ตอนที่ 362 เงื่อนไขจากกรมทหาร
ตอนที่ 362 เงื่อนไขจากกรมทหาร
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกปวดหัวอยู่เล็กน้อย เพราะสงครามในทุ่งดาวแห่งความตายยังไม่ทันจะได้เริ่มต้นขึ้นและร่องรอยของสวนเอเดนก็ยังไม่ชัดเจน แต่มันกลับมีความขัดแย้งกับเซิร์กเพิ่มขึ้นมาใหม่
ยุคสมัยแห่งความวุ่นวายกำลังจะมาถึงแล้วอย่างนั้นเหรอ?
คนโบราณว่าไว้ว่าก่อนที่โลกจะวุ่นวายมันมักจะมีสัญญาณอะไรบางอย่างบ่งบอกอยู่เสมอ ซึ่งในปัจจุบันพันธมิตรได้อยู่กับความสงบสุขมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว แต่จู่ ๆ มันก็เริ่มมีสัญญาณของความวุ่นวายปรากฎให้เห็นอย่างเด่นชัด
“ในเมื่อคุณเรียกผมมาที่นี่ก็แสดงว่าคุณมีเรื่องจะพูดกับผมใช่ไหมครับ? ที่นี่ไม่มีใครและผมก็เป็นคนปากหนักมาก ถ้าคุณมีอะไรจะพูดก็บอกผมมาตอนนี้ได้เลยครับ” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากจุดบุหรี่เพื่อพยายามบรรเทาความเครียดภายในใจ
“ตอนแรกฉันคิดว่าจะบอกคุณในอีก 2-3 วันหลังจากนี้ แต่ฉันคิดว่าสถานการณ์ของคุณค่อนข้างที่จะพิเศษกว่าคนอื่นอยู่เล็กน้อย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันได้ตัดสินใจแจ้งให้คุณทราบล่วงหน้าเพื่อที่คุณจะได้เตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ” วิลเลียมกล่าวด้วยดวงตาอันเป็นประกาย
หลังจากหยุดพักไปชั่วคราววิลเลียมก็กล่าวขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ตอนนี้คณะทูตของเซิร์กได้ไปพบกับประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรีในนครหลวงแล้ว”
“ตอนนี้?! คณะทูตของเซิร์กมาทำไมครับ?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
“พวกเขาอ้างว่าพวกเขามาพูดคุยเรื่องการค้าระหว่างทั้งสองเผ่าพันธุ์ เพราะตั้งแต่สงครามเมื่อหลายพันปีที่แล้วมนุษย์กับเซิร์กก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดมาโดยตลอด พวกเขาจึงเสนอให้เปิดเขตการค้าเสรีในพื้นที่เขตดาววิลเดอร์เนส คุณคิดว่าพวกเขากำลังมีเจตนาแอบแฝงอะไรกันแน่?” วิลเลียมถามด้วยรอยยิ้ม
“เมื่อทั้งสองเผ่าพันธุ์เริ่มทำการค้า มันจะมีการส่งสายลับเข้ามาในดินแดนของพันธมิตรเป็นจำนวนมาก ดังนั้นผมจึงเดาว่าเจตนาของพวกเขาน่าจะเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงครามมากกว่า” เซี่ยเฟยตอบ
“ฉันกับไทสันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แล้วนายคิดว่าทางรัฐบาลจะตอบรับข้อเสนอทางการค้าของพวกเซิร์กหรือเปล่า?” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่พอใจ
“เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับเงื่อนไขว่าพวกเซิร์กเสนออะไรเข้ามาบ้าง ท้ายที่สุดทางพันธมิตรก็มองเรื่องธุรกิจโดยเฉพาะ และตราบใดก็ตามที่พันธมิตรมองว่าพวกเขาได้รับผลประโยชน์พวกเขาย่อมตอบรับข้อเสนอทางการค้าจากพวกเซิร์กแน่นอน แต่ถ้าหากว่าทางกรมทหารปฏิเสธเรื่องนี้อย่างจริงจังทางพันธมิตรก็คงจะต้องพิจารณาเงื่อนไขทั้งหมดอีกครั้งว่าจะยอมรับข้อเสนอของพวกเซิร์กหรือไม่” เซี่ยเฟยกล่าว
“ให้ทางกรมทหารปฏิเสธอย่างจริงจังงั้นเหรอ?” วิลเลียมกล่าวทวน
“ผมว่าจอมพลไทสันคงจะไม่ตัดสินใจแบบนั้นหรอกครับ เพราะท้ายที่สุดข้อตกลงทางการค้านี้ก็คงจะไม่กระทบผลลัพธ์ในเรื่องของสงครามอยู่แล้ว ในเมื่อพวกเซิร์กต้องการจะใช้ประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนทางการค้าครั้งนี้ มันก็หมายความว่าพวกเราสามารถที่จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ในครั้งนี้ได้ด้วยเหมือนกัน”
“หลังจากนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ได้มากกว่า และใครจะมีความโหดเหี้ยมมากกว่ากัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“นี่คุณเป็นพยาธิในท้องของไทสันหรือยังไง?! ถึงสามารถคาดเดาเรื่องพวกนี้ได้หมดเลย” วิลเลียมอดที่จะปรบมือขึ้นมาไม่ได้
“ผมแค่ลองคิดดูว่าถ้าผมอยู่ในสถานการณ์นั้น ผมจะตัดสินใจยังไงเท่านั้นเองครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่อย่างเฉยเมย
“ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่นายได้พูดเอาไว้เลย ไม่เพียงแต่ทางกรมทหารจะไม่เข้าไปแทรกแซงในเรื่องนี้เท่านั้น แต่ทางเรายังส่งเสริมให้พันธมิตรยอมรับข้อเสนอของเซิร์กอย่างจริงจังด้วย ในเมื่อพวกเซิร์กตั้งใจที่จะทำสงครามกับพวกเราแล้ว พวกเราก็จำเป็นที่จะต้องตอกตะปูเข้าไปในหัวใจของพวกมัน” วิลเลียมกล่าวอย่างเย็นชา
“เรื่องพวกนี้ควรจะเป็นความลับขั้นสุดยอดของทั้งกรมทหารไม่ใช่เหรอครับ? แล้วทำไมจู่ ๆ คุณถึงได้นำเรื่องนี้มาบอกกับผม?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างประหม่า
“เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับคุณโดยตรงยังไงล่ะ” วิลเลียมกล่าว
“เกี่ยวกับผม?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัย
“รายละเอียดของข้อเสนอทางการค้าคือพ่อค้าทุกคนสามารถเข้าไปทำการค้าในเขตทุ่งดาววิลเดอร์เนสได้โดยเสรี แต่มันจะมีพ่อค้าชั้นนำบางรายจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปทำการค้ายังดินแดนของอีกฝ่ายได้โดยตรง” วิลเลียมกล่าว
“แบบนี้ทุ่งดาววิลเดอร์เนสก็คงจะกลายเป็นสนามรบในเวลาเพียงแค่ไม่นาน ส่วนพ่อค้าที่จะเข้าไปในดินแดนของอีกฝ่ายก็คงจะกลายเป็นนักรบแนวหน้าในสงครามสินะครับ”
“ส่วนเหตุผลที่เมื่อวานพวกคุณพูดคุยกับผมเป็นเวลานาน นั่นก็เพราะว่าคุณกำลังประเมินว่าผมมีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นตัวแทนพ่อค้าเข้าไปในดินแดนของเซิร์กหรือเปล่าใช่ไหมครับ?” เซี่ยเฟยกล่าว
“ถูกทุกอย่างตามที่คุณพูดเลย” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ในเมื่อทางกองทัพตั้งใจจะส่งนักสู้แนวหน้าเข้าไปในดินแดนของศัตรูอยู่แล้ว แล้วทำไมพวกคุณถึงไม่ส่งทหารเข้าไปในดินแดนของพวกเซิร์กล่ะครับ ทำไมถึงได้มาเลือกนักธุรกิจแบบพวกเราด้วย?” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างหมดหนทาง
“พวกเซิร์กไม่ได้โง่เหมือนกับที่พวกเราคิด พวกเขาตั้งเงื่อนไขว่าผู้ที่จะเข้าไปยังดินแดนของอีกฝ่ายจะต้องเป็นเจ้าของบริษัทเท่านั้น” วิลเลียมกล่าว
“เงื่อนไขของพวกเขาช่างเป็นกลอุบายที่ร้ายกาจจริง ๆ เจ้าของบริษัทในพันธมิตรคงจะไม่คิดเสี่ยงชีวิตของพวกเขาง่าย ๆ แต่ในทางกลับกันพวกเซิร์กน่าจะเตรียมการเรื่องนี้เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากครุ่นคิดเป็นเวลานาน
“อันที่จริงเราสามารถปลอมตัวทหารไปเป็นผู้ติดตามของเจ้าของธุรกิจได้ แต่ก่อนอื่นพวกเราก็จำเป็นจะต้องหานักธุรกิจชั้นนำที่เต็มใจจะเสี่ยงภัยเพื่อพันธมิตรและกองทัพ” วิลเลียมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แล้วมันเป็นไปได้ไหมครับที่เราจะแอบส่งทหารเข้าไปเป็นผู้ติดตามของนักธุรกิจพวกนี้?” เซี่ยเฟยกล่าว
“เรื่องมันคงจะไม่ง่ายแบบนั้น สำหรับนักธุรกิจพวกเขาก็คงจะเสียเวลาจัดการเรื่องต่าง ๆ แค่เพียงไม่นาน แต่การพยายามสืบหาข้อมูลและลงมือทำภารกิจจำเป็นจะต้องใช้เวลานานมากกว่านั้น ซึ่งถ้าหากกลุ่มการค้ากลับไปหลังจากเสร็จธุระของตัวเอง เจ้าหน้าที่ทหารที่แอบติดตามเข้าไปก็จะไม่สามารถทำภารกิจของตัวเองได้”
“ด้วยเหตุนี้นักธุรกิจกับทหารจะต้องคอยประสานงานกันอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทหารสามารถทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี” วิลเลียมกล่าว
“เงื่อนไขนี้เป็นเงื่อนไขที่เสี่ยงมากเลยนะครับ เพราะถึงยังไงทางกองทัพก็มีแผนที่จะเผชิญหน้ากับทางเซิร์กอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าร่วมในกลุ่มการค้าก็จะต้องเผชิญหน้ากับอันตราย เว้นแต่ว่า…”
“เว้นแต่ว่าอะไร?”
“เว้นแต่ว่าทางกองทัพจะมอบผลประโยชน์มากพอที่จะทำให้นักธุรกิจเหล่านั้นยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อกรมทหารได้ ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะไม่มีใครยอมรับเงื่อนไขที่เสี่ยงอันตรายแบบนี้อย่างแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างช้า ๆ
ในความเป็นจริงเซี่ยเฟยรู้ดีว่าทำไมสามจอมพลถึงชอบเขามากเป็นพิเศษ เนื่องมาจากการที่บริษัทควอนตัมคือซัพพลายเออร์ระดับ A ของกรมทหาร มันจึงทำให้เขากลายเป็นนักธุรกิจชั้นนำของพันธมิตรได้โดยไม่มีปัญหา
ขณะเดียวกันบริษัทควอนตัมก็พึ่งจะเป็นซัพพลายเออร์ระดับ A ของกรมทหารได้เพียงแค่ไม่นาน และในบรรดาพ่อค้าชั้นนำทั้งหมดเขาก็มีแนวโน้มที่จะตอบรับข้อเสนอที่เสี่ยงอันตรายแบบนี้มากที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้นสถานะของเซี่ยเฟยยังค่อนข้างพิเศษ เพราะนอกเหนือจากการที่เขาจะเป็นนักธุรกิจชั้นนำแล้วเขายังเป็นนักสู้ที่เก่งกาจ ซึ่งมันเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการทำภารกิจในครั้งนี้
“ฉันเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าคุณจะต้องพูดแบบนั้น เท่าที่ฉันรู้คุณเชื่อในทฤษฎีการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมใช่ไหม? ดังนั้นตราบใดที่เรามอบผลประโยชน์ให้อย่างคุ้มค่าคุณก็พร้อมที่จะทำงานให้กับเรา ถ้าอย่างนั้นช่วยบอกฉันทีว่าผลประโยชน์แบบไหนถึงจะมากพอที่จะช่วยโน้มน้าวให้คุณมาทำภารกิจให้กับทางกองทัพได้” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ผมไม่กล้าคิดแบบนั้นหรอกครับ แต่นักวางแผนของเซิร์กเป็นพวกเจ้าเล่ห์จริง ๆ เขาถึงสามารถทำความเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี มันเป็นเรื่องปกติที่ยิ่งมนุษย์มีตำแหน่งและอำนาจมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งรู้สึกหวาดกลัวความตายมากขึ้นเท่านั้น”
“แต่ในทางตรงกันข้ามพวกเซิร์กยินดีที่จะปฏิบัติตามคำสั่งแม้ว่าพวกเขาจะต้องสละชีวิตของตัวเองก็ตาม ข้อเสนอของพวกเขาในคราวนี้จึงทำให้สถานการณ์ของพวกเราเสียเปรียบในทุก ๆ ทาง” เซี่ยเฟยกล่าว
แน่นอนว่าเขาย่อมไม่เสนอเงื่อนไขของตัวเองออกไปตรง ๆ แต่รอให้ทางกรมทหารเสนอเงื่อนไขมาให้กับตัวเขาก่อน เพราะนอกเหนือจากผลประโยชน์ที่เขาต้องการจะได้รับแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่เขาจำเป็นจะต้องพิจารณาคือทางกรมทหารมีความจริงใจให้กับเขามากแค่ไหน เพราะถ้าหากว่าอีกฝ่ายไม่จริงใจแม้ว่าผลประโยชน์ที่อีกฝ่ายเสนอมาจะมากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะยอมรับข้อเสนอแบบนี้
“อย่าพูดจาเฉไฉไปหน่อยเลย ฉันได้ยินมาว่าคุณต้องการที่จะสร้างอาณาจักรของตัวเองในเขตทุ่งดาวแห่งความตายงั้นเหรอ?” วิลเลียมกล่าว
“นี่คุณรู้เรื่องทุกอย่างในพันธมิตรเลยงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ถึงแม้ว่าคุณจะหลอกคนอื่นได้แต่คุณก็หลอกพวกเราไม่ได้หรอก ความจริงแล้วทุกสิ่งที่คุณคิดก็ไม่ต่างไปจากสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตมากนัก แต่เรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทางกรมทหารเช่นเดียวกันว่าเราจะอนุญาตให้ความปรารถนาของคุณนั้นได้กลายเป็นจริงหรือไม่”
“ดูเหมือนว่าผมจะไม่มีทางเลือกสินะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างหมดหนทาง
“ใครบอกว่าคุณไม่มีทางเลือก คุณกำลังต้องการพื้นที่ดาวเป็นของตัวเองใช่ไหม? ฉันสัญญาว่าหลังจากภารกิจครั้งนี้ได้สิ้นสุดลง ทางเราจะยกภูมิภาคดาวเหวทมิฬให้กับคุณ”
“ยกให้ทั้งภูมิภาคดาว!!” เซี่ยเฟยแทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง เพราะเดิมทีเขาต้องการแค่พื้นที่ส่วนหนึ่งในภูมิภาคดาวเท่านั้น แต่วิลเลียมกลับให้สัญญาว่าจะยกภูมิภาคดาวทั้งภูมิภาคเป็นของรางวัลในการทำภารกิจครั้งนี้
“ถูกต้อง แต่พันธมิตรจะไม่ให้เงินสนับสนุนคุณแม้แต่เหรียญเดียว ดังนั้นคุณจำเป็นจะต้องใช้เงินของตัวเองในการพัฒนาภูมิภาคดาวขึ้นมา แน่นอนว่าหากมันมีผลกำไรใด ๆ ในภูมิภาคดาวของคุณ ของทุกอย่างมันก็จะกลายเป็นของคุณโดยชอบธรรม”
“แต่ถ้าหากว่าคนในท้องถิ่นไม่พอใจกับการปกครองของคุณจนมันก่อให้เกิดเหตุจลาจลขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลานั้นทางพันธมิตรก็จะยึดภูมิภาคดาวเหวทมิฬกลับมาทันที”
“ผมต้องทำอะไรบ้างครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างจริงจัง
แม้ว่าภายนอกชายหนุ่มจะยังคงความนิ่งสงบ แต่ภายในใจเขากำลังรู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
นี่มันภูมิภาคดาวทั้งภูมิภาคเชียวนะ ถ้าหากว่าเขาได้ครอบครองภูมิภาคดาวแห่งนี้จริง ๆ มันก็หมายความว่าเขาสามารถทำทุกสิ่งในภูมิภาคดาวได้ตามต้องการ โดยจะไม่มีใครเข้ามายุ่งกับการตัดสินใจของเขาได้เลย
“ความตั้งใจเดิมของไทสันคือให้คุณนำคนเข้าไปสอดแนมหาข้อมูล แต่หลังจากบทสนทนาเมื่อวันก่อนไทสันก็เปลี่ยนแผนการอย่างกะทันหัน โดยในตอนนี้คุณไม่เพียงแต่จะต้องร่วมมือกับทางกองทัพตลอดทั้งภารกิจเท่านั้น แต่คุณยังต้องรับผิดชอบดำเนินการตามแผนการทำลายล้างอีกด้วย”
“แผนการทำลายล้าง?”
“ใช่ ทันทีที่การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น คุณจะต้องร่วมมือกับพวกทหารในการจัดการกับพวกกลุ่มผู้นำของเซิร์กจากด้านในดินแดนของพวกเขา”
เซี่ยเฟยพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง เพราะข้อเสนอนี้คือข้อเสนอที่เขาเป็นคนบอกกับสามจอมพลด้วยตัวเอง
“โอเคครับ ผมตกลง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณคงจะไม่ปฏิเสธ เอาล่ะคุณมีเวลาเตรียมตัวอีกหนึ่งเดือน คุณน่าจะรู้ดีนะว่าในเวลา 1 เดือนนี้คุณควรจะทำอะไร?” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับตบไหล่เซี่ยเฟยด้วยรอยยิ้ม
***************
เอาแล้วววว อยู่ๆก็จะได้เป็นทัพหน้าในดินแดนศัตรู