(ฟรี) ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 165 หอคอยและบันทึกการเดินทางของวิหกเพลิงเหมันต์
“มีบางอย่างอยู่ข้างหน้า! ข้าคิดว่ามันอาจจะเป็นซากปรักหักพังของขุมพลังที่ควบคุมอาณาเขตเร้นลับนี้ในอดีต” พวกเขาเดินทางต่อไปในอาณาเขตเร้นลับ โดยไม่พบกับอสูรที่แข็งแกร่งใด ๆ ระหว่างทาง นอกเหนือจากอสูรขอบเขตควบแน่นแก่นแท้เพียงไม่กี่ตัว
ในไม่ช้า เซวียนห่าวและชือหู่ก็มาถึงสถานที่แห่งแรกของอาณาเขตเร้นลับ
ชือหู่ไม่รอช้าแม้แต่น้อย เขารีบพุ่งเข้าไปดูซากปรักหักพังนี้ ขณะที่เซวียนห่าว ตามมาติด ๆ
ซากปรักหักพังแห่งนี้คือหอคอยขนาดใหญ่ที่มีเก้าชั้น แต่ตอนนี้มันผุพังจนกำแพงบางส่วนพังทลายลง ทำให้มันดูราวกับว่าจะพังทลายได้ทุกเมื่อด้วยแรงเพียงน้อยนิดจากป่าโบราณใกล้เคียงนี้
นอกเหนือจากพวกเขาแล้ว เซวียนห่าวยังสังเกตเห็นผู้ฝึกตนอีกสองสามคนที่มาถึงที่แห่งนี้ ก่อนที่พวกเขาจะสำรวจชั้นต่าง ๆ ของหอคอยอย่างตื่นเต้น
พวกเขาส่วนใหญ่มุ่งความสนใจไปที่จุดยอดของหอคอยซึ่งปกติมักจะมีม้วนคำภีร์และเคล็ดวิชาอันมีค่าที่ถูกเก็บไว้
ยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดพยายามรวบรวมข้อมูลของหอคอยนี้ด้วยสัมผัสเทวะ
เมื่อเดินขึ้นไปที่หอคอยเซวียนห่าวและชือหู่ต่างก็หยุดอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่พวกเขามองดูหอคอยสูงตระหง่านตรงหน้าพวกเขา
เซวียนห่าวและชือหู่ต่างก็ปล่อยสัมผัสเทวะของพวกเขาออกมา ในขณะที่พวกเขาเริ่มสำรวจหอคอย ยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดไม่กี่คนที่อยู่ข้างในก็หยุดชะงัก พวกเขารู้สึกถึงสัมผัสเทวะของผู้ที่เข้ามาใหม่ ก่อนที่พวกเขาจะกลับไปแผ่สัมผัสเทวะของตนอีกรอบ หลังจากไม่พบว่ามีอสูรที่อันตรายใด ๆ
ภายในหอคอยเต็มไปด้วยชั้นวางหนังสือเป็นแถวเรียงรายไปด้วยหนังสือและม้วนคำภีร์
สิ่งนี้ต่อเนื่องไปตั้งแต่ชั้นที่หนึ่งจนถึงชั้นที่เก้าของหอคอย เพียงแค่สำรวจข้อมูลจำนวนนี้ให้ถี่ถ้วน แม้จะใช้สัมผัสเทวะ แต่นั่นก็อาจต้องกินเวลาไปกว่าหนึ่งปี
นี่เป็นเหตุผลว่า เหตุยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดจึงขึ้นไปที่ชั้นเก้าของหอคอย เพราะมันมักจะเก็บสิ่งที่มีค่าที่สุด ดังนั้นพวกเขาจะไม่เสียเวลากับเคล็ดวิชาคุณภาพต่ำที่เก็บไว้ในหอคอย
ชือหู่ก็เห็นสิ่งนี้เช่นกันและรีบเข้าไปในหอคอย เขาเดินไปด้านบน ก่อนที่จะเข้าร่วมกับผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดคนอื่น ๆ
ในขณะที่พวกเขาทั้งหมดอยู่ด้วยกันอย่างเงียบสงบและบันทึกเคล็ดวิชานานาชนิด ที่มีอยู่บนชั้นเก้า
เซวียนห่าวเห็นสิ่งนี้และตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วมกับเขา ในขณะที่เขาตัดสินใจเดินไปรอบ ๆ ชั้นแรกเพื่อดูว่าเขาสามารถหาหนังสือที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ที่จะสามารถให้แนวคิดว่าอาณาเขตเร้นลับมาจากที่ใดและสถานที่ที่เป็นไปได้ในซากปรักหักพังอื่น ๆ ภายในอาณาเขตเร้นลับ
เนื่องจากชือหู่ได้ติดต่อเขาเพื่อขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับอาณาเขตเร้นลับ เซวียนห่าวจึงคาดหวังให้เขาเข้าร่วมนิกายกระบี่ล่องนภาหลังจากนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลเกี่ยวกับเคล็ดวิชาที่ชั้นบนสุดมากนัก เนื่องจากชือหู่จะจำได้และสามารถเขียนไว้ เมื่อพวกเขาเดินทางกลับไปยังนิกายกระบี่ล่องนภา
เหตุใดเขาถึงไม่กังวลเกี่ยวกับผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดมากมายที่ต่อสู้กัน เพื่อเคล็ดวิชาบ่มเพาะบนชั้นที่เก้า?
เหตุผลนั้นค่อนข้างง่าย เนื่องจากผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดที่มากมายเหล่านี้มักจะใช้เวลาในการบันทึกและจดจำเคล็ดวิชาต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด แทนที่จะเสียเวลาต่อสู้เพื่อเป็นเจ้าของเคล็ดวิชาแต่เพียงผู้เดียว...
ใครจะรู้ว่าพวกเขามีเวลาอีกนานเพียงใดกว่าที่กลุ่มใหญ่จะปรากฏตัวและไล่พวกเขาออกไป? ที่สำคัญกว่านั้นเคล็ดวิชาต่าง ๆ นั้นง่ายต่อการจดจำและคัดลอกในภายหลัง ตราบใดที่ไม่ได้มาจากขั้นสวรรค์ระดับสูงสุดหรือสูงกว่านั้น
เคล็ดวิชาในระดับนั้นโดยปกติจะมีข้อมูลเชิงลึกพิเศษอยู่ในนั้นและการคัดลอกก็ไม่ได้เป็นทางเลือกอีกต่อไป เว้นแต่เจ้าจะเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาหรือเคล็ดวิชาบ่มเพาะดังกล่าวในระดับเดียวกับผู้สร้าง...
ดังนั้นเมื่อไม่มีสิ่งใดเช่นนั้นปรากฏขึ้น ผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดพร้อมกับชือหู่บนชั้นที่เก้าก็สามารถอ่านพวกมันด้วยกันอย่างเงียบ ๆ ขณะที่พวกเขาสนใจแต่เรื่องของตนเอง
เมื่อเข้าสู่หอคอย เซวียนห่าวเริ่มเดินไปรอบ ๆ ชั้นแรกและเห็นหนังสือที่น่าสนใจมากมายกระจายอยู่ทั่วสถานที่
จากหนังสือประวัติศาสตร์ที่บรรยายถึงสงครามของจักรวรรดิลามสลายไปนานและนิกายขนาดใหญ่ที่ต่อสู้กันเองพร้อมกับหนังสือนิทานเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในตำนานนานาประเภท
เมื่อเห็นหนังสือที่น่าสนใจเหล่านี้ เซวียนห่าวก็อดไม่ได้ที่จะหยิบหนังสือสองสามเล่มเพื่อนำกลับไปที่นิกายเพื่ออ่านในภายหลัง
“หืม การเดินทางของวิหคเพลิงเหมันต์?” เมื่อพบกับหนังสืออีกเล่มที่บรรยายถึงอสูรในตำนานเช่นนกวิหคเพลิง เซวียนห่าวรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างแตกต่างออกไป
เขาหยิบหนังสือขึ้นมาและเริ่มตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
หนังสือ [การเดินทางของนกวิหคเพลิงเหมันต์] เป็นนวนิยายที่น่าสนใจ มันบรรยายถึงเรื่องราวของนกวิหคเพลิงตัวเล็ก ๆ ที่ถูกขับออกจากเผ่าของนางตั้งแต่อายุยังน้อย เนื่องจากครั้งที่เกิดมานั้นนางมีความเข้ากันได้กับธาตุน้ำแข็งแทนที่จะเป็นธาตุไฟ ธาตุที่เผ่าวิหคเพลิงได้รับความเคารพและแสดงอย่างภาคภูมิในทุกที่ที่พวกเขาโบยบิน
วิหคเพลิงสาวที่ถูกเผ่าของนางโยนทิ้ง นางถูกโยนลงมายังดินแดนมนุษย์ในเวลาต่อมา ซึ่งนางพยายามเอาชีวิตรอด แต่พบว่ามันยาก เนื่องจากนางไม่เคยเรียนรู้เคล็ดวิชาบ่มเพาะใด ๆ จากเผ่าวิหคเพลิง เนื่องจากนางถูกมองว่าเป็นความอัปยศของวิหคเพลิง เพราะธาตุน้ำแข็งของนาง
เช่นนี้ วิหคเพลิงสาวต้องดิ้นรนในช่วงสองสามปีแรกของชีวิตจนกระทั่งผู้อาวุโสใจดีจากนิกายของมนุษย์มารับนางและสอนการบ่มเพาะให้นาง
เรื่องราวจบลงที่นี่เนื่องจากหนังสือดูเหมือนจะเป็นส่วนแรก แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเซวียนห่าวเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ มันเป็นเพราะงานเขียนและถ้อยคำที่ใช้เขียนเรื่องนี้มีกลิ่นอายเย็นยะเยือกที่เหนือกว่าตัวเขาเอง!
เซวียนห่าวแทบไม่รู้สึกเลย เพราะเขาได้สร้างขอบเขตเทียมของเขาเอง
หากไม่มีสิ่งนี้ เขาคงไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันเยือกเย็นที่ซ่อนอยู่ภายใต้คำพูดของเรื่องราว คำพูดในหนังสือนี้เขียนขึ้นอย่างชัดเจนโดยใครบางคนที่ใช้พลังแห่งขอบเขตของพวกเขา!