นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 21 - การเริ่มต้น
นักเรียนจำนวนมากต่างก็จู่โจมด้วยการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองออกไป และการโจมตีของพวกเขาก็ปะทะเข้ากับคมดาบที่พุ่งฝ่าอากาศเข้ามาแล้ว
สีหน้าของเหล่านักเรียนทุกคนเกิดอาการเปลี่ยนแปลงในทันที จากเดิมที่มีอาการหวาดวิตก เต็มไปด้วยความตื่นเต้น หรือเคร่งเครียด กลายเป็นประหลาดใจ สับสนงุนงง และที่มากที่สุด กลัว!
ดวงตาของเดวิดก็เบิกกว้างขึ้น เขากำลังจ้องมองลงไปที่ร่างกายส่วนล่างของตัวเองอย่างประหลาดใจ และแน่นอนว่ามีความรู้สึกกลัวปนอยู่บ้างเล็กน้อย
เหตุผลที่เป็นแบบนั้น ก็เพราะว่าการโจมตีของพวกเขาไม่สามารถหยุดคมดาบนั่นเอาไว้ได้ มันไม่ได้ปะทะเข้ากับอะไรเลย มันว่างเปล่า เป็นแค่อากาศที่ว่างเปล่าเท่านั้น!
และเหตุผลที่ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เป็นเพราะคมดาบอากาศนั้นยังพุ่งเข้ามาตัดร่างกายของพวกเขาอย่างเต็มที่ นั่นรวมถึงตัวเดวิดเองด้วย
และถึงแม้ว่าฟิลลิดาจะรู้ความจริงแล้ว แต่สีหน้าของเธอนั้นก็ยังปรากฏร่องรอยของความหวาดกลัวออกมา การโดดดาบตัดร่างกายออกเป็นสองท่อน จะมีใครคนไหน? ไม่เกิดความรู้สึกกลัวขึ้นเลยได้?
เดวิดยืนนิ่งอยู่กับที่เกือบ 5 วินาที ก่อนที่จะเริ่มลองขยับขาของตัวเอง อย่ากล้า ๆ กลัว ๆ
ลองก้าวเดินออกไปข้างหน้า ขาของเขาขยับได้! มือของเขาเริ่มเอื้อมมาลูบคลำที่เอวเบา ๆ เพื่อตรวจสอบว่ามันยังติดกันอยู่ ใช่! ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่ได้ถูกตัดให้ขาดออกจากกัน เขาถึงกับสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก
หลังจากนั้น เดวิดก็เริ่มหันมองไปทางซ้าย และขวาของตัวเอง เพื่อจะสำรวจดูให้ชัดเจนว่า มีเพื่อนร่วมชั้นคนไหนของเขา ถูกตัดออกเป็นสองส่วน หรือถูกตัดแขนตัดขาออกไปบ้างหรือไม่?
แต่แล้วความคาดหวังของเขานั้นก็ต้องสูญสลายไป แม้ว่าจะยังมีนักเรียนบางคนที่อยู่ในอาการตกใจ และกลัวมากที่สุดในชีวิตพวกเขา ยังยืนนิ่งอยู่ราวกับเป็นรูปปั้นนั้น แต่ทุกคนยังอยู่ในสภาพที่เป็นชิ้นเดียวทั้งหมด
และเขายังถือโอกาสเหลือมองไปที่ไนฮุนด้วย เจ้าหมอนั่นอยู่ในท่าเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ มือทั้งสองข้างไขว้กันอยู่ข้างหน้าของตัวเอง ย่อตัวลงเล็กน้อยในท่านั่งม้า ร่างกายดูมีความมั่นคงอย่างมาก และแม้ว่าเขาจะเป็นอีกคนหนึ่งที่ยังช็อกอยู่ แต่ก็ไม่ได้มีบาดแผลอะไร
นั่นทำให้เดวิดต้องเงยหน้ากลับขึ้นไปมองที่ครูฝึกเอลลาทันที และก็พบว่า ตอนนี้ครูฝึกไม่ได้ลอยอยู่บนท้องฟ้าอีกต่อไปแล้ว แต่กลับยืนอยู่อย่างเฉื่อยชาที่พื้นดิน ใบหน้าที่เรียบเฉยของเธอนั้น มีแววตาแห่งความพอใจปรากฏอยู่ลึก ๆ
เอลล่ากำลังยืนอยู่ในท่ากอดอก ซึ่งยิ่งขับเน้นให้หน้าอกขนาดมโหราฬของเธอให้โดดเด่นขึ้นมาอีก มันดูเย้ายวนและกระตุ้นฮอร์โมนเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะเพิ่งประสบกันเหตุการณ์ที่น่าหวาดกลัวไปก่อนหน้า เหล่านักเรียนชายคงจะมีเลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูกอย่างหยุดไม่ได้ไปแล้ว แต่ในสมองของเด็กหนุ่มพวกนั้น ตอนนี้มีแค่ความกลัวตาย ไม่เหลือพื้นที่เอาไว้ให้คิดอะไรอย่างนั้น กับสิ่งสวยงามที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าได้เลย
แทนที่พวกเขาจะมองครูฝึกที่กำลังยืนอยู่ข้างหน้าของตัวเอง ว่าเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างยั่วยวน หน้าตาสวยงามน่ามอง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล ความกลัว ราวกับว่าผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าในตอนนี้ เป็นปีศาจร้ายตนหนึ่งต่างหาก
ครูฝึกเอลล่าถอนหายใจออกมาเบา ๆ หลังจากที่เห็นสิ่งที่แสดงออกมาจากสีหน้าของพวกนักเรียน ดูเหมือนว่ามันจะทำให้เธอพอใจไม่น้อย เธอชอบเห็นอะไรแบบนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว ในตลอดระยะเวลามากกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่เธอได้รับการบรรจุเข้ามาอยู่ในแผนกทักษะการต่อสู้นี้ เธอได้รับมอบหมายให้เป็นคนสอนเด็กใหม่มาตลอดทั้ง 3 ปีต่อเนื่องกัน
โดยปกติแล้ว ตารางสอนในอาทิตย์แรก จะเป็นการสอนนักเรียนเกี่ยวกับทฤษฎีการต่อสู้ต่าง ๆ ให้พวกนักเรียนรู้ตัวว่าพวกเขากำลังพาตัวเองมาเผชิญกับอะไร ความจริงจัง และความร้ายแรงของการต่อสู้ที่พวกเขาจะต้องเจอในอนาคต ตลอดจนสิ่งละอันพันละน้อยอื่น ๆ อีก
และเมื่อผ่านจากอาทิตย์แรกไปแล้ว หลังจากที่ผ่านการบรรยายทฤษฎี การตอบคำถามพื้นฐานต่าง ๆ จากนักเรียนไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่เธอจะเริ่มลงมือ เธอจะส่งพวกเขาให้เข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากบางอย่าง ซึ่งจะทำให้ศักยภาพที่ยังซ่อนอยู่ในตัวของนักเรียนตื่นขึ้นมา หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้อง บังคับให้ตื่นขึ้นมาจากความกลัว
มันเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการเริ่มต้น ที่นักเรียนใหม่ทุกคนจะต้องผ่านไปให้ได้ ถ้าใครประสบความสำเร็จ ถือว่ายอดเยี่ยม! แต่สำหรับคนที่ไม่ผ่าน ไม่ได้มีผลประทบหรือบทลงโทษที่รุนแรงอะไรเกิดขึ้นมากนัก เพียงแต่จะต้องย้ายที่พักของตัวเองเท่านั้น จากหอพักนักเรียน ไปเป็นหอพักของคนงาน และเปลี่ยนสถานะจากนักเรียนของสถาบัน กลายไปเป็นเจ้าหน้าชั่วคราว ที่มีหน้าที่ทำงานจิปาถะแทน
และคนที่กลายเป็นแบบนั้น จะยังได้รับโอกาสอีกครั้ง ภายในระยะเวลา 2 อาทิตย์หลังจากที่พวกเขาไม่ผ่านการทดสอบ เพื่อพยายามกลายเป็น ‘สไปรเยอร์’ ให้ได้ ถ้ายังไม่ประสบความสำเร็จอีก จากสถานะเจ้าหน้าที่ชั่วคราว ก็จะเปลี่ยนเป็นเจ้าหน้าที่ของสถาบันอย่างเต็มตัวทันที แต่ถ้าพวกเขาทำได้ ก็จะได้รับโอกาสเปลี่ยนสถานะกลับมาเป็นนักเรียนของสถาบันอีกครั้ง
ถึงแม้ว่า กฎจะถูกกำหนดเอาไว้แบบนั้น แต่มันก็มีเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะทำให้นักเรียนไม่ทำตัวเหลวไหลเกินไปเท่านั้น และเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี จำนวนนักเรียนของทางสถาบันเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นจำนวนมาก และพื้นฐานที่จำเป็นของนักเรียนใหม่ก็ดีขึ้นเป็นเงาตามตัวด้วยเช่นกัน นั่นทำให้จำนวนเจ้าหน้าที่ทำงานจิปาถะ และงานที่ใช้แรงงาน อย่างเช่น พ่อครัว ทำความสะอาด และอื่น ๆ ของทางสถาบันนั้นเริ่มไม่เพียงพอ และค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็เริ่มเพิ่มสูงขึ้นไม่น้อย กฎนี้ก็เริ่มมีความสำคัญขึ้นมาในทันที เพราะมันจะช่วยมอบแรงงานที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับสถาบันได้ และจะประหยัดทรัพยากรไม่ให้เสียไปอย่างไม่จำเป็นอีกด้วย
เพราะนักเรียนที่ไม่ผ่าน ‘การเริ่มต้น’ โดยปกติแล้ว จะเป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์ในการเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ได้ต่ำมากอยู่แล้ว หรือบางทีอาจจะเป็นคนที่มีจิตใจไม่เข้มแข็งพอ หรืออาจจะไม่มีเจตจำนงอันแรงกล้าที่จะแข็งแกร่งขึ้นเลยเสียด้วยซ้ำ พวกเขาไม่ควรที่จะสิ้นเปลืองทรัพยากรของทางสถาบันอีกต่อไป
ในช่วงแรก ๆ มีนักเรียนที่ไม่ผ่านการเริ่มต้นนี้จำนวนไม่มากนัก ในหนึ่งรุ่น จะมีเพียง 3-4 คนเท่านั้น และถ้าโชคของนักเรียนใหม่รุ่นนั้นดีพอ ในหนึ่งรุ่น อาจจะไม่มีคนที่ไม่ผ่านเลยเสียด้วยซ้ำ และถึงแม้ว่าจะมีคนที่ไม่ผ่านการทดสอบ แต่ส่วนใหญ่จะสามารถใช้เวลาช่วงที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ กลายเป็นสไปรเยอร์ในเวลาแค่เพียง 1 อาทิตย์ หรือมากกว่านั้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
และเมื่อผู้ที่มีอำนาจรับผิดชอบของทางสถาบัน ได้รับรู้ว่าจำนวนของนักเรียนที่กลายเป็นเจ้าหน้าที่ถาวรแทบจะเป็นศูนย์ ซึ่งแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดี แต่มันก็ทำให้สถาบันต้องพบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากไม่น้อย เพราะการว่าจ้างบุคคลภายนอกเข้ามาทำงาน อาจจะมีสายลับปะปนเข้ามาด้วยได้ ซึ่งก็มีโอกาสที่จะเป็นอย่างนั้นสูงเสียด้วย
ในภายหลัง จึงได้มีการประชุมกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ และโอกาสครั้งที่ 2 ถูกลดลงจาก 2 อาทิตย์ เหลือเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น และนี่ทำให้ จำนวนของนักเรียนที่ไม่ผ่านการเริ่มต้น หรือไม่ผ่านการทดสอบ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในทันที
สำหรับปีนี้ สถานการณ์นั้นแย่ที่สุด และแตกต่างจากในอดีตที่ผ่านมาพอสมควร เหตุผลที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น จะมีเพียงผู้มีอำนาจเท่านั้นที่รู้ เอลล่าเองพอจะมีเบาะแสอยู่บ้าง จากการที่ถูกขอ หรือบางที่ต้องเรียกว่า ถูกสั่ง ให้เริ่มขั้นตอนของการเริ่มต้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แน่นอน อำนาจการตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่นั้นยังขึ้นอยู่กับเธอ แต่นั่นก็เป็นคำสั่งที่ถูกส่งลงมาจริง ๆ
และด้วยความที่เป็นคนฉลาด เธอต้องการแค่คำบอกใบ้เพียงหนึ่งหรือสองครั้งเท่านั้น ก่อนที่จะรู้ว่าคำสั่งที่ถูกส่งลงมานั้น มีความต้องการอะไรจริง ๆ