธอจะไปที่ไหนต่อ”
ลี่เยว่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ในกลุ่มของเธอมีเพียงหยานปิงเท่านั้นที่มีพลังขั้น 5 ส่วนที่เหลืออยู่ในขั้น 4
“เธอบอกให้ไปเจอกันที่เมืองเซิงหยาง ตอนนี้เธอควรจะมุ่งหน้าไปที่นั่นแล้ว”
ลี่ลี่พูดพร้อมกับก้มหัวลงเล็กน้อย
“อะไรนะ!! ทำไมเธอถึงไปที่นั่น!”
สีหน้าของลี่เยว่ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเหมือนกัน เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
มันยากลำบากอย่างมากที่จะหลบหนีออกมาจากเมืองเซิงหยาง แต่ไหนเพื่อนของเธอยังกลับไปที่นั้นอีก
“เธออยากจะสืบหาข้อมูลของพวกศพมายา เพราะถ้าไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้จริงๆ ….บางที่พวกเราอาจจะต้องลอง…เปลี่ยน….”
ลี่ลี่เม้นปากพูดอย่างไม่เต็มใจ
“พยายามเป็นศพมายาอีกตัวรึไง! พวกเธอเสียสติไปกันหมดแล้วงั้นหรอ!”
สีหน้าของลี่เยว่ดูเป็นห่วงอย่างที่สุด
“หยานปิง เธอต้องการจะล้างแค้น”
ลี่ลี่พยายามพูดเข้าข้างด้วยน้ำเสียงที่ดูเห็นใจ
“ล้างแค้น!? มีใครบ้างในพวกเราไม่ต้องการล้างแค้น!”
ลี่เยว่ตะโกนลั่น
ครอบครัวของทุกคนในกลุ่มของเธอนั้นถูกเมืองเซิงหยางฆ่าทั้งหมด
ทุกคนต่างมีความเคียดแค้น แต่เวลานี้แค่เอาชีวิตรอดก็ยังเป็นเรื่องยาก จะหวังอะไรกับการแก้แค้น
“ลี่เยว่ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ”
ลี่ลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง
“เธอแค่ไปเรียนรู้ และเธอคงไม่อยากจะลองเป็นพวกมัน”
“ทำไมถึงไม่หยุดเธอเอาไว้ลี่ลี่!”
ลี่เยว่จ้องไปยังเด็กสาวผมชมพู ตาเขม็ง
“ฉัน..ฉันพยายามแล้ว…”
ลี่ลี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอึกอัก และหดคอลง
“แล้วที่นี่ เราจะทำยังไงกันดี”
ลี่เยว่หันหน้าไปทางอื่น ด้วยท่าทางกระวนกระวาย และคิดอะไรไม่ออก
เธอนั้นรู้ได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพียงลำพังลี่ลี่ไม่สามารถหยุดหยานปิงได้อยู่แล้ว
“งั้นเรารอให้โหย่วเฟ่ยจอมซุ่มซ่าม กลับมารวมกลุ่มก่อน”
ลี่ลี่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“หวังว่าโหย่วเฟ่ยจะมีสติพอ และรับมือพวกศพมายาได้ทัน”
เธอเข้าไปช่วยลี่เยว่ได้ทันก็จริง แต่นั้นเพราะศพมายาตัวนั้นกำลังประมาท และไม่คิดว่าจะมีใครกล้าโจมตีมัน
“ไม่ต้องรอยัยนั่นหรอก”
ลี่เยว่ส่ายหัว
“เอ้า! ทำไมล่ะ”
ลี่ลี่ถามด้วยสีหน้าตกใจ
“ตอนนี้ยัยนั่นกำลังเดินทางไปเมืองสิบขั้น”
ลี่เยว่ตอบเบาๆ
“เมืองสิบขั้น…โหย่วเฟ่ยจะไปทำอะไรที่เมืองนั้น?? หรือมีข่าวดีงั้นหรอ!”
ลี่ลี่กระพริบตาใสแป๋วด้วยความหวัง
“เราเจอดอกปีกนางฟ้าแล้ว”
ลี่เยว่ฉีกยิ้มขึ้น
“จริงงั้นหรอ!! มันอยู่ที่เมืองสิบขั้นใช่ไหม?”
ลี่ลี่ถามต่อด้วยความตื่นเต้น
“ใช่…ตอนนี้มันคงอยู่ที่เมืองสิบขั้น”
ลี่เยว่พูดขึ้นพร้อมกับคิดถึงพวกมู่เหลียงที่กำลังเดินทางไปยังเมืองสิบขั้น
“งั้นเราก็ไปเมืองสิบขั้นกันเถอะ หยานปิงจะได้ไม่ต้องเสี่ยงทำอะไรบ้าๆ!”
ลี่ลี่ลุกขึ้นด้วยสีหน้ามีความสุข ข้าวของของเธอได้ถูกเก็บซ่อนไว้ที่เนินหินตรงนี้อยู่แล้ว
“....”
ลี่เยว่มองพร้อมกับเม้มปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
เธอจะพูดว่า น้ำตานางฟ้าไม่สามารถรักษาได้
แต่เธอก็ตัดสินใจว่า จะพาเพื่อนของเธอไปยังที่แห่งนั้นก่อน และค่อยๆ คุยกับเพื่อนของเธออีกทีหลังจากเห็นดอกปีกนางฟ้าแล้ว
นอกจากนี้สถานที่แห่งนั้น ลี่ลี่คงจะต้องชื่นชอบเป็นอย่างแน่นอน